การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเซียวเฉวียนทำให้เซียวจิงนึกประหลาดใจยิ่งนัก
เนื่องจากเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ภายในเกาะนกกระสาเช่นนี้ แม้แต่ตัวของเสี่ยวเชียนชิวเองก็ยังได้รับบาดเจ็บกลับมาอีก
ผู้ใดย่อมรู้ดีว่าเกิดเรื่องใหญ่มากขนาดไหนกัน
เช่นนี้ เซียวจิงจึงคิดว่าเซียวเฉวียนคงจะยังยุ่งอยู่กับการจัดการปัญหามากมายที่เกิดขึ้น ทั้งยังต้องวุ่นวายในการวิ่งออกไปตามหาคนร้ายอีกด้วย ช่วงนี้เขาคงมิอาจมาเยี่ยมเยียนเสี่ยวเชียนชิวได้เป็นแน่
“ท่านพี่ ท่านมาได้อย่างไรกัน?”
ใบหน้าของเซียวจิงพลันเต็มไปด้วยรอยยิ้มมากมาย ก่อนจะเดินขึ้นหน้าไปเอ่ยถาม
แววตาของนางพลางกวาดตามองไปทั่วร่างของเซียวเฉวียนในทันที เพื่อดูว่าเซียวเฉวียนได้รับบาดเจ็บตรงที่ใดหรือไม่
เมื่อเห็นเซียวจิงมีท่าทีเป็นกังวลเช่นนั้น เซียวเฉวียนจึงได้แต่แย้มยิ้มออกมาบางเบา ก่อนจะกล่าวออกมาว่า " จิงเออร์วางใจเถอะ พี่มิได้เป็นอันใด เพียงแค่มาเยี่ยมเยียนพวกเจ้าเท่านั้น"
พูดจบ เซียวเฉวียนจึงเดินเข้าไปด้าน ก่อนจะเอ่ยถามว่า "เสี่ยวเชียนชิวเป็นเช่นไรบ้างเล่า?"
ก่อนที่เซียวจิงจักได้เอ่ยอันใดออกมานั้น เสียงของเสี่ยวเชียนชิวพลันดังขึ้นมาเสียก่อน "ท่านพ่อ?"
น้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนแรงกว่าปกตินั้น ทำให้รู้ได้ในทันทีว่าร่างกายของนางยังมิอาจฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิม
ทว่า หาได้มีอาการร้ายแรงอันใดไม่ ขอเพียงแค่นางพักผ่อนอีกสักสองวัน ก็คงจะกลับมาร่าเริงและบ้าพลังได้อีกครั้ง
ในยามนี้ เสี่ยวเชียนชิวนอนเอนตัวอยู่บนเตียง เมื่อนางเห็นเซียวเฉวียนเดินเข้ามาพลันยิ้มแฉ่งออกมาในทันที
เซียวเฉวียนจึงเดินมาที่ข้างเตียง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง พลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า "เป็นอย่างไรบ้าง"
พูดจบ เซียวเฉวียนพลางเหลือบมองไปที่เซียวจิงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเซียวจิงกำลังหันกายออกไปนั้น เซียวเฉวียนจึงเอ่ยเรียกนางในทันที "จิงเออร์ เจ้าหยุดทำงานก่อนเถอะ มานั่งนี่เร็ว"
เซียวจิงพลันแย้มยิ้มตอบกลับในทันที "ท่านพี่ ข้าจักไปชงชาให้กับท่าน"
นี่ถือเป็นมารยาทพื้นฐานมิใช่หรือ เซียวเฉวียนเป็นท่านพี่ของนาง ในเมื่อเขามา นางก็ควรจักไปชงชามาต้อนรับเสียหนึ่งแก้ว
เซียวเฉวียนกล่าว “มิจำเป็น พี่หาได้นึกหิวไม่ พี่แค่อยากมาหาพวกเจ้าเท่านั้น มา นั่งลงเร็ว”
พูดจบ เซียวเฉวียนก็ตบเก้าอี้ตัวข้างๆ ของตนเอง
เมื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนเอ่ยออกมาเช่นนั้น เซียวจิงจึงมิมีทางเลือกนอกจากต้องทำตามคำพูดของเซียวเฉวียนแทน พร้อมทั้งนั่งลงข้างๆ เซียวเฉวียนอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเห็นว่าทั้งพี่ชายน้องสาวต่างก็หยุดคุยกันแล้วนั้น เสี่ยวเชียนชิวจึงตอบคำถามที่เซียวเฉวียนเอ่ยถามนางเมื่อครู่ไปในทันที ก่อนจะตอบกลับไปด้วยความรวดเร็วว่า"ท่านพ่อ ข้าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ท่านมิต้องกังวล"
ถึงแม้ว่านางจะขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่นางก็ยังจำเป็นต้องพักฟื้นต่อไป
ฟังจากน้ำเสียงย่อมรู้ว่านางดีขึ้นมามากแล้ว ทว่า กำลังภายในของนางยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่
“อื้ม แต่เจ้ายังคงต้องดูแลและพักผ่อนร่างกายของเจ้าให้ดีเสียก่อน” เซียวเฉวียนเอ่ยกำชับ
เสี่ยวเชียนชิวจึงตอบกลับโดยไวว่า "เจ้าค่ะ ท่านป้าดูแลข้าอยู่เช่นนี้ ท่านพ่อมิต้องเป็นกังวลไปเจ้าค่ะ?"
ในยามที่พูดนั้น เสี่ยวเชียนชิวพลางหันหน้าไปยิ้มให้กับเซียวจิงในทันที
นางชอบเซียวจิงมากจริง ๆ
ถึงแม้จะดูเหมือนว่าพวกนางสองคนจักอายุต่างกันไม่มาก ล้วนแต่เป็นเด็กสาวด้วยกันทั้งคู่
ยิ่งไปกว่านั้น ยามที่เซียวจิงร่ำเรียนวรยุทธ์นั้นนางยังถ่อมตัวเป็นอย่างยิ่ง ทำให้วรยุทธ์ของนางมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อเสี่ยวเชียนชิวได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เซียวจิงก็ดูแลนางเป็นอย่างดีเลยทีเดียว
เมื่อมีเซียวจิงอยู่ข้างกายนางเช่นนี้ ทำให้เสี่ยวเชียนชิวรู้สึกว่าการใช้ชีวิตน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
หากว่ากันตามปกติก็คือ นางมีเพื่อนแล้ว
เมื่อมีเซียวจิงเช่นนี้ ทำให้เสี่ยวเชียนชิวมิได้ยึดติดกับเซียวเฉวียนมากนัก หากเซียวเฉวียนมิได้มาหานาง นางก็ไม่คิดที่จะไปหาเซียวเฉวียนเช่นกัน
นั่นหมายความว่าเสี่ยวเชียนชิวจักมิเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ที่นางเอาแต่คอยตามอยู่ข้างกายเซียวเฉวียน ทว่า นางกลับจะอยู่เล่นกับเซียวจิงแทน
เมื่อถูกเพื่อนตัวน้อยเอาชมเช่นนี้ ใบหน้าของเซียวจิงพลันแดงระเรื่อยขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อยว่า "เจ้าบาดเจ็บอยู่เช่นนี้ ในฐานะที่ข้าเป็นท่านป้าของเจ้า การที่ข้าคอยดูแลเจ้าล้วนแต่เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว"
โดยปกติเซียวเฉวียนมักจะมีงานยุ่งเข้ามาไม่มีหยุด ทว่า เซียวจิงมิอาจช่วยเหลืออันใดได้เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่นางทำได้นั้น มีเพียงแค่ดูแลและปกป้องตัวเองให้ดี ดูแลเสี่ยวเชียนชิวให้ดีที่สุด เช่นนี้เซียวเฉวียนจักได้ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับและเสียสมาธิเพราะพวกนางอีก
เด็กอายุเพียงสิบห้าหนาว แต่กับรู้เรื่องรู้ราวมากมายเช่นนี้ ทำเอาผู้คนที่ได้เห็นนึกเศร้าใจยิ่งนัก
เซียวเฉวียนพลางเอ่ยออกมาด้วยความอ่อนโยนว่า “จิงเออร์ทำได้ดีมาก”
การที่เขาเอ่ยออกมาแบบนี้ ถือเป็นการช่วยลดความกดดันที่อยู่ภายในจิตใจของนางให้ลดลงไปได้เป็นอย่างดี
เซียวเฉวียนรู้ดี ว่าเซียวจิงรู้สึกเสียใจมากแค่ไหนที่นางมิอาจช่วยเหลืออันใดเขาได้
ทว่า เซียวเฉวียนแค่อยากให้นางปลอดภัยและใช้ชีวิตอย่างปกติสุขเท่านั้น เขามิอยากให้นางต้องมามีชีวิตความเป็นอยู่ด้วยความวิตกกังวลหรือเต็มไปด้วยความอาฆาตภายในจิตใจ
ด้วยอายุของนางเพียงเท่านี้ มิใช่ว่านางควรจะชีวิตที่ปราศจากความทุกข์หรือ?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉวียนพลางแย้มยิ้มกล่าวออกมาว่า "ดีมากจิงเออร์!"
เด็กที่รู้ความเช่นนี้ หากว่านางข้ามไปอยู่ในโลกยุคปัจจุบันละก็ คงจักเป็นเด็กธรรมดาจากครอบครัวตระกูลอื่น!
ในขณะเดียวกัน เสี่ยวเชียนชิวพลางเอ่ยขึ้นมาว่า "ท่านพ่อ ศิษย์อาจารย์คู่นั้นท่านเจอแล้วหรือไม่เจ้าคะ?"
เซียวเฉวียนได้แต่ส่ายหัวไปมาในทันที ก่อนจะกล่าวว่า "มิเจอ เป็นตายมิแน่ชัด"
หากกล่าวออกมาเช่นนี้ เสี่ยวเชียนชิวพลันรู้สึกได้ในทันที ว่าพวกเขาจักต้องยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน
ในเมื่อทำร้ายนางจนบาดเจ็บหนักขนาดนี้ หากยังมีชีวิตอยู่ละก็ เสี่ยวเชียนชิวจักพลิกใต้หล้าไม่ว่าจะเหนือหรือใต้ นางก็จักตามตัวนักปราชญ์มาให้จงได้!
เมื่อเซียวเฉวียนเห็นนัยน์ตาที่ฉายแววประกายความเย็นชาของเสี่ยวเชียนชิว เขาจึงได้แต่เอ่ยปลอบใจขึ้นมาในทันทีว่า "เสี่ยวเชียนชิว อาการบาดเจ็บของเจ้ายังมิหายดี เจ้ายังมิควรขยับเขยื้อนร่างกายของตนเองในยามนี้"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเสี่ยวเชียนชิวพลันอ่อนลงมาเล็กน้อย ก่อนนางจักเอ่ยขึ้นมาว่า"ท่านพ่อวางใจเถิด เสี่ยวเชียนชิวจักมิทำอะไรหุนหันพลันแล่นอย่างแน่นอน"
นางรู้ดีว่าตนเองมิอาจเอาชนะท่านนักปราชญ์ได้แน่ นางจักมิยอมเผชิญหน้าตรง ๆ กับเขาเป็นอันขาด
ทว่า นางก็จักมิยอมให้ท่านนักปราชญ์หนีหายไปไหลนักหลอก!
เป็นเพราะนักปราชญ์ ตระกูลเซียวจึงถูกกวาดล้าง แม่เซียวก็ต้องมาตาย ทั้งนี้ นี่เป็นครั้งที่สองที่นางถูกนักปราชญ์ทำร้ายจนต้องมาบาดเจ็บเช่นนี้ด้วย
บัญชีแค้นนี้ นางจักต้องเอาไปชำระกับนักปราชญ์อย่างแน่นอน!
ไม่เพียงแต่ชำระแค้นเท่านั้น แต่นางจักเอาคืนเขาเป็นพันเป็นร้อยเท่าอีกด้วย!
รอนางหายดีเมื่อไหร่เถอะ นางจักตามเซียวเฉวียนออกไปค้นหาตัวนักปราชญ์ให้ได้เลย
ผู้ใดจักไปคิดกัน ว่าเซียวเฉวียนจักคาดเดาความคิดของนางได้เช่นนี้ เขารีบเอ่ยขัดขวางความคิดที่อยู่ในหัวของเสี่ยวเชียนชิวไปในทันที "หากนักปราชญ์รู้ว่าเจ้าสามารถสื่อสารพูดคุยกับดอกไม้ใบหญ้าได้นั้น เขาย่อมต้องใช้ค่ากาลมาปกปิดร่องรอยของตนเองอย่างแน่นอน"
นั่นหมายความว่า วิธีการของเสี่ยวเชียนชิวนั้นมิอาจใช้กับนักปราชญ์ได้
เซียวเฉวียนจึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า “รอจนกว่าอาการบาดเจ็บของเจ้าจักหายเสียก่อน เจ้าก็รั้งอยู่ที่เกาะนกกระสาเสีย ช่วยพ่อจับตาดูการเคลื่อนไหวภายในเกาะนกกระสาดีหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเซียวเฉวียนกล่าวขอความช่วยเหลือจากตนเองนั้น เสี่ยวเชียนชิวพลันตอบตกลงไปในทันที "เจ้าค่ะ!"
ตราบใดที่นางสามารถช่วยเซียวเฉวียนแก้ปัญหาได้นั้น มิว่านางจักอยู่ที่ได้ล้วนเหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังรู้อีกว่า การที่เซียวเฉวียนทำเช่นนี้ นั่นก็เพื่อต้องการมีหลักประกันความปลอดภัยให้กับเซียวจิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...