ขอเพียงเซียวเฉวียนวางใจ เสี่ยวเชียนชิวยินดีที่จะอยู่ในเกาะนกกระสาต่อ
หากว่ากันจริง ๆ แล้ว นักปราชญ์ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เป็นดั่งที่เซียวเฉวียนกล่าวเอาไว้มิมีผิด เมื่อเขารู้ว่าเสี่ยวเชียนชิวมีความสามารถพิเศษเช่นนี้ เขาย่อมพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกปิดร่องรอยตัวตนของตนเอง
มิใช่ว่าเสี่ยวเชียนชิวอยากจะควานหาเขาก็จักทำได้อย่างง่ายดายเช่นเดิมไม่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การค้นหาเบาะแสโดยมิมีจุดหมายของเสี่ยวเชียนชิวเช่นนี้ ย่อมถือว่าเป็นการเสียเวลา
มิสู้นางเชื่อฟังคำสั่งของเซียวเฉวียน รั้งอยู่ในเกาะนกกระสาต่อไป อีกด้านก็เพื่อปกป้องเซียวจิง ในขณะที่อีด้านหนึ่งก็คอยจับตามองความเคลื่อนไหวภายในเกาะนกกระสาต่อไป
พวกเขาทั้งสามคนพลันพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเซียวเฉวียนจึงกำชับสั่งการให้เสี่ยวเชียนชิวดูแลตนเองดี ๆ แม้แต่เซียวจิงเองก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ เช่นกัน
พร้อมทั้งเซียวเฉวียนที่หันกายเดินออกจากบ้านที่เซียวจิงอาศัยอยู่ไป
แน่นอนว่าการจากไปของเซียวเฉวียนนั้น มิอาจให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ได้
ห้ามมิให้ผู้ใดรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซียวจิง
เพื่อที่จะซ่อนและปกปิดการมีตัวตนอยู่ของเซียวจิงนั้น ไม่เพียงแต่เซียวเฉวียนจักกำชับมิให้เซียวจิงไปช่วยเหลืออาสือนั้น เขายังกำชับกับอาสือด้วยว่าห้ามเอ่ยถึงเซียวจิง
ผู้คนมีหลายตาปากที่เอ่ยย่อมมากวาจา
เซียวเฉวียนหาได้นึกกังวลว่า หากทาสคุนหลุนล่วงรู้เข้าจักทำการขายข่าวของเซียวจิงไม่ แต่เขาเป็นกังวลว่าคนพวกนั้นจักเผลอหลุดปากพูดออกมาต่างหาก
ดังนั้น ยิ่งคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดีมากเท่านั้น
หลังจากกลับมาแล้วนั้น เซียวเฉวียนจึงฉวยโอกาสช่วงที่ตนเองมีเวลาว่าง พาเจี้ยนจงออกไปมองหาสถานที่ที่เหมาะสมในการสร้างสถานศึกษาแทน
ในระหว่างทางนั้น เจี้ยนจงพลันเอ่ยถามถึงคำถามที่เขาอยากจะถามมาโดยตลอดว่า "เหล่าเซียว เจ้ากล่าวว่าหลังจากที่จักสร้างสถานศึกษาภายในแต่ละรัฐของเจ็ดรัฐใหญ่แล้วนั้น เจ้าจักไปสร้างสถานศึกษาที่ต้าเว่ยและที่ซินเจียงอีกหรือไม่?”
เซียวเฉวียนพลันพยักหน้าลงตอบกลับในทันที "ใช่"
เจี้ยนจงพลางเลิกคิ้วขึ้นมาน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบาว่า "เจ้ายอมออกเงินมากมายเพียงนั้นเลยหรือ?"
ในความคิดของเจี้ยนจงนั้น ค่าใช้จ่ายภายในเจ็ดรัฐใหญ่ บางทีฝ่าบาทอาจจะออกเงินเพื่อช่วยเหลือแก่เซียวเฉวียนบ้าง
ทว่า หากเป็นทั่วทั้งต้าเว่ยนั้นจนรวมไปถึงที่ซินเจียงแล้ว ด้วยค่าใช้จ่ายทำนี้ สำหรับสถานการณ์ของต้าเว่ยในยามนี้รวมไปถึงต้าเว่ยในอีกสิบปีข้างหน้านับว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ยิ่งนัก
หรืออาจจะใช้เวลานานมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
หากว่ากันตามจริงแล้ว ถึงแม้ว่าเงินก้อนนี้จักเป็นเซียวเฉวียนที่ออกไปก่อน แต่ฝ่าบาทก็คงมิอาจหามาคืนให้ได้หรอกกระมัง
ท้ายที่สุดแล้ว เหยื่อก็คือเซียวเฉวียน
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ เซียวเฉวียนสามารถทำเงินได้มากมายด้วยตนเองเช่นนี้ เขามิกังวลว่าฝ่าบาทจักทรงหวาดระแวงในตัวเขาหรืออย่างไร?
เซียวเฉวียนมีพลังอำนาจมากก็นับว่ามากพอแล้ว เขายังร่ำรวยเกินกว่าแว่นแคว้นของตนเองไปอีก!
ไม่เพียงเท่านั้น ภายในตระกูลของเขายังมีผู้คนมากความสามารถมากมายอีกด้วย รวมไปถึงผู้ที่สามารถผลิตปืนขึ้นมาได้เช่นมู่จิ่น
ถึงแม้ว่ามู่จิ่นจักมิได้สร้างปืนขึ้นมาจริง ๆ ทว่า คำพูดนี้เป็นคำพูดที่เซียวเฉวียนเอ่ยออกมาด้วยตนเอง ไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมเชื่อในคำพูดของเขา
มิใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะกล่าวว่า เซียวเฉวียนแข็งแกร่งกว่าองค์จักรพรรดิมากนัก
แม้แต่พวกหัวไม่ดีเช่นเว่ยอวี๋ก็ยังเข้าใจในเรื่องนี้ เหล่าอ๋องทั้งหลายขี้หวาดระแวงยิ่งนัก
อีกทั้ง เซียวเฉวียนยังเป็นที่รักของเหล่าราษฎรมากมายอีกด้วย
มิต้องเอ่ยถึงที่อื่นเลย แม้แต่ภายในเมืองหลวงใต้ฝ่าพระบาทขององค์จักรพรรดินั้น
เหล่าราษฎรภายในเมืองหลวงมากมายต่างก็กล่าวถึงความดีของเซียวเฉวียนเอาไว้มากแล้ว เอ่ยถึงฝ่าบาทน้อยครั้งนัก
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ หากเปลี่ยนให้เว่ยอวี๋เป็นองค์จักรพรรดิแล้วไซร้ เขาย่อมนึกหวาดระแวงในตัวของเซียวเฉวียนเช่นกัน
ฉะนั้น เจี้ยนจงจึงนึกเป็นกังวลมากว่า เพียงเพื่อฝ่าบาทและต้าเว่ยแล้วนั้น หากเซียวเฉวียนเคลื่อนไหวตัวเช่นนี้ ตนเองอาจจักมีจุดจบที่ไม่สวยก็เป็นได้
เจี้ยนจงรู้ดีว่า เซียวเฉวียนหาได้สนใจในชื่อเสียงของตนเองไม่ ทั้งยังมิมีผู้ใดสามารถมาทำร้ายเขาได้ง่าย ๆ อีกด้วย หากแต่เจี้ยนจง รู้สึกว่า หากท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์จักเป็นเช่นนี้ เซียวเฉวียนหาได้คุ้มค่าที่จะทำเช่นนั้นไม่!
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว เซียวเฉวียนจึงได้แต่ยิ้มตอบกลับไปเบา ๆ ว่า "ท่านบรรพชน หากให้ท่านขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ ท่านจักยอมหรือไม่เล่า?"
เจี้ยนจงพลางตอบกลับมาในทันทีว่า "ข้าย่อมมิยอม"
ผู้คนธรรมดาย่อมรู้สึกว่า การที่จักขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งจักรพรรดิเบื้องบนสุดแล้วนั้น จักสามารถเพลิดเพลินไปกับความมั่งคำอำนาจมากมายได้
แต่แท้จริงแล้ว องค์จักรพรรดินั้นมิต่างอันใดกับเครื่องจักรมนุษย์เลยสักนิด เขาไม่มีแม้แต่เวลาว่างเป็นของตัวเอง ไม่มีอิสระ หากว่ากันง่าย ๆ ก็คืองานยุ่งตลอดทั้งวัน ทั้งยังต้องถูกกักขังอยู่แต่ภายในพระราชวังอีกด้วย
บางทีทั่วทั้งชีวิตนี้ การจะออกไปนอกรั้ววังนั้นคงจะนับนิ้วได้เลยกระมัง
มีสิ่งใดให้น่าสนใจนักหรือ?
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจี้ยนจงตอบกลับมานั้น เซียวเฉวียนพลางอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มออกมาว่า "นั่นน่ะสิ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...