สรุปตอน บทที่ 1853 ผู้อารักขาคนใหม่ – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1853 ผู้อารักขาคนใหม่ ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
คำพูดของจ้าวหลาน ทำให้จางจิ่นมองเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ใช้ได้ทีเดียว
คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้ที่ดูสง่างาม เวลาโต้เถียงก็มีคำพูดตอบโต้เป็นชุดเหมือนกัน มีส่วนที่คล้ายกับเซียวเฉวียน
จะต้องพูดว่า นี่เป็นการเรียนรู้มาจากเซียวเฉวียนจริงๆ
หวังซวนและคนอื่นไม่อยากเอาเรื่องเกาะนกกระสามาพูดใช่ไหม?
จ้าวหลานรู้มานานแล้วว่าพวกเขาคิดอยากจะยกเอาเรื่องนี้มาพูด
เพื่อเป็นการรับมือกับพวกเขา จ้าวหลานได้ศึกษาเกี่ยวกับเกาะนกกระสาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
คนเหล่านี้ไม่มีความซื่อสัตย์จริงๆ รู้เรื่องทั้งหมดอย่างชัดเจน แต่ไม่ยอมพูด เอาแค่ผลที่ได้มาพูดเท่านั้น แสดงให้รู้ว่าต้องการโจมตีต่อเซียวเฉวียนไม่ยอมปล่อย
แต่พวกเขาก็มีแผนการของพวกเขา จ้าวหลานก็มีแผนการของจ้าวหลาน
พูดมาจนถึงตอนสุดท้าย จ้าวหลานตั้งใจพูดเน้นเสียง ทีละคำพูดว่า “เรื่องผ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังมีใครที่คิดว่าเซียวเฉวียนไม่มีความสามารถอีก?”
แน่นอนหวังซวนไม่ยอม ยังคิดจะพูดต่อไปอีก
หนึ่งในนั้นมีขุนนางใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ การที่เซียวเฉวียนมองข้ามไปไม่สนใจ ทำให้เกาะนกกระสาเกิดความเสียหายใช่ไหม?”
จัดการได้ไม่ดี ไม่มีการวางแผนที่เหมาะสม ก็ควรได้รับการลงโทษ ไม่อย่างนั้น หลังจากนี้จะได้รับการนับถือไว้ใจจากทุกคนได้อย่างไร?
เกียรติยศศักดิ์ศรีของกษัตริย์อยู่ที่ไหน?
ฟังดูสิ เอาเกียรติยศศักดิ์ศรีของกษัตริย์มาพูดกัน
จ้าวหลานไม่สนใจอะไรทั้งนั้นพูดว่า “ถ้าจะให้พูด ข้าน้อยอยากขอร้องต่อฝ่าบาท ให้ใต้เท้าหวัง หรือใต้เท้าหลี่ไปแทนใต้เท้าเซียว ไปจับนักปราชญ์มารับโทษให้ได้!”
ตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนั้นแต่กลับพูดแทนคนอื่น!
ด้วยความสามารถของเซียวเฉวียน ยังปล่อยให้นักปราชญ์มีโอกาสหนีไปได้ ลองให้เหล่าขุนนางที่เอาแต่พูดอย่างเดียว ให้พวกเขาลองไปทำดูบ้างว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
พวกเขาคิดว่าด้วยมาตราฐานความสามารถของเซียวเฉวียน พวกเขาไปและกลับมาก็คงจะต้องตายไปแล้วละ!
ตัวเองมีความสามรถแค่ไหน ต้องรู้ตัวเองดี!
จ้าวหลานอยากจะรอดู ว่าพวกเขาจะมีแผนอะไรอีก ดูสิพวกเขาจะกลัวหรือไม่!
ดูสิว่าพวกเขายังจะกล้าพูดไม่ดีอีกไหม!
กลัวว่าจะมีชีวิตอยู่สุขสบายมากไปหรือไง วันๆคิดแต่จะค่อยจ้องหาเรื่องเซียวเฉวียน!
ฮ่องเต้ก็ไม่คิดว่าจ้าวหลานจะโกรธอย่างนี้ พระองค์มองจ้าวหลานดวงตาของเขามีอะไรแปลกประหลาดไป
สะใจ!
พวกขุนนางหัวโบราณพวกนี้ จะต้องโดนคนตอบโต้กลับแบบนี้!
จ้าวหลานพูดถึงขนาดนี้แล้ว แน่นอนฮ่องเต้จะต้องช่วยส่งเสริมเขา พระองค์พูดออกไปว่า “อื้ม เรื่องนี้เกิดความขัดแย้งกันขึ้น จากที่ข้าเห็น ความคิดเห็นของผู้ตรวจการจ้าวดีมาก ไม่รู้ว่าขุนนางท่านไหนจะช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่จากข้าได้บ้าง?”
ความหมายก็คือ ใครยังจะกล้ามีความเห็นอีก?
ใครคิดว่าทำได้ก็เดินออกมา?
ใครสามารถทำได้ดีกว่าเซียวเฉวียน ก็ออกมา!
พูดจบ ฮ่องเต้ก็กวาดสายตามองไปที่ทุกคนที่อยู่ด้านล่าง สายตาไปหยุดอยู่ที่หวังซวน ฮ่องเต้ตั้งใจหยุดสายตาค้างอยู่หลายวินาที
เมื่อครู่หวังซวนที่พูดจาดุเดือดรุนแรง รีบก้มหน้าลง ไม่กล้ามองฮ่องเต้
ทำท่าทางไม่อยากให้ฮ่องเต้ทรงมองเห็น ทำเป็นเหมือนฮ่องเต้ทรงมองไม่เห็นเขา
พวกเขากลัวว่าฮ่องเต้จะฟังคำพูดของจ้าวหลาน และทรงทำอย่างนั้นจริงๆ ให้พวกเขาคนใดคนหนึ่งไปที่เกาะนกกระสา
ไม่ต้องพูดถึงนักปราชญ์ แม้แต่โจรทั่วไปที่จะให้พวกเขาไปต่อสู้ด้วย ก็ยังกังวล
พวกเขาเป็นปัญญาชนที่ซื่อสัตย์ ทำได้เพียงพูดอยู่แต่ในท้องพระโรง เรื่องที่ต้องออกไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาไม่จะเขาไปยุ่ง?
ให้พวกเขาไปจัดการกับนักปราชญ์ พวกเขาก็คงจะนิ่งไม่สนใจ
คำพูดของฮ่องเต้ เมื่อครู่ที่เรียกเหล่าขุนนางทั้งหลายดูน่ากลัวอย่างมาก ไม่มีใครกล้าตอบรับ
ในท้องพระโรงเป็นเพราะเรื่องของเซียวเฉวียน เกิดการพูดคุยถกเถียงกัน
แต่คนต้นเรื่องอย่างเซียวเฉวียนกลับพาเจี้ยนจงและเสี่ยวเซียนชิว ไปยังเกาะนกกระสาเพื่อสืบหาร่องรอยของนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขา
ทั้งสามคนค้นหาเนินเขาทุกที่ของเกาะนกกระสาหมดแล้ว ก็ไม่พบร่องรอยของพวกเขา
ตลอดทางเสี่ยวเซียนชิวตามหา ตลอดทางได้สอบถามจากสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ตามริมทาง สัตว์ทั้งหลายก็บอกว่าไม่เคยเห็นนักปราชญ์กับลูกศิษย์มาก่อน และได้ขอช่องทางการติดต่อกับสัตว์ทั้งหลายเอาไว้แต่ก็ไม่มีข่าวคราวอะไรแจ้งกลับมา
ทั้งสามคนต้องหยุดการค้นหาไว้ก่อน
ดูจากสถานการณ์แล้ว เซียวเฉวียนยังไม่สามารถไปจากเกาะนกกระสาได้
อย่างน้อยก็ต้องรอให้แน่ใจก่อนว่านักปราชญ์และลูกศิษย์ไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ มิฉะนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทาสคุนหลุน เซียวเฉวียนก็ยากที่จะปัดความรับผิดชอบได้
เซียวเฉวียนกำลังคิดว่า จะทำอย่างไรถึงจะสามารถทำให้ทาสคุนหลุนปลอดภัยได้?
คิดไปคิดมา ทันใดนั้นเซียวเฉวียนก็คิดขึ้นได้ว่า ในเมื่อตอนนี้ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าก็สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้ว ข้างกายของเซียวเฉวียนก็ไม่มีผู้อารักขาแล้ว
ดังนั้น เซียวเฉวียนครุ่นคิดว่า หรือว่าน่าจะหาผู้อารักขาคนใหม่เพิ่มอีกคน?
การหาผู้อารักขาคนใหม่ ที่ไม่ได้ให้อยู่ข้างกายตัวของเขา แต่ให้เขาอยู่ที่เกาะนกกระสา ทำให้เขาสามารถสื่อสารทางจิตกับเซียวเฉวียนได้ ทำให้เซียวเฉวียนสามารถรับรู้สถานการณ์ของพวกเขาได้ทันเวลา
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซียวเฉวียนก็คิดว่าวิธีการนี้ไม่เลว
และอีกอย่าง เซียวเฉวียนมีความสามารถแข็งแกร่งอย่างนี้ และความสามารถที่มีมากของทาสคุนหลุนการสื่อสารทางจิตก็สามารถพัฒนาให้เพิ่มสูงขึ้นได้ หลังจากนั้นก็พยายามขยันฝึกฝน และก็ยังสามารถช่วยปกป้องทาสคุนหลุนคนอื่นได้อีกด้วย
นานวันเข้าก็จะสามารถพัฒนาจนกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมากได้
คิดได้ดังนั้น เซียวเฉวียนก็รีบเดินเข้าไปในกลุ่มคนคุนหลุน
บ้านพักของบรรดาทาสคุนหลุนได้สร้างไว้อย่างดีแล้ว ทำความสะอาดเก็บกวาดเล็กน้อย ก็สามารถเข้าอยู่ได้
สายตาของเซียวเฉวียนมองประเมินดู เขาลองประเมินพวกเขาทุกคนดู หลังจากประเมินดูไปครั้งหนึ่งแล้ว ในที่สุดสายตาของเซียวเฉวียนก็ไปหยุดลงที่ทาสคุนหลุนคนหนึ่งหน้าตาหล่อสูงใหญ่ร่างกายแข็งแกร่ง
ดูท่าทางแล้ว อายุของเขาน่าจะน้อยกว่าเหมิงเอ้าหนึ่งถึงสองปี
เซียวเฉวียนเดินเข้าไป พูดขึ้นเสียงเบาๆว่า “น้องคนนี้ เจ้าชื่ออะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...