อ่านสรุป บทที่ 1859 นึกไม่ออก จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 1859 นึกไม่ออก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ความจริงอยากจะตะโกนเรียกว่านายท่านเซียวเฉวียน แต่จู่ ๆ เหมิงเอ้าก็นึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ไป๋ฉี่เป็นแม่ทัพ เขายืนกรานให้ไป๋ฉี่เรียกเขาว่าใต้เท้าเซียว
ดังนั้นเหมิงเอ้าจึงเปลี่ยนคำเรียก
ยามอยู่ต่อหน้าเซียวเฉวียนจะต้องฉลาด อย่าทำให้เขาไม่พอใจ
เซียวเฉวียนที่ยืนอยู่ห่างไกลเป็นหมื่นหลี้ จู่ ๆ ก็ได้รับการคุยผ่านกระแสจิตจากเหมิงเอ้า เรียกตนเองว่าใต้เท้าเซียว และคาดว่าฮ่องเต้แต่งตั้งเหมิงเอ้าเป็นข้าราชการ
เพียงแต่ไม่รู้ว่าฮ่องเต้พระราชทานตำแหน่งอะไรให้กับเหมิงเอ้า
เซียวเฉวียนตอบกลับผ่านกระแสจิต “เหมิงเอ้า เจ้าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการแล้วหรือ?”
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เหมิงเอ้าจะเรียกเซียวเฉวียนเช่นนี้ได้อย่างไร?
โดยปกติแล้วจะเรียกขานว่านายท่าน
ซึ่งเขาควรจะเรียกเช่นนี้ แต่เป็นเพราะได้บทเรียนจากไป๋ฉี่
จะว่าไปแล้ว เจ้าเหมิงเอ้าเองค่อนข้างมีความฉลาดหลักแหลมในบางครั้ง
เหมิงเอ้าจึงตอบกลับ “อืม ข้าปกปิดอะไรจากใต้เท้าเซียวไม่ได้เลย”
“ฝ่าบาทแต่งตั้งให้ข้าเป็นเจิ้นซีเจียงจวิน ขุนพลพิทักษ์ประจิม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นวังหลวงในอดีต”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เจ้าสูญเสียข้าไปแล้ว และข้าไม่สามารถอยู่กับเจ้าได้อีกต่อไป
วังหลวงจึงเปลี่ยนมาเป็นซินตู อืม มันจำเป็นต้องเปลี่ยนจริงๆ
เซียวเฉวียนพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ “ข้าขอแสดงความยินดีด้วย ในที่สุดเจ้าก็มาถึงวันนี้แล้ว!”
ซินตูเป็นสถานที่ที่สำคัญในอดีต เพราะมีฐานะเป็นวังหลวงแห่งซินเจียง
ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งให้เหมิงเอ้าดำรงตำแหน่งเจิ้นซีเจียงจวิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้ทรงไว้วางใจเหมิงเอ้ามาก
“ดังนั้น ใต้เท้าเหมิงต้องปฏิบัติตามหน้าที่ให้ดี อย่าทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวัง”
และมันควรจะเป็นเช่นนี้
ประเด็นสำคัญคือเหมิงเอ้าเป็นข้าราชการครั้งแรก เขาไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร
เซียวเฉวียนกล่าวต่อ “ไม่ว่าเวลาใดหรือเรื่องใดๆก็ตาม ขอเพียงแค่เจ้าไม่ทำสิ่งที่ต้องละอายแก่ใจตนเอง เจ้าก็จะประสบความสำเร็จ”
การมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ จัดการกับสิ่งต่าง ๆ เจ้าจะต้องมีมโนธรรม
มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งมากแล้ว
คำพูดดังกล่าว ก่อนหน้านี้เซียวเฉวียนเคยบอกไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าอยู่หลายครั้ง ทั้งสองคนฟังจนสามารถเล่าได้อย่างละเอียด และทั้งคู่ก็ประพฤติตามอีกด้วย
เพียงแต่เหมิงเอ้าไม่คิดว่า เป็นข้าราชการแล้วจะทำเช่นเดิมได้
เมื่อได้ยินเซียวเฉวียนพูดดั่งนี้ เหมิงเอ้าก็มีความมั่นใจขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าตนเองสามารถเป็นเจียงจวินที่บริหารจัดการซินตูได้ดี และที่สำคัญจะไม่ทำให้ฮ่องเต้ผิดหวังหรือต้องทำให้เซียวเฉวียนเสียหน้า
เพราะเขาเป็นราชองครักษ์ที่เซียวเฉวียนพาออกมา
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นเจิ้นซีเจียงจวินแล้ว แต่ก็ยังเป็นผู้อารักขาของเซียวเฉวียนอยู่
เหมิงเอ้ากล่าวอย่างมั่นใจ “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ!”
“ขอบพระคุณใต้เท้าเซียวสำหรับคำแนะนำ!”
เซียวเฉวียนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่เป็นไร ข้าและเจ้าเป็นสหายกัน ก็ควรที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกัน”
ทั้งสองพูดคุยกันครู่หนึ่ง ก่อนที่การคุยผ่านกระแสจิตจะจบลง
เรื่องที่เหมิงเอ้าได้เป็นเจิ้นซีเจียงจวิน พูดด้วยความสัตย์จริง มันเป็นสิ่งเหนือความคาดหมายของเซียวเฉวียน
เพราะในช่วงเวลานี้ตนเองมัวยุ่งอยู่กับการจับกุมนักปราชญ์ ไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องในศาลเฉา ฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าฮ่องเต้วางแผนเช่นนี้
ซินตูเป็นสถานที่สำคัญในซินเจียง เซียวเฉวียนคิดว่าฮ่องเต้คงไม่ปล่อยให้เหมิงเอ้าผู้ที่ไม่มีประสบการณ์มาบริหารจัดการ เขานึกว่าฮ่องเต้จะแต่งตั้งให้เหมิงเอ้าประจำตำแหน่งรองแม่ทัพหรืออะไรสักอย่าง เพื่อให้เหมิงเอ้าฝึกฝนและเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์
แต่เซียวเฉวียนไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า ฮ่องเต้จะกระทำการที่ยิ่งใหญ่ฉันนี้ ยอมมอบตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ให้แก่เหมิงเอ้า
เพื่อสิ่งนี้ ฮ่องเต้จึงโต้เถียงกับเหล่าเสนาบดีในศาลเฉาใช่หรือไม่?
ทำให้ฮ่องเต้น้อยลำบากใจเสียจริง
อย่างไรก็ตาม สามารถอธิบายในอีกแง่มุมหนึ่งคือ ฮ่องเต้ทรงใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เพื่อพัฒนาและการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันของต้าเว่ย
ทว่าไม่ว่ายังไงก็ตาม การที่ฮ่องเต้แต่งตั้งให้เหมิงเอ้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญ นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี!
ณ บัดนี้เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงกำลังย่างมันเทศรอบกองไฟ
ด้วยเหตุนี้ ทาสคุนหลุนจึงเดินเข้าไปหยิบมันเทศ หลังจากกล่าวคำขอบคุณแล้ว ก็รีบไปหาที่เพื่อนั่งกิน
เจี้ยนจงเห็นเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ช่วงระหว่างพันปีที่ตนเองนอนหลับใหล โลกได้เปลี่ยนแปลงไปมาก มีการแพร่พันธุ์ของกลุ่มทาสคุนหลุนที่ทุกคนคิดว่าเป็นบุคคลต้อยต่ำ
ฐานะที่เขาเป็นบรรพชนของชาวคุนหลุนและชาวต้าเว่ย เขาเองก็มีแนวคิดเฉกเช่นเดียวกันกับเซียวเฉวียนคือ มนุษย์ทุกคนที่เกิดมามีสิทธิ์เท่าเทียมกัน
ไม่ควรมีการแบ่งคนหรือกลุ่มในสังคมออกเป็นชนชั้น
ยิ่งไปกว่านั้นทาสคุนหลุนไม่ควรถูกเหยียดหยามเช่นนี้
จะว่าไปแล้ว กลุ่มทาสคุนหลุนช่างน่าสงสาร เพราะพวกเขาเลือกเกิดไม่ได้ พอเกิดมาก็ได้รับการปฏิบัติดังนี้
แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี เพราะพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากเซียวเฉวียน
ตั้งแต่เซียวเฉวียนมายังต้าเว่ย สถานะของทาสคุนหลุนค่อยๆดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมือนไป๋ฉี่และเหมิงเอ้า ที่ ณ ตอนนี้ได้กลายเป็นแม่ทัพไปแล้ว
ส่วนทาสคุนหลุนคนอื่นๆ ถึงแม้จะไม่ได้ทำหน้าที่เป็นราชองครักษ์ แต่ก็ออกจากอันหยวนได้
เซียวเฉวียนวางแผนให้แก่พวกเขา ในอนาคตข้างหน้าทาสคุนหลุนจะได้เข้ามาอยู่ในศาลเฉามากขึ้น และกลายเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุด
ยกตัวอย่างเช่นเจ้าจูที่ ซึ่งก็ไม่ธรรมดา
เป็นเด็กเฉลียวฉลาด ขยันหมั่นเพียร และมีทัศนคติถูกต้องสามประการ
คนแบบนี้ ในอนาคตจะต้องประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แน่นอน
เมื่อลูกครอบครัวยากจนและทาสคุนหลุนผงาดขึ้น ยุคของเหล่าชนชั้นสูงที่มีอำนาจ ก็ต้องจมอยู่ในสายน้ำยาวแห่งประวัติศาสตร์
ยามคิดได้ดั่งนี้ เจี้ยนจงหันศีรษะกลับไปมองเซียวเฉวียน เขาสงสัยจริงๆว่า ฮว๋าเซี่ยเป็นสถานที่แบบใดกัน ถึงเลี้ยงเซียวเฉวียนได้เป็นเช่นนี้?
ที่สำคัญคือเซียวเฉวียนเคยกล่าวอีกว่า คนอย่างเขาอยู่ในฮว๋าเซี่ยที่มีประชากรหนึ่งพันสามร้อยล้านคน ก็ไม่ได้เป็นที่น่าเตะตาต้องใจมากนัก
แต่ทว่าการมาของบุคคลที่ไม่โดดเด่น สามารถพลิกสถานการณ์ของต้าเว่ยในเวลาเพียงปีกว่าๆ
พวกที่บอกว่าไม่น่าสนใจ แล้วคนเหล่านั้นจะเก่งแค่ไหนกัน?
เจี้ยนจงนึกไม่ออกเลยจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...