ตอน บทที่ 1860 เหล่าทั่วไพร่ฟ้าล้อมรอบส่ง จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1860 เหล่าทั่วไพร่ฟ้าล้อมรอบส่ง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังทางจิตวิญญาณเช่นเทือกเขาคุนหลุน องค์ชายชิงหลงที่ได้รับการเลี้ยงดูนั้นไม่ได้ดีเท่ากับเซียวเฉวียนในแง่ของความสามารถที่หลากหลาย
ดังนั้น เจี้ยนจงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับฮว่าเซี่ยเป็นอย่างมาก
เขาสะบัดพัดเล็กน้อยและกระซิบข้างหูของเซียวเฉวียน “นี่ท่านเซียวเฉวียน เมื่อไรท่านจักพาพวกข้าไปชมที่ฮว่าเซี่ยกันเล่า?“
ที่จงเจี้ยนพูดว่าพวกข้า นั่นคือชึ้ถึงเขาและผนึกจูเสิน
พอเซียวเฉวียนได้ยิน เขาหันศีรษะและมองไปที่เจี้ยนจงอย่างเรียบเฉยและกล่าวว่า “รอข้าหาทางกลับไปให้ได้ก่อนเถิด แล้วจักค่อยว่ากัน”
มิใช่ว่าเซียวเฉวียนไม่อยากพาพวกเขาไปฮว่าเซี่ย แต่ตัวเซียวเฉวียนนั้นยังไม่รู้ทางกลับบ้านของตนเลยต่างหากเล่า!
ที่ต้าเว่ย มิใช่เพียงแค่เซียวเฉวียนหลงทาง เว่ยอวี้และมู่จิ่น ไหนจะเว่ยเป้ยก็ยังหลง
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสอี้อู๋หลี่จะถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต
ดังนั้น เซียวเฉวียนไม่แน่ใจเลยว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้กลับไปหรือไม่!
ไม่พูดเสียยังจะดีกว่า พอพูดถึงเรื่องนี้ เซียวเฉวียนก็อดคิดถึงญาติตนไม่ได้
เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่เขาฝันครั้งสุดท้าย
ไม่รู้ว่าญาติในยุคปัจจุบันของจะเป็นอย่างไรบ้าง จะคิดถึงเป็นห่วงเขาบ้างหรือเปล่า?
เซียวเฉวียนเองก็ไม่ได้หวังว่าพวกเขาจะคิดถึงตน ถ้าเป็นอย่างนี้ พวกเขาก็ใช้ชีวิตได้ดีมากขึ้น แทนที่จะจมอยู่ในบรรยากาศที่หนักหน่วงตลอดทั้งวัน
สำหรับเว่ยอวี้ หลังจากที่เจี้ยนจงรวมตัวเข้ากับเขา เจี้ยนจงก็ค่อย ๆ ดูเหมือนจะค่อนข้างทันสมัย แต่ไม่ว่าเขาจะทันสมัยอย่างสมบูรณ์หรือไม่ อย่างน้อยปรานเย็นหยินในตัวเขาก็ยังคงแข็งแกร่งเช่นเคย
ดังนั้นเซียวเฉวียนเองห็ไม่รู้ว่า คนที่มักจะเข้ากับเขาได้คือเจี้ยนจงหรือเว่ยอวี้
แต่อย่างไร เซียวเฉวียนก็ชินตั้งนานแล้วล่ะ
ตอนนี้จู่ ๆเขา ก็คิดคำถามคำถามหนึ่งขึ้นมา เซียวเฉวียนอยากรู้นักว่าเจี้ยนจงจะรู้สึกคิดถึงบ้านเพราะจิตสำนึกของเว่ยอวี้หรือไม่
เจี้ยนจงกว่าด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เจ้าเด็กคนนี้มีความสุขจนลืมบ้านเกิดของตัวเองตั้งนานแล้ว”
สำหรับเขาไม่มีอาการคิดถึงบ้าน
ขอเพียงเซียวเฉวียนอยู่ที่ไหน เขาก็จะอยู่ที่นั่น
“ ” ทำเอาเซียวเฉวียนถึงกับไปต่อไม่ถูก
。
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่
เซียวเฉวียนโยนมันเทศชิ้นสุดท้ายที่เขาหยิบออกมาใส่กองไฟ เขากล่าวว่า “ถ้าภายภาคหน้ามีโอกาสได้กลับไป ข้าจักไม่มีทางลืมพวกเจ้า”
บรรพชนเลยนะ จะละทิ้งลืมไปได้อย่างไรกัน?
แล้วอีกอย่าง เขาและผนึกจูเสินมีต้นกำเนิดเดียวกัน และมีความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเหล่านั้น
ไม่เป็นไรหากไม่มีอะไรแปลก ๆ หากมีสิ่งใดแปลก ๆ เจี้ยนจงจะสามารถสัมผัสได้อย่างแน่นอน
จากตามซีที่รีส์ทีวีการเดินทางข้ามทุลุมิติเวลาทีเซียวเฉวียนดูมา พบว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของคนยุคใหม่ที่เดินทางข้ามเวลานั้นขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก
เมื่อใดก็ตามที่มีการเปลี่ยนแปลงในสนามแม่เหล็ก ผนึกจูเสินจะสามารถสัมผัสได้อย่างแน่นอน และเจี้ยนจงที่เกี่ยวข้องก็สามารถสัมผัสได้เช่นกัน
แม้ว่าเซียวเฉวียนต้องการที่จะละทิ้งเขา แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้
เจี้ยนจงกล่าวต่อ “ดี! คำไหนคำนั้นนะขอรับ!”
เช่นเดียวกับที่เซียวเฉวียนคิด ถ้าเซียวเฉวียนพบทางกลับไปสู่ยุคฮว่าเซี่ยยุคปัจจุบัน เจี้ยนจงก็จะพบมันอย่างแน่นอน
แต่ทว่าเหตุผลที่เขาสามารถค้นพบได้ค่อนข้างแตกต่างจากสิ่งที่เซียวเฉวียนคิด
ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นเพราะเขามีความเกี่ยวข้องกับผนึกจูเสิน แต่ผนึกจูเสินจะใช้ความคิดริเริ่มในการบอกเจี้ยนจง
ผนึกจูเสินอยู่ในร่างของเซียวเฉวียน แม้ว่าจะรับรู้ว่าเซียวเฉวียนเป็นเจ้านาย แต่มันมีต้นกำเนิดเดียวกันกับเจี้ยนจง แม้ว่าทั้งสองจะสามารถเป็นอิสระและมีชีวิตเป็นของตัวเองในช่วงเวลานี้
แต่สามารถทำได้ในเวลาเดียวกัน
หากทั้งสองอยู่ในช่วงเวลาและสถานที่ต่างกัน จะทำให้กาลเวลาต้องหยุดชะงัก ผนึกจูเสินคือร่างหยางขั้นสูงสุด และเจี้ยนจงคือร่างหยินขั้นสูงสุด
มีเพียงปฏิสัมพันธ์ของหยินหยางเท่านั้นที่สามารถรักษาเวลาและพื้นที่นี้ให้อยู่ในสภาวะสมดุลได้
ดูเหมือนว่าจะมีไม่ถึงร้อย แต่ก็มีเจ็ดสิบแปดสิบลูก
มอบให้เขาเยอะขนาดนี้ เขาจะกินหมดเมื่อไรกันเล่า?
แล้วอีกอยาง เซียวเฉวียนไม่ชอบกินไข่ไก่ซะด้วยสิ
ยิ่งไปกว่านั้น หากขายไข่เหล่านี้ เงินที่ได้รับสามารถหมุนค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้มากมาย แล้วเซียวเฉวียนจะยอมรับไข่จำนวนมากได้อย่างไรกัน?
แต่มีหรือที่ผู้คนเหล่านั้นจะยอมเอากลับไป
เซียวเฉวียนจึงบอกไปว่าทางที่เดินทางของเขามันขรุขระมาก นำไข่ไปเยอะมากมายเช่นนี้ หากแตกหล่นระหว่างทางขึ้นมา คงจะน่าเสียน่าดู
เซียวเฉวียนยอมรับน้ำใจไมตรีนี้ไว้
พอเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ เหล่าไพร่ฟ้าพอได้ยินก็คิดว่ามีเหตุผล จึงนำเอาไข่กลับไปแต่โดยดี
นอกจากนี้ยังมีบางคนที่ไม่รู้ว่าจะมอบอะไรให้ พวกเขาจึงเลือกผักมากมายเพื่อแสดงความขอบคุณ
แม้ว่าผักเหล่านี้จะไม่มีค่าเท่าของพวกนั้น แต่น้ำใตของไพร่ฟ้านั้นมีค่ามากกว่า แน่นนอนว่าเซียวเฉวียนรับไว้อย่างดี
กล่าวโดยสรุป เพื่อที่จะไปส่งเซียวเฉวียนและแสดงความขอบคุณต่อเซียวเฉวียน พวกเขาก็นำสิ่งของดี ๆ มาให้เซียวเฉวียนทั้งหมด
เซียวเฉวียนมองดูมันและยอมรับบางส่วน สิ่งนี้จะไม่เพียงแต่ทำให้จิตใจของไพร่ฟ้าไม่พอใจ แต่ยังหลีกเลี่ยงการสร้างความสูญเสียให้กับไพร่ฟ้าอย่างหนักอีกด้วย
พอเก็บขิงเสร็จ เวลาก็ดึกเสียแล้ว พระอาทิตย์ก็ใกล้จะลับขอบฟ้าไปเต็มที
หากยังไม่เดินทางล่ะก็ ก็ควรที่จะทานข้าว ยืดเวลาออกเดินทางไปสักหน่อย
ดังนั่น เซียวเฉวียนส่งสายตาให้แกอาฉือ เป็นความนัยว่าให้อาฉือช่วยเขาจัดการกับเหล่าไพร่ฟ้าแทนเขาที
อาฉือที่รู้ความนัย ก็ตะโกนเสียงดังลั่น “ขอบคุณน้ำใจของพ่อแม่พี่น้องทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง แต่เพลานี้ดึกเสียแล้ว พี่ใหญ่ข้าจักต้องออกเดินทาง พวกท่านพอแค่นี้ก่อนเถอะนะ”
“พี่ใหญ่จะรู้สึกเสียใจหากทำให้ทุกท่านเสียเพลาไปมากกว่านี้ ดังนั้นทุกท่านควรกลับไปเสียก่อนเถิด และอย่าลืมทำการทำงานด้วยล่ะ“
พอได้ยินคำพูดนี้ เหล่าไพร่ฟ้าที่ยังอาลัยอาวรณ์ก็ต่างพากันจำใจแยกย้ายกลับไปยังบ้านข่องของตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...