ในสายตาของคุณยาย นักบุญไม่เพียงแต่ยืนกรานในความคิดนี้เท่านั้น แต่เขายังรนหาที่ตาย
ช่างโง่เขลาเสียจริง!
เมื่อลองคิดดูแล้ว ในตอนนั้นเซียวเฉวียนก็ยังไม่มีพลัง แต่ทำไมหมิงเจ๋อทำอะไรเขาไม่ได้
ถ้าไม่ใช่เทพเจ้าจงใจ แล้วนี่มันอะไรกัน
อย่างไรก็ตาม เหล่านักบุญมได้ยึดมั่นหลักความคิดที่ว่า “ต้องจำจัดเซียวเฉวียนสถานเดียว!” การที่ทำให้แบบนี้ ทำให้พวกเขาเปิดเผยตัวตนลำหายนะมาสู่นิกายคุ
หมิงเซียน
หากไม่ได้มากจากนิกายหมิงเซียนด้วยกัน ป่านนี้คุณยายเหยียนคงตีเขาจนตาย
นี่มันเกินความคาดหมายของเซียวเฉวียนเสียจริง เขาไม่คิดว่าคุณยายเหยียนจะดูถูกคนได้ถึงเพียงนี้
ขณะที่คุณยายเหยียนพูด เซียวเฉวียนก็ต้องกรแอบฟังความในใจของเธอเอง แต่ทว่าเขานั้นไม่สามารถฟังได้
นับว่าเป็นคนที่มีจิตใจแน่วแน่อยู่ตลอดเวลาเลยคนหนึ่ง
เมื่อแอบฟังมาถึงตรงนี้แล้ว เซียวเฉวียนก็อดใจไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า: “ท่านมาที่นี่มีจุดประสงค์อะไรกัน”
มันคงไม่ใช่การที่ท่านเดินมา ๆ แล้วมาโผล่ตรงนี้
ท่านจะต้องมีจุดอะไรซ่อนไว้อย่างแน่นอน
คุณยายเหยียนเหลือบมองเซียวเฉวียนด้วยสายตาที่จ้องจะเล่นงานเซียวเฉวียน และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า: “มาฆ่าเจ้ายังไงล่ะ”
อะไรนะ!
เมื่อกี้ยังกล่าวทอนักบุญอยู่เลย
ทำไมตอนนี้กลับพูดแต่ว่าจะฆ่าเซียวเฉวียนล่ะ
ไม่ใช่บอกไปแล้วหรอ ว่าเทพเจ้าต้องการให้หมิงเจ๋อสังหารเซียวเฉวียน
คำสั่งสั่งของเทพเจ้าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
คุณยายเหยียนมองไปที่เซียวเฉวียน: “แต่เจ้าทำลายหุบเขาหมิงเซียน”
มีสิ่งหนึ่งที่คุณยายเหยียนไม่สามารถบอกเซียวเฉวียนได้คือนิกายหมิงเซียนคือนิกายของตน
โดยเธอใช้ให้นักบุญในการปกปิดความจริงนี้
เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน
เซียวเฉวียนหรี่ตาและทำน้ำเสียงเย็นชาถามไปว่า: “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ข้าขอถามคำถามท่านหนึ่งคำถาม หวังว่าท่านจะตอบมันด้วยความสัจจริง”
ตั้งแต่ที่พูดจบ เซียวเฉวียนก็รู้ทันทีว่าคุณยายเหยียนไม่ได้เห็นเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงอยู่ในสายตา
ในความคิดของเธอ เธอคิดว่าการฆ่าเซียวเฉวียนจะทำให้มีความสุขมากขึ้น
ปล่อยให้คนตายได้รับรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองก่อ
นี่คือสิ่งที่ผู้ชนะควรทำ
ดังนั้นคุณยายเหยียนจะบอกเขาอย่างแน่นอน
คุณยายเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก: “ถามมาเถอะ”
เซียวเฉวียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ท่านรู้ไหมว่าใครคือคนที่สังหารทหาตระกูลเซียวห้าหมื่นคน”
ในเมื่อเขาถามคำถามนี้
คุณยายเหยียนจึงตกใจ และไม่เคยคิดว่าก่อนว่าเขาจะถามคำถามนี้
ด้วยนิสัยของเซียวเฉวียน คุณยายเหยียนรู้เป็นอย่างงดี เขาเป็นแม่ทัพตั้งแต่ยังเล็ก ก็ย่อมอยากรู้เป็นธรรมดาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหล่าทหารของเขา
เขาจะต้องหาทางเพื่อที่จะรู้ความจริงให้ได้อย่างแน่นอน
หากวันนี้เขาไม่ตาย เธอก้ต้องตาย
เขายังคงสงสัยในเรื่องนี้อยู่
ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า เซียวเฉวียนไม่คิดเลยหรอว่าตัวเองจะต้องตาย หรือคิดว่าตัวเองจะไม่ตายกันแน่
ในเมื่อเขาถามมาแล้ว คุณยายเหยียนก็กล้าตอบไปว่า: “ข้ารู้”
“แต่ข้าไม่สามาถบอกเจ้าได้ว่าเขาคือใคร”
เมื่อพูดออกมาแบบนี้แล้ว แสดงว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเธอ
เซียวเฉวียนพยามพูดด้วยอารมณ์สงบ: “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านหรอ”
คุณยายเหยียนพูดโต้ไปว่า: “ข้าไม่อาจบอกได้”
คิดจะโกหกกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...