เซียวเฉวียนต้องก้าวถอยหลังไป
แต่ความรวดเร็วของรอยแตกนี้มีระดับความเร็วเกือบจะเท่าความรวดเร็วของเซียวเฉวียน
ดูท่าทางแล้วตัวเองจะหลบไม่พ้น เซียวเฉวียนกระโดดขึ้น บินขึ้นไปบนอากาศ
เห็นเขาเปลี่ยนทิศทาง ย่าเหยียนก็รีบเปลี่ยนทิศทางตามไปด้วย เหวี่ยงไม้เท้าขึ้นไปบนอากาศ
เจี้ยนจงเห็นดังนั้น พลิกข้อมือเล็กน้อย เรียกพัดกลับคืนมา หลังจากนั้นบินพุ่งไปข้างหน้า เตรียมพร้อมจะจู่โจมต่อย่าเหยียน
แต่ย่าเหยียนเห็นแล้วว่าเจี้ยนจงตั้งใจจะทำอะไร นางหมุนไม้ค้ำยันในมือของนาง พุ่งตรงโจมตีออกไปที่เจี้ยนจง
เจี้ยนจงต้องก้าวถอยหลังไป
ย่าเหยียนที่มีสายตาและมือที่ว่องไว ใช้โอกาสช่องว่างนี้ ใช้ไม้ค้ำยันโจมตีเซียวเฉวียนต่อไป
ไม้ค้ำยันของนางสัมผัสไปไม่ถึงเซียวเฉวียน แต่กำลังที่แข็งแกร่งในไม้ค้ำยันของนางมีความแข็งแกร่งอย่างมาก เป็นเหมือนดาบเล่มหนึ่งที่ไม่ต้องการพลังของคนในการใช้ พุ่งตรงรุนแรงแทงไปที่เซียวเฉวียน
รวดเร็วมาก ดาบจิงหุนของเซียวเฉวียนก็ไม่สามารถต้านทานได้
เซียวเฉวียนทำได้เพียงแค่หลบหลีก หลบหนีการโจมตีจากย่าเหยียน
ย่าเหยียนเป็นใครกันแน่ ทำไม่ถึงได้เก่งกาจอย่างนี้
นางมีกำลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ความคิดยังมีความว่องไวกว่านักปราชญ์อีก นางไม่อยากจะเป็นเจ้าสำนักใหญ่ใช่ไหม?
ทำไมถึงต้องให้นักปราญ์เป็นเจ้าสำนักใหญ่ ซึ่งตำแหน่งสูงกว่าค่อยกดนางให้อยู่ใต้อำนาจด้วย?
ทางด้านของเจี้ยนจงเห็นท่าทางไม่ค่อยดีนัก รีบส่งพลังออกมา นำพลังภายในส่งเข้าไปในพัด หลังจากนั้นใช้แรงสะบัด ให้เกิดลมพัดขึ้นมา
ใบไม้ปลิวไปตามทิศทางลมพุ่งไปทางฝั่งของย่าเหยียน
มีพลังแรงลมช่วยส่งเสริม ใบไม้ที่ร่วงหล่นก็เหมือนกับอาวุธที่แหลมคม ทิ่มแทงไปที่ย่าเหยียน
การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ ย่าเหยียนต้องรีบดึงไม้เท้ากลับมาก่อน หลังจากนั้นก็มองไปที่ใบไม้และแรงลมที่มุ่งตรงเข้ามาที่นาง
เพื่อให้ได้ผลที่ดียิ่งกว่าเดิม เจี้ยนจงเขย่าพัดไม่หยุด
ลมพัดอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำให้ย่าเหยียนมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
ใช้โอกาสตอนที่นางกำลังต้านทานลมพายุที่รุนแรง เซียวเฉวียนแกว่งดาบจิงหุนโจมตีไปที่นาง
ช่วยกันโจมตีทั้งสองด้าน ทำให้ย่าเหยียนไม่สามารถจะต้านทานต่อไปได้
จะไม่ต่อสู้ในสิ่งที่ไม่มีความแน่นอน
ย่าเหยียนรีบถอยร่นออกไป
เนื่องจากนางมีความว่องไวมาก และสามารถหลบหนีการโจมตีของเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงไปได้อย่างง่ายดาย
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ย่าเหยียนคิดว่านางคงไม่สามารถฆ่าเซียวเฉวียนได้ และอาจจะโดนทั้งสองคนทำร้ายจนบาดเจ็บได้
ดังนั้น ย่าเหยียนเตรียมหาโอกาสที่จะถอยหนี
เซียวเฉวียนดูออกว่านางต้องการจะทำอะไร เขารีบเรียกพู่กันเฉียนคุนออกมา
ยังไม่ทันที่เซียวเฉวียนจะเรียก พู่กันเฉียนคุนก็รู้ตัวเองออกมาและตามไป
ตลอดทาง พู่กันเฉียนคุนส่องแสงสีแดงประกายขาว มันวิ่งไปด้านหน้า เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงตามอยู่ด้านหลัง
มีความตั้งใจจริงจังอย่างไรก็หนีไปไม่พ้น ย่าเหยียนเดินเลี้ยวโค้งไปมาเป็นเหมือนรูปตัวเอสหลบหนีออกไป
สุดท้ายก็สามารถหลบหนีจากพู่กันเฉียนคุนได้สำเร็จ
เดินจนนางเหนื่อยหายใจหอบ
นางหลบอยู่ในถ้ำที่มีแสงส่องสลัวๆ ค่อยๆผ่อนลมหายใจ และก็ดีใจที่ตัวนางยังไม่ได้บอกเซียวเฉวียน เรื่องของการนำเลือดบริสุทธิ์ของกองทัพเซียวออกมา
เป็นไปได้อย่างไรที่พู่กันเฉียนคุนปล่อยให้นางหลบหนีไปได้
ทำให้เซียวเฉวียนได้เรียนรู้มากขึ้นว่า
บนโลกนี้ มีคนที่รวดเร็วว่องไวกว่าเซียวเฉวียนกับเจี้ยนจงก็แล้วไป แต่กลับรวดเร็วว่องไวกว่าพู่กันเฉียนคุน!
ดูท่าทางแล้วย่าเหยียนคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!
ไม่ได้มีตำแหน่งธรรมดาเป็นแค่เจ้าสำนักของสำนักหมิงเซียนอย่างเดียวแน่นอน
ในเมื่อตามไม่ทันแล้ว เซียวเฉวียนจึงละทิ้งไม่ตามต่อไปแล้ว ทำเพียงแค่ให้พู่กันเฉียนคุนตามหาร่องรอยของย่าเหยียนต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...