ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1880

สรุปบท บทที่ 1880 เสือซ่อนเล็บ: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปเนื้อหา บทที่ 1880 เสือซ่อนเล็บ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บท บทที่ 1880 เสือซ่อนเล็บ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ชิงหลงรู้ตัวเองเป็นอย่างดี คนที่ทั้งเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงยังรับมือได้ยาก ให้เขาอยู่กับเซียวเฉวียน เกรงว่าเขาก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก

แทนที่จะทำเช่นนี้ สู้ให้เจี้ยนจงที่มีกำลังเหนือกว่าอยู่กับเซียวเฉวียน ยังอาจเพิ่มโอกาสให้เซียวเฉวียนได้ชัยชนะ ได้

มีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ต่อหน้า ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด

ชิงหลงเต็มใจช่วยเซียวเฉวียนไปเฝ้าดูโรงเรียนชิงหยวนให้

เซียวเฉวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้ากล่าวว่า "เอาอย่างนั้นก็ได้"

ในขณะนี้เอง ชิงหลงได้รับติดต่อจากผู้อาวุโสในเผ่า บรรดาผู้อาวุโสต่างออกเสียงขอให้ชิงหลงกลับเขาคุนหลุนโดยเร็วที่สุด

พวกผู้อาวุโสไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพียงบอกว่ามีเหตุสำคัญในเขาคุนหลุน ชิงหลงจำเป็นต้องกลับมาควบคุมสถานการณ์

เรื่องราวภายในเผ่า พวกผู้อาวุโสส่วนใหญ่สามารถตัดสินใจได้ มีเหตุการณ์สำคัญอะไรจะต้องให้ชิงหลงกลับไปกุมหรือ ?

ชิงหลงรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นข้ออ้างของพวกผู้อาวุโสที่จะหลอกให้เขากลับไป

แต่เพราะเขาเป็นเจ้าชายแห่งเขาคุนหลุน และออกมาจากเขาคุนหลุนนานแล้ว เขาก็เป็นห่วงว่าอาจมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับชนเผ่าจริง ดังนั้นเขาจึงต้องกลับไปดูสักเที่ยว

เพิ่งจะรับปากกับเซียวเฉวียนหยกๆ น่ากลัวจะต้องเลื่อนออกไปก่อน ชิงหลงจึงกล่าวขอโทษว่า "ท่านเซียว คงต้องขอเลื่อนไปก่อนแล้ว ผู้อาวุโสในเผ่ามาบอกว่ามีเรื่องสำคัญในเผ่า ต้องการให้ข้ากลับไป"

ได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉวียนจึงกล่าวว่า "ไม่เป็นไร ท่านได้ช่วยเรามามากแล้ว ท่านกลับไปที่คุนหลุนก่อนเถอะ"

รอเขาจัดการเรื่องราวให้เสร็จ ค่อยมาหาเซียวเฉวียนอีกทีก็ได้

เพราะชิงหลงและเซียวเฉวียนก็เป็นเพียงเพื่อนกัน สถานะของสองคนก็แตกต่างกัน ชิงหลงมาช่วยเซียวเฉวียนถึงขนาดนี้ได้ เซียวเฉวียนก็รู้สึกหายากยิ่งแล้ว

ถ้าหากเป็นคนอื่น ไม่มากีดขวางเซียวเฉวียนก็บุญแล้ว ยังฝืนใจผู้อาวุโสในเผ่า ถึงอย่างไรก็จะมาช่วงเซียวเฉวียน

เซียวเฉวียนเป็นราชครูของต้าเว่ย เป็นเจ้าของโรงเรียนชิงหยวน ช่วยเซียวเฉวียนก็เท่ากับช่วยราชวงศ์ต้าเว่ย

ต้าเว่ยอยู่ติดกับเขาคุนหลุน ในสายตาของชาวคุนหลุน เมื่อตราจูเสินถูกทำลายไปแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาจะต้องเกิดความทะเยอทะยานบุกโจมตีต้าเว่ยอย่างแน่นอน

พูดตามหลักแล้ว ชิงหลงกับเซียวเฉวียนควรอยู่กันคนละฝั่ง แต่ชิงหลงไม่คำนึงเป็นอย่างอื่นแม้แต่นิดในการช่วยเหลือเซียวเฉวียนเพื่อความสันติสุข เข้าใจเหตุผล มีน้ำใจต่อคนทั่วไปใต้ฟ้าพิภพ หาได้ยากจริงๆ

หากเซียวเฉวียนเดาไม่ผิด ชิงหลงกลับไปเที่ยวนี้ คงไม่ง่ายแล้วที่จะปลีกตัวได้อีก

ถึงแม้พวกผู้อาวุโสจะละทิ้งความทะเยอทะยานที่จะโลภในต้าเว่ย พวกเขาก็ยังคงไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ชิงหลงไปยุ่งเกี่ยวกับเซียวเฉวียน

มิหนำซ้ำ พวกผู้อาวุโสไม่น่าจะเลิกลาเอาง่ายๆ

พวกเขาอยู่นิ่งๆ เป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อพวกผู้อาวุโสตามตัวชิงหลงกลับไปในครั้งนี้ พวกเขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกักชิงหลงไว้บนเขาคุนหลุนแน่นอน กรณีพิพาทระหว่างเซียวเฉวียนและนักปราชญ์ พวกเขาคิดว่ารบกันยิ่งรุนแรงก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเท่านั้น !

ชิงหลงและเซียวเฉวียนยังคุยกันไม่ทันจบ ก็ได้ยินพวกผู้อาวุโสมาเร่งซ้ำสอง สร้างความรู้สึกว่าสถานการณ์เร่งด่วนมากให้กับชิงหลง

ฉะนั้น ชิงหลงจึงไม่อาจพูดอะไรมาก เขาจึงกล่าวคำอำลากับเซียวเฉวียนและเจี้ยนจง ส่งเสียงเฟี้ยวทีมุ่งหน้าไปยังเขาคุนหลุน

หลังจากชิงหลงไปไกลแล้ว เจี้ยนจงกล่าวทั้งสายตาส่งประกายเย็นชา "ดูท่าทางคุนหลุนเตรียมจะเคลื่อนไหวแล้ว"

เซียวเฉวียนกล่าวว่า "ใช่ เก้าสิบเก้าส่วนร้อย"

”แต่ตราบใดที่พวกเขาไม่หันหอกมาที่ต้าเว่ย เราก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา”

เจี้ยนจงกล่าวว่า "แน่นอน ตราบใดที่พวกเขาไม่มารุกรานต้าเว่ย พวกเขาจะทำอะไรก็เรื่องของพวกเขา"

เจี้ยนจงยุ่งไม่ได้ ทั้งไม่คิดจะยุ่งด้วย

แต่ว่า ด้วยความเข้าใจของเจี้ยนจงที่มีต่อชาวคุนหลุน พวกเขากล้าหาญและชอบรบมาแต่กำเนิด เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะละทิ้งต้าเว่ยเนื้อชิ้นใหญ่นี้ไป

ตอนนี้พวกเขาไม่แตะต้องต้าเว่ย เกรงว่าพวกเขาก็รู้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

แน่นอน นั่นเป็นเรื่องของอนาคต เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงจึงไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้

ตอนนี้ ต้องหาทางให้กับโรงเรียนชิงหยวนก่อน

ในเมื่อชิงหลงกลับเขาคุนหลุนแล้ว เรื่องการคุ้มครองชิงหยวนก็ต้องตกอยู่กับเจี้ยนจง

เจี้ยนจงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า "ก็ได้ ข้าจะกลับไปสักเที่ยว"

ความสัมพันธ์ของเขากับยายเหยียนจะว่าดีหรือก็ไม่เชิง จะว่าไม่ดีก็ไม่ใช่ ในภาษาของชาวบ้าน การไปมาหาสู่กันของพวกเขาก็แค่อยู่ในระดับพยักหน้าทักทายกัน

ก็คือเวลาเจอหน้ากันก็ทักทายกันง่ายๆ ก็แค่นั้นเอง

นี่ยังเป็นเพราะว่านักปราชญ์และยายเหยียนเดิมทีก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันอยู่แล้ว นอกจากปรึกษาเรื่องในสำนักแล้ว ทั้งสองคนแทบจะไม่ได้อยู่ร่วมในที่เดียวกัน

วันธรรมดาก็ไม่ค่อยไปมาหาสู่กัน

พูดให้ถูกต้องก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเสวียนอวี๋กัยยายเหยียนนั้นก็คล้ายคลึงกับความสัมพันธ์ระหว่างนักปราชญ์กับยายเหยียน

นักปราชญ์คนนี้มีนิสัยดังนักเลงเล็กน้อย เขาไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับยายเหยียนมากเกินไป เขาจึงสั่งเสวียนอวี๋ห้ามติดต่อกับยายเหยียนเป็นการส่วนตัว แม้กระทั่งกับลูกศิษย์ของยายเหยียนก็ไม่ได้

ทำเช่นนี้จึงลิดรอนสิทธิ์ของเสวียนอวี๋ในการคบหาเพื่อนเล่นโดยตรง

ก็ด้วยเหตุนี้ เสวียนอวี๋จึงรู้จักยายเหยียนไม่มากนัก เขาคิดเสมอว่าความสามารถของยายเหยียนนั้นไม่ดีเท่ากับของนักปราชญ์

แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เสวียนอวี๋ไม่สามารถฟังเสียงในใจของนาง

เขาเคยกล่าวเรื่องนี้กับนักปราชญ์ นักปราชญ์บอกว่านางเคยฝึกฝนวิธีการอำพรางเสียงในใจ ทั้งฝึกฝนจนถึงขั้นเชี่ยวชาญสุดยิ่ง

เสวียนอวี๋ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก

มีอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้รู้ว่าหมิงเจ๋อฆ่าเซียวเฉวียนไม่สำเร็จ ยังทำให้ตัวเองต้องพิการแล้ว ยายเหยียนได้กล่อมเกลาให้นักปราชญ์ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าเซียวเฉวียนเสีย โดยบอกว่ามันเป็นฟ้าลิขิตและเซียวเฉวียนชีวิตยังไม่ถึงฆาต

แต่นักปราชญ์นอกจากไม่ฟัง ยังโมโหโทโสเพราะเหตุนี้ ดุด่ายายเหยียนไปยกใหญ่ด้วย

น่าแปลกที่ยายเหยียนไม่กลัวเลยแม้แต่นิด ยังย้อนใส่นักปราชญ์อีกด้วย

ครั้งนั้นทำให้นักปราชญ์อารมณ์แค้นเคืองไม่เบาจริงๆ

ตอนนั้น เสวียนอวี๋ก็รู้สึกแปลกมาก ยายเหยียนเอาความกล้าที่ไหนมา บังอาจโต้เถียงกับนักปราชญ์เลยหรือ ?

เมื่อได้ยินเซียวเฉวียนมาพูดเช่นนี้ เสวียนอวี๋จึงเข้าใจแล้วว่ายายเหยียนไม่เคยกลัวนักบปราชญ์เลย กำลังของนางเหนือกว่านักปราชญ์ตั้งเยอะ นางเป็นเสือซ่อนเล็บนี่เอง !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย