ตอน บทที่ 1879 ต้องกันไว้ก่อน จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1879 ต้องกันไว้ก่อน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
การป้องกันเป็นสิ่งที่จําเป็นเสมอ
เพราะงั้นหลังจากที่เซียวเฉวียนได้พักอยู่จวนอ๋องเพียงแค่คืนเดียว วันรุ่งขึ้นก็ได้กินมื้อเช้าและออกเดินทางไปรัฐหวู่โจว
แต่ยังไม่ทันจะถึงรัฐหวู่โจว เซียวเฉวียนก็ได้รับสารจากชิงหลง “ใต้เท้าเซียว!”
น้ำเสียงของเขาดูตื่นเต้นเล็กน้อย เซียวเฉวียนก็ได้กล่าวขึ้น “ใต้เท้าชิงหลง เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”
นักปราชญ์สามารถรอดพ้นจากสายตาของเซียนเฉวียนและเจี้ยนจงได้ ตัวของชิงหลงเองก็คงจะไม่พบร่องรอยของเขาเหมือนกัน
สิ่งที่จะทำให้ชิงหลงติดต่อเซียวเฉวียนอย่างกะทันหันและมีน้ำเสียงที่ตื่นเต้นขนาดนี้ จะมีอะไรนอกจากได้ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ เซียวเฉวียนก็คิดถึงเรื่องอื่นไม่ได้
ก็ตามที่เซียวเฉวียนคาดไว้ ชิงหลงได้ไปพบสิ่งใหม่ ๆ มา
หลังจากที่เขาได้ออกจากเกาะนกกระสาแล้ว เขาก็ไปตามหาที่อยู่ของนักปราชญ์ในทุก ๆ ที่ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล
เมื่อได้คิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ชิงหลงรู้สึกว่าถ้านักปราชญ์ออกจากเกาะนกกระสาแล้วจริง ๆ ที่ที่เป็นไปได้ที่สุดที่เป็นไปได้ว่าเขาจะไป ก็น่าจะเป็นที่ทาสคุนหลุนอยู่โดยที่ไม่มีใครปกป้อง
เพราะงั้น ช่วงนี้ชิงหลงก็ยุ่งอยู่แต่กับการหาที่อยู่ของทาสคุนหลุนในรัฐต่าง ๆ
การทำงานของเขาค่อนข้างที่จะมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว หลายวันมานี้เขาได้ค้นพบเพิ่มมาสี่รัฐ ซึ่งเป็นที่อยู่ของทาสคุนหลุน ไม่ใช่แค่นั้น เขายังได้เรียนรู้จากเซียวเฉวียนและได้สร้างกำแพงกั้นระหว่างหมู่บ้านคุนหลุน ขอแค่ทาสคุนหลุนตกอยู่ในอันตราย ก็จะสามารถทลายกำแพงกั้นและมาขอความช่วยเหลือจากชิงหลงได้
เมื่อได้ฟังชิงหลงพูดจบ เซียวเฉวียนก็อดพูดชมไม่ได้ “ทำได้ดีมาก”
เช่นนั้น ก็ช่วยเซียวเฉวียนได้มากแล้ว ไม่ต้องให้เขามาที่นี่อีก
"ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน?" เซียวเฉวียนถามขึ้น
ชิงหลงตอบกลับ "อยู่ที่รัฐชิงโจว"
รัฐชิงโจวเป็นที่สุดท้ายที่ชิงหลงจะไป
เซียวเฉวียนกล่าวว่า “ตอนนี้ข้ากำลังเดินทางไปรัฐหวู่โจว แต่ตอนนี้จะไปหาเจ้าก่อน”
ด้วยพลังกังฟูเพียงพริบตาเดียว เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงก็ได้มาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าชิงหลง
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูสงบนิ่ง แต่สายตาของเขาก็มีความโศกเศร้าอยู่ ชิงหลงได้มองออกหมดแล้ว
มองแวบเดียวก็รู้ว่า การจับนักปราชญ์ครั้งนี้ไม่ง่ายนัก
ชิงหลงมองไปที่เซียวเฉวียนและพูดว่า “นักปราชญ์หนีไปได้งั้นหรือ?”
เซียวเฉวียนตอบแค่ “อืม” และกล่าวขึ้น “พวกเรายังได้ไปเจอย่าเหยียนอีกด้วย”
แต่จากการตัดสินของเจี้ยนจงและพู่กันเฉียนคุน ย่าเหยียนคนนี้ก็เป็นชาวคุนหลุน
ได้ยินว่าเธอสามารถรอดพ้นจากเนื้อมือของเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงได้ ชิงหลงจึงได้รู้ว่าคน ๆ นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่
ยกโทษให้เขาสำหรับความไม่รู้นี้ด้วย เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุนหลุนจะมีคนเก่งขนาดนี้
ต้องรู้ก่อนว่า ถ้าผู้อาวุโสทั้งสี่ร่วมมือกันล่ะก็ ไม่สามารถมองข้ามได้เลยทีเดียว เกือบจะเรียกได้ว่าวางอำนาจบาตรใหญ่ในคุนหลุนเลยก็ว่าได้
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ ทั้งสี่ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับเซียวเฉวียนตอนแรก ดังนั้นตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวเฉวียน
แต่เซียวเฉวียนได้พูดถึงย่าเหยียนออกมา และเธอยังได้หนีจากเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงได้ด้วยตัวเอง เก่งมากจริง ๆ
ชิงหลงรู้สึกว่า คนที่เก่งขนาดนี้ น่าจะมีแค่เทพเจ้าในตำนานเท่านั้นแหละที่จะสามารถสู้ได้?
แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ความเร็วขนาดนั้น แม้แต่เจี้ยนจงก็ยังตามไม่ทัน นั่นไม่ใช่การฝืนกฏธรรมชาติหรอ?
ย่าเหยียนคนนี้ มาจากไหนกันแน่ ?
ถ้าเธอเป็นชาวคุนหลุนจริง ๆ ล่ะก็ เธอกลายมาเป็นเจ้าสำนักหมิงเซียนได้อย่างไรกัน?
เธอและกลุ่มคุนหลุนมีความเป็นมายังไงกันแน่นะ?
ชิงหลงหันไปหาเจี้ยนจงด้วยสีหน้างุนงง เจี้ยนจงจึงได้กล่าวว่า “เด็กน้อย เจ้าอย่ามองข้าแบบนี้ ข้าเองก็ไม่รู้ที่มาของนางเหมือนกัน”
แม้แต่บรรพบุรุษพันปีคนนี้ยังไม่รู้เรื่อง น่าปวดหัวจริง ๆ
เซียวเฉวียนมีความเห็นมากมายมาโดยตลอด ชิงหลงมองไปที่เซียวเฉวียนแล้วพูดว่า “ใต้เท้าเซียว ท่านคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”
พูดกันตามตรง ถ้าย่าเหยียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสกัดเลือดจากกองทัพตระกูลเซียว เซียวเฉวียนก็รู้สึกว่าย่าเหยียนก็เป็นคนที่มีเหตุผลพอสมควร
ที่สามารถพูดได้แบบนี้ก็เพราะ จากที่เธอได้วิเคราะห์นักปราชญ์ ย่าเหยียนไม่พอใจนักปราชญ์เป็นอย่างมาก พูดแบบนี้ดีกว่า คติความคิดของเธอและนักปราชญ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
และเธอยังรู้สึกว่านักปราชญ์จงใจที่จะฆ่าเซียวเฉวียน ซึ่งมันเป็นการกระทำที่โง่เขล่ามาก
แต่ดูเหมือนว่า ย่าเหยียนอยากจะฆ่าเซียวเฉวียน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเซียวเฉวียนได้ไปทำลายสำนักหมิงเซียนและทำลายภูเขาหมิงเซียน
เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงก็พูดออกมาพร้อมกัน"อืม"
การปรากฏตัวของย่าเหยียน ก็ได้เพิ่มตัวแปรขึ้นมาอีกมากมาย
เซียวเฉวียนต้องป้องกัน
และเจี้ยนจงเองก็ได้ออกจากสถานศึกษาชิงหยวนมาหลายวันแล้ว ถึงเวลาที่ควรกลับไปแล้ว
เซียวเฉวียนให้เขากลับไปก็เพราะกลัวว่านักปราชญ์จะไปก่อเรื่องวุ่นวายที่สถานศึกษาชิงหยวนเพื่อที่จะมาจัดการเซียวเฉวียน
โดยเฉพาะคนที่มีจิตใจคับแคบอย่างเสวียนจิ้ง ที่ชอบมีความคิดบ้า ๆ
ก่อนหน้านี้ที่ย่าเหยียนยังไม่ปรากฏตัวขึ้น สถานศึกษาชิงหยวนก็มีกำแพงคอยป้องกันไว้ เซียวเฉวียนก็ไม่กังวล
แต่ตอนนี้ได้เห็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมของย่าเหยียนแล้ว ไม่แน่เธออาจจะทำลายกำแพงที่เจี้ยนจงสร้างขึ้นได้
หากว่าสามารถทำลายได้จริง ๆ ล่ะก็ จะไม่มีใครรายงานเรื่องนี้กับเจี้ยนจงและเซียวเฉวียนได้ทัน สถานศึกษาชิงหยวนจะถูกย่าเหยียนทำลาย นั่นก็เป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
สถานศึกษาชิงหยวนถูกทำลายไปก็ยังสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่ที่นั่นมีศิษย์และอาจารย์มากมาย เซียวเฉวียนจะปล่อยให้พวกเขาได้รับอันตรายไม่ได้
เช่นเดียวกับเซียวเฉวียน เจี้ยนจงเองก็กังวลเรื่องนี้เหมือนกัน
แต่เซียวเฉวียนเป็นจำนายของเขา เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของเซียวเฉวียนมากกว่า
ย่าเหยียนแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ถ้าเขากลับไปที่เมืองหลวงและย่าเหยียนมาหาเซียวเฉวียน แล้วเซียวเฉวียนคนเดียวจะรับมือได้ไหม?
เจี้ยนจงกล่าวว่า “เหล่าเซียว หรือว่าจะให้ชิงหลงกลับไปอยู่ที่สถานศึกษาชิงหยวน”
ถ้าพูดถึงเรื่องความแข็งแกร่ง ชิงหลงสู้เจี้ยนจงไม่ได้ แทนที่จะให้เขาอยู่กับเซียวเฉวียน ให้เขากลับไปอยู่ที่ชิงหยวนซะจะดีกว่า
และบทบาทที่สำคัญที่สุดถ้าเขากลับไปอยู่ที่ชิงหยวนก็คือ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับชิงหยวน เขาก็สามารถรายงานเซียวเฉวียนได้ทันเวลา
ในความเห็นของเจี้ยนจง นี่เป็นข้อตกลงที่ดีที่สุด
ได้ยินแบบนั้น ชิงหลงก็กล่าวว่า "ใต้เท้าเซียว ที่บรรพบุรุษพูดก็ถูก"
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งของย่าเหยียน แต่เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงต่างก็บอกว่า เก่งมาก งั้นเธอก็คงจะเก่งจริง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...