บทที่ 1891 เสวียนอวี๋ขออาศัยอยู่ – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1891 เสวียนอวี๋ขออาศัยอยู่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
การวิเคราะห์ของ เสวียนอวี๋นั้นถูกต้อง
เซียวเฉวียนยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “เจ้าพูดถูก ครอบครัวนี้ดูน่าสงสัยมาก คนที่เรากำลังมองหาอาจอยู่ที่นี่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสวียนจิ้งและเซียวเฉวียนมองตากัน ทั้งสองสื่อสารกันด้วยสายตา
เสวียนอวี๋แกล้งทำเป็นไปเคาะประตู เขาเคาะไปพลางพูดไปว่า “มีคนอยู่ไหม?ข้างในมีคนอยู่ไหม?”
เขาเคาะอยู่นานแต่ไม่มีเสียงตอบรับ
เสวียนอวี๋หันกลับมาพูดเสียงดังจงใจว่า “ท่านลุงเซียว ไม่มีใครตอบรับ ข้างในน่าจะไม่มีคน เราไปกันเถอะ”
เพื่อรวมกันเสวียนอวี๋ เซียวเฉวียนก็พูดเสียงดังกว่าปกติเช่นกัน “อืม ดูเหมือนว่าเราจะมาเสียเที่ยวแล้ว ไปกันเถอะ”
เมื่อพูดจบ ทั้งสองก็มองตากัน แสดงความเข้าใจอย่างแนบเนียน และกระโจนขึ้นไปบนหลังคาพร้อมกัน
ในบ้านย่าเหยียน นักปราชญ์และเสวียนจิ้งต่างกลั้นหายใจ
ทั้งสามตั้งใจฟังเสียงรอบข้าง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีเสียงของ เซียวเฉวียนและ เสวียนอวี๋แล้ว เสียงแหบพร่าของย่าเหยียน ก็ดังขึ้น “พวกเจ้าทำได้ดี”
อย่างไรก็ตามเซียวเฉวียน ไม่ใช่คนธรรมดา การจะหลอกเขาได้นั้นต้องแน่ใจจริงๆ ด้วยเหตุนี้ย่าเหยียนจึงเงียบมาตลอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักปราชญ์เคยต่อสู้กับ เซียวเฉวียนหลายครั้ง ยิ่งต้องระวังมากขึ้น เขาไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย
เซียวเฉวียน มาที่นี่ แสดงว่าเขาน่าจะค้นพบอะไรบางอย่าง
นักปราชญ์ไม่กล้าหายใจแรง จนกว่าจะแน่ใจว่าเซียวเฉวียน และเสวียนอวี๋จากไป
เมื่อได้ยินคำชมจาก ย่าเหยียน ชาวบ้านสองคนรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในดินแดนกันดารแห่งนี้ ไม่เคยเห็นอะไรมาก่อน
ทันใดนั้นก็มีคนแปลกหน้ามาหลายคน แต่ละคนดูน่ากลัว ชาวบ้านจึงกลัวจนตัวสั่น
ย่าเหยียนได้ยินเสียงทั้งสองถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอพูดต่อว่า “อย่าตื่นเต้น เพียงแค่พวกเจ้าเชื่อฟัง เราจะไม่ทำอะไรพวกเจ้า”
พวกเขาตามหาสองคนนี้มาเพื่อเป็นโล่กำบัง ไม่ได้ต้องการฆ่าพวกเขา
เมื่อเซียวเฉวียนและเสวียนอวี๋จากไปย่าเหยียนจะคืนอิสรภาพให้พวกเขา
ชาวบ้านไม่รู้ว่าย่าเหยียน พูดจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังเธอ หวังว่าเธอจะพูดจริง
เมื่อเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย ชาวบ้านก็ทำได้แค่เชื่อฟัง
ทั้งสองพยักหน้าด้วยความตึงเครียดและพูดพร้อมกันว่า’ ขอรับ”
แม้แต่ ย่าเหยียน เองก็ไม่รู้ว่า เซียวเฉวียนที่ซ่อนตัวอยู่บนหลังคาได้ยินคำพูดของพวกเขา
แม้จะไม่ได้ยินทั้งหมด แต่เซียวเฉวียนก็สามารถได้ยินคำพูดที่ได้ยินมาคร่าวๆ และเข้าใจเรื่องราวคร่าวๆ
จากการเตรียมตัวของ ย่าเหยียนแสดงว่าเธอคาดเดาไว้ล่วงหน้าว่าเซียวเฉวียนจะมา
เพื่อปกปิดตัวตน จึงหาคนสองคนมาที่นี่เพื่อเป็นโล่กำบัง
แต่สวีย่าบอกว่าที่นี่ควรจะมีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่
นั่นหมายความว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ถูกฆ่าตาย
ดังนั้นย่าเหยียน และพวกเขาจึงต้องการฆ่าชาวบ้านที่เคยเห็นพวกเขาหลังจากหลอกเซียวเฉวียน
เมื่อกี้นี้ย่าเหยียนบอกว่าจะไม่ฆ่าพวกเขา นั่นชัดเจนว่าเป็นคำโกหก
พวกมันไม่ได้คิดจะปล่อยพวกคนเหล่านี้มีชีวิตอยู่ แต่จะรอจนหลอกเซียวเฉวียนสำเร็จก่อน แล้วค่อยฆ่าปิดปาก
เมื่อคืนนี้ สิ่งผิดปกติที่เซียวเฉวียนรับรู้นั้น มีโอกาสสูงมากที่ย่าเหยียนจะเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม เธอซ่อนตัวได้ดี บวกกับมีลมธรรมชาติพัดมา ทำให้ย่าเหยียนหนีอดจากหูของเซียวเฉวียนได้อย่างง่ายดาย
บังเอิญพอดี ประตูบ้านหลังนี้เปิดออก มีชายคนหนึ่งนั่งยอง ๆ อยู่หน้าประตู กำลังถอนหญ้าป่าข้างบ้าน
“อุ๊บ ๆ !” เสวียนอวี๋ไอแห้งๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา
เมื่อเห็นเสวียนอวี๋กลับมา ชายคนนั้นตกตะลึง มองเสวียนอวี๋ด้วยความงุนงง พูดอะไรไม่ออก
เสวียนอวี๋ยิ้มอย่างอ่อนหวาน พูดว่า “ท่านพี่ ข้ามาที่นี่เพื่อจะถามท่านเกี่ยวกับบางคน”
เขายังพูดไม่ทันจบ ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นยืน สีหน้าไม่พอใจพูดว่า “ถามหาใคร?ที่นี่มีแค่พวกเราสองพี่น้อง ไม่เคยเห็นใครมาที่นี่เลย”
ก่อนที่เสวียนอวี๋จะพูดจบ ชายคนนั้นก็พูดต่อรัวเร็ว ราวกับปะทุออกมา ปิดกั้นคำพูดของเสวียนอวี๋
แต่เสวียนอวี๋เหมือนจะมองไม่เห็นสีหน้าของชายคนนั้น ฟังไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา เขาพูดต่อว่า “คือว่า พวกเรามาไกล รู้สึกเหนื่อยมาก ไม่ทราบว่าจะขอพักที่นี่สักคืนได้ไหม?”
กลัวว่าชายคนนั้นจะปฏิเสธ เสวียนอวี๋จึงเสริมว่า “พวกเราแค่ต้องการที่ซุกหัวนอน อาหารพวกเราเตรียมมาเอง”
เมื่อได้ยินเสวียนอวี๋พูดว่าอยากพักที่นี่ ชายคนนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
ในบ้านหลังนี้มีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่ หากเขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เสวียนอวี๋ย่อมต้องสงสัย คงจะหาวิธีวนเวียนอยู่ที่นี่
แบบนี้ คนในบ้านจะตำหนิเขาว่าทำงานไม่ดี ชีวิตของเขาและครอบครัวก็ตกอยู่ในอันตราย
แต่หากตอบตกลงก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน คนในบ้านก็จะไม่ปล่อยชายคนนี้ไป
ตอบตกลงก็ไม่ได้ ปฏิเสธก็ไม่ได้ ช่างเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากจริงๆ
เมื่อเห็นท่าทีของชายคนนั้น เสวียนอวี๋ก็ถามอย่างไร้เดียงสาว่า “ท่านพี่ ว่าอย่างไร?”
“พวกท่านอย่ากังวลเลย พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะออกเดินทางแน่นอน จะไม่สร้างปัญหาให้ท่านมาก”
ชายคนนั้นยังคงลังเลอยู่ ว่าจะตอบสนองต่อเสวียนอวี๋อย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...