อ่านสรุป บทที่ 1913 คําแนะนําที่ผิดพลาด จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 1913 คําแนะนําที่ผิดพลาด คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เมื่อได้เห็นสีหน้าของผู้คนที่นี่ ย่าเหยียนจึงได้รู้ว่าชีวิตของผู้คนที่นี่ต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีมาก
ไม่มีสงคราม ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่มีความหิวโหย ไม่มีการรบกวนใดๆจากโลกภายนอก
หากว่าเธอไม่ได้ไล่ตามเซียวเฉวียนมาจนถึงที่นี่ แค่มองอยู่ที่หน้าผานั่น เธอก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มาเจอดินแดนสวรรค์อย่างนี้
ถ้าสามารถใช้ที่นี่เป็นฐานหลักของสำนักหมิงเซียน ก็คงจะเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลย
แน่นอนว่า ถ้าเซียวเฉวียนเคยมาที่นี่ จะต้องกำจัดเขาทิ้งก่อน
เพราะงั้นก่อนอื่นเลยเธอจะต้องไปสืบหาที่อยู่ของเซียวเฉวียนให้ได้ซะก่อน
เธอทำสีหน้าเป็นมิตรแล้วเดินเข้าไปหาชาวบ้านคนหนึ่ง พยายามทำเสียงให้ปกติมากที่สุด “หนุ่มน้อย ขอถามอะไรเจ้าหน่อยสิ เมื่อกี้มีคนแปลกหน้าเข้ามาที่นี่บ้างไหม?”
ทันใดนั้นก็ได้มีคนแปลกหน้ามาปรากฏตัวขึ้น ดูแล้วก็ยังดูเป็นวัยรุ่นอยู่แต่กลับมีผมหงอกปะปนอยู่บ้าง ชาวบ้านที่ยังไม่เคยเห็นโลกมาก่อนแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เขาหันกลับไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
คนแปลกหน้าอะไรกัน ก็เธอไม่ใช่หรือไงที่เป็นแปลกหน้า?
มีเพียงทางเดียวที่จะสามารถเข้าสู่หมู่บ้านนี้ได้ และเป็นทางลับหากไม่ใช่คนในหมู่บ้านจะไม่มีทางรู้ได้เลย
และทางลับนั้นก็ไกลจากที่นี่มากเหมือนกัน แต่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็โผล่มา มันน่าตกใจเกินไปไหม!
เมื่อเห็นชาวบ้านได้พบเธอแล้ววิ่งหนี ด้วยท่าทีที่ไม่เหมือนว่าไม่เคยพบเจอคนแปลกหน้ามาก่อน ทำให้ย่าเหยียนได้แต่ถอนหายใจ
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องไปถามอีกซักสองสามคน
คนที่ไม่เคยเจอโลกมาก่อน กลัวตายขนาดนี้ งั้นก็น่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากซะแล้ว
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ได้เห็นสีหน้าของชายหนุ่มเมื่อครู่ ก็อดที่จะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
ได้ยินว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาที่หมู่บ้านของพวกเขา ทุกคนก็อดประหลาดใจไม่ได้
หลังจากที่มีการก่อตั้งต้าเว่ย มีคนได้ค้นพบดินแดนสวรรค์นี้โดยบังเอิญ พวกเขาจึงได้ทยอยย้ายมาที่นี่อย่างเงียบ ๆ
ตอนนี้ก็ได้ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนนอกมาที่นี่
จะพูดว่าไม่ประหลาดใจก็คงเป็นเรื่องโกหก
ไม่ใช่แค่ประหลาดใจ แต่ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นไปอีก
จู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
ดังนั้นชาวบ้านที่เดิมอยู่ข้างนอก ตอนนี้ก็เริ่มกลับบ้านกันจากสิบไปเป็นร้อย ๆ บ้าน เข้าบ้านแล้วก็ปิดประตูให้แน่นสนิท
แต่เดิมหมู่บ้านนี้มีแต่ผู้คนที่พลุกพล่าน ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปว่างเปล่าด้วยความรวดเร็ว
ย่าเหยียนก็อดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ เธอเข้ามาด้วยความเป็นมิตร แต่ทำไมคนอื่นถึงได้กลัวแบบนี้
จริง ๆ มันก็บั่นทอนความมั่นใจของย่าเหยียนอยู่เหมือนกัน
แต่อารมณ์ความรู้สึกพวกนี้ก็มาเพียงแค่แปปเดียวก็หายแล้ว
ก็แค่คนจากฆราวาสเท่านั้น จะไปสนใจกับการกระทำของพวกเขาขนาดนั้นทำไมกัน?
เพื่อไม่ให้ชาวบ้านหวาดกลัวไปมากกว่านี้ ย่าเหยียนไม่ได้แสดงอะไรออกมามาก แต่กลับเดินไปทีละขั้นตอน
แต่สุดท้ายผลที่ได้ก็คือ พวกเขาทั้งหมดปิดประตูบ้านเงียบสนิท ทำให้ย่าเหยียนรู้สึกถูกปฏิเสธอย่างรุนแรง
คนพวกนี้ อยู่ที่นี่มานานมากแล้ว แค่ได้พบเจอคนแปลกหน้ายังตกใจขนาดนี้ ช่างขี้ขลาดจริง ๆ
เธอสุ่มเลือกครอบครัวมาหนึ่งบ้าน มองไปที่ประตูและพูดอย่างสุภาพ “ข้ามาที่นี่ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแฝง แต่เพียงแค่จะมาหาคนก็เท่านั้น”
"เจ้าเคยเห็นคนแปลกหน้ามาที่นี่ไหม?"
ประตูไม่เปิดและไม่มีการตอบสนองใด ๆ
ย่าเหยียนได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง เธอได้แต่เดินหน้าต่อไป
ที่นี่มีหญ้าและต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์เป็นที่ที่ดีในการหลบซ่อน
ที่เซียวเฉวียนเลือกหยุดพักที่นี่เพราะเขาต้องการรักษาอาการบาดเจ็บ
และเมื่อครู่ที่พวกเขาเดินทางผ่านหมู่บ้าน ก็ไม่ได้มีใครพบพวกเขา ถ้าย่าเหยียนมาที่นี่ก็คงหาร่องรอยของเขาไม่เจอ
เพราะแบบนี้ ย่าเหยียนจึงได้รู้สึกว่าเซียวเฉวียนจะไม่ลงจากหน้าผานี้ และรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ทางที่เซียวเฉวียนเดินทางไป
นี่สามารถนำย่าเหยียนออกไปในทิศทางที่ผิด
แน่นอน เซียวเฉวียนก็ไม่มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน จึงทำได้แต่ทำใจ
และถ้ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด ถ้าย่าเหยียนไหวตัวทัน ถึงเวลานั้นก็คงจะทำอะไรไม่ได้
หลังจากที่เซี่ยวเฟิงปล่อยตัวเซียวเฉวียนลงมาแล้ว เขาก็ได้เริ่มนั่งสมาธิเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
ในขณะที่เซี่ยวเฟิงและกิเลนได้ป้องกันเสวียนจิ้งอย่างเข้มงวด เขาจ้องมองเสวียนจิ้งตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เสวียนจิ้งอาศัยเวลาที่เซียวเฉวียนรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อเรื่อง
ตัวเองถูกสัตว์สงครามทั้งสองตัวจ้องและคุมขังเหมือนเป็นนักโทษ ทำให้เสวียนจิ้งรู้สึกอับอายอย่างมาก
แต่อยู่ใต้ชายคาเขา ก็จำเป็นต้องก้มหัวให้
แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึดอัดอั้นแค่ไหน แต่เขาก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา ทำได้แต่ด่าว่าเซี่ยวเฟิงและกิเลนอยู่ในใจว่า พวกเขารังแกคนมากเกินไปแล้ว!
แต่ดูเหมือนว่าเซียวเฉวียนจะเปลี่ยนไปแล้ว อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นผิดหูผิดตา “ย่าเหยียนรีบมาเร็ว ๆ ! มาฆ่าเซียวเฉวียน!”
ยิ่งตะโกนมากเท่าไหร่ เสวียนจิ้งก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น
กำลังตะโกนอยู่ เสวียนจิ้งก็เกือบจะโพล่งออกมา ดีที่เขาตั้งสติได้และหยุดทัน
มิฉะนั้นเขาก็อาจจะถูกเซี่ยวเฟิงหรือไม่ก็กิเลนกัดจนตาย
ยังไงก็หนีความตายไม่พ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...