ตอน บทที่ 1914 ถูกบังคับ จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1914 ถูกบังคับ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ก็ยังต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้ให้ได้
เสวียนจิ้งนั่งที่พื้นอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็หลับตาลง
ที่สำคัญเลยก็คือ ตอนที่เขาลืมตาแล้วต้องเห็นสัตว์สงครามที่ชั่วช้าสองตัวนี้ มองเขาด้วยสายตาแบบนั้น ในใจเขาก็รู้สึกอึดอัดมาก
ถ้าไม่เห็น ก็ไม่ต้องรู้สึกรำคาญ
เมื่อได้เห็นเสวียนจิ้งหลับตาลง เซี่ยวเฟิงและกิเลนสบตากันและแสดงออกว่าพอใจกับการกระทำของเสวียนจิ้ง
นี่มันก็ถูกแล้ว ถ้ายังอยากที่จะมีชีวิตรอดอยู่ล่ะก็ต้องสงบเสงี่ยมหน่อย ไม่อยากนั้น เพื่อความปลอดภัยของเซียวเฉวียน ก็อาจเป็นไปได้ที่จะถูกเซียวเฉวียนลงโทษ เซี่ยวเฟิงก็จำเป็นที่จะต้องฆ่าเสวียนจิ้ง
มีเหตุผลอยู่สองข้อ
ข้อแรกก็คือ เซียวเฉวียนเป็นนายของพวกมัน การปกป้องเจ้านายก็เป็นหน้าที่ของพวกมัน
ข้อที่สองก็คือ ให้เจ้ามนุษย์ธรรมดาตัวนี้ฆ่าคนที่พวกมันอยากปกป้อง ดูเหมือนว่าสัตว์ที่น่าเกรงขามพวกนี้จะคับแค้นใจเป็นอย่างมากและยังจะสูญเสียความน่าเกรงขามของพวกมันไปอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น จากที่เซี่ยวเฟิงประเมินดูแล้วความแข็งแกร่งของเสวียนจิ้งยังไม่มากพอด้วยซ้ำ เขาจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างไรกันล่ะ?
แต่ถึงแม้ว่าเสวียนจิ้งจะหลับตาลงแล้ว แต่เซี่ยวเฟิงก็ยังไม่วางใจอยู่ดี เขาจ้องมองที่เสวียนจิ้งอย่างไม่กระพริบตา
สัตว์สงครามทั้งสองตัวนี้มัวแต่เป็นห่วงความปลอดภัยของเซียวเฉวียน จนเอาแต่มองที่เสวียนจิ้งและไม่ได้สังเกตสีหน้าของเซียวเฉวียนเลยว่ามันดูน่าเกลียดกว่าตอนที่จะรักษาซะอีก
หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
เซียวเฉวียนในตอนนี้ เนื่องจากแรงกระตุ้นภายในได้สั่นสะเทือนไปถึงอวัยวะภายใน ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก
เขากัดฟันแน่นและอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมา
แต่เนื่องจากแรงและการเจ็บปวดอย่างรุนแรงนี้ ห้ามเหงื่อของเขาไม่ได้ เศษผมที่อยู่ตรงหน้าผากเปียกชุ่มและหยดเหงื่อก็ค่อย ๆ ไหลลงไปเรื่อย ๆ
เมื่อก่อนนี้ แค่เซียวเฉวียนรู้สึกไม่สบายหรือได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ตราบใดที่มันไม่ได้หนักมาก เขาก็สามารถรักษาให้หายได้ภายในวันนั้นเลย แต่หากว่าอาการหนักมากล่ะก็ ถึงแม้ว่าอาการจะไม่ได้หายในทันทีทันใด แต่ความเจ็บปวดก็จะค่อย ๆ ทุเลาลง
แต่ครั้งนี้ เซียวเฉวียนเองก็รักษามาซักพักหนึ่งแล้ว แต่ความเจ็บปวดกลับไม่ได้ทุเลาลงบ้างเลย มิหนำซ้ำยังดูเหมือนว่าจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
ให้ตายสิ !
นี่มันพลังอำนาจที่ผิดแปลกของย่าเหยียน!
เซียวเฉวียนสงสัยว่าเป็นเพราะตัวเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังภายในก็ไม่เพียงพอ เพราะอย่างนั้น เขาจึงทำได้เพียงอดทนต่อความเจ็บปวดและต้องพยายามเพิ่มพลังภายใน
ในเวลานี้ ผนึกจูเสินก็ได้กล่าวขึ้น “เซียวเฉวียน เจ้าอย่าเปลืองแรงเลย”
เหตุผลที่ผนึกจูเสินเพิ่งจะมาพูดเอาตอนนี้ก็เป็นเพราะ มันรู้สึกว่าด้วยความฉลาดของเซียวเฉวียน เขาสามารถหยุดการรักษาได้ทันทีที่รู้ว่า มีอะไรไม่ชอบมาพากล
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ต่อให้ฉลาดแค่ไหน ก็ยังต้องมีช่วงเวลาที่สับสนอยู่
ดูเหมือนว่า ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ แต่สมองของเขาก็เช่นกัน
เมื่อได้ยินที่ผนึกจูเสินพูดแล้ว เซียวเฉวียนจึงได้หยุดกระตุ้นกำลังภายใน แม้ว่าร่างกายของเขาจะเจ็บปวดมากแค่ไหน เขาก็ยังกัดฟันด่าผนึกจูเสินออกมา “ไร้ประโยชน์!”
พูดออกมาได้ว่า คิดว่าเซียวเฉวียนจะค้นพบสิ่งผิดปกติได้ทันเวลา แล้วสามารถหยุดการรักษาได้ทัน ที่แท้ก็แค่ต้องการเห็นเซียวเฉวียนทนทุกข์ทรมาน
ไร้ประโยชน์สิ้นดี!
พูดว่า สมองของเซียวเฉวียนได้รับบาดเจ็บ นี่ไม่ใช่การว่าเขาว่าโง่แบบอ้อม ๆ หรือไง?
เซียวเฉวียนตีเพื่อลงโทษผนึกจูเสิน
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นบรรพบุรุษ แต่ตราบใดที่เซียวเฉวียนยึดตามหลักเหตุผล การที่เขาจะด่ามันก็ไม่ผิด
ให้สัตว์สงครามทั้งสองมาก่อสร้าง ไม่ใช่จะไม่ได้ แต่พวกมันไม่มีประสบการณ์ ความรวดเร็วของสี่เท้าก็สู้สองเท้าไม่ได้อยู่ดี
ดังนั้น เซี่ยวเฟิงก็ได้วางแผนให้เสวียนจิ้งไปทำงานนี้ด้วย
เสวียนจิ้งเป็นคนเดียวที่สามารถทำงานนี้ได้ ไม่เปลืองแรงด้วย
เซี่ยวเฟิงพ่นลมหายใจไปทางใบหน้าของเสวียนจิ้งเพื่อให้เขาลืมตาขึ้น
จากนั้น มันก็ได้วาดรูปที่ด้านหน้าของเสวียนจิ้ง วาดรูปบ้านหนึ่งหลังออกมาและมองไปที่เสวียนจิ้ง
เพื่อทำให้เสวียนจิ้งเข้าใจสิ่งที่มันจะสื่อ กรงเล็บข้างหนึ่งก็ได้ไปคว้าเอากิ่งไม้บนพื้นมาเขียนคำที่ดูคดเคี้ยว “สร้างบ้าน”
แต่เดิมคิดว่าเซี่ยวเฟิงไม่รู้ตัวหนังสือ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเสวียนจิ้งต่างหากที่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่อยากทำงาน
ข้อเท็จจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่า สัตว์สงครามก็คือสัตว์สงคราม แต่ก็ไม่สามารถตัดสินมันด้วยความคิดทั่ว ๆ ไปได้ พวกมันเข้าใจอะไร ๆ มากกว่าคนธรรมดาเสียอีกและยังสามารถเขียนหนังสือได้อีกด้วย!
ครั้งนี้เสวียนจิ้งไม่อยากเข้าใจแต่ก็จำใจต้องเข้าใจความหมายที่เซี่ยวเฟิงจะสื่อ
แต่คาดว่าอาวุธของเขาคงจะตกหล่นไปแล้ว ตอนนี้เขาเหลือแต่มือเปล่า จะมาสร้างบ้านได้อย่างไร?
เขามองเซี่ยวเฟิงด้วยความสงสัย ได้แต่แบมือออก เพื่อจะสื่อว่าเขาไม่มีเครื่องไม้เครื่องมืออะไรเลย
เขาพึ่งจะแสดงท่านั้นออกไป จู่ ๆ เซี่ยวเฟิงก็ไปหามีดมาจากไหนไม่รู้ “เคร้ง!” เสียงหล่นดังอยู่ตรงหน้าเสวียนจิ้ง เซี่ยวเฟิงมีท่าทีที่มีชีวิตชีวาเปล่งปลั่งแล้วขยับมามองเสวียนจิ้ง ใบหน้าจะสื่อความหมายว่า “ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ รีบไปทำงาน!”
อยู่ต่อหน้าเซี่ยวเฟิงแล้วจะมาขี้เกียจงั้นหรือ ไม่มีทาง!
เสวียนจิ้งเหลือบมองมีดที่ตกอยู่บนพื้นอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็หยิบมีดขึ้นมาอย่างช้า ๆ เดินไปที่ต้นไม้อย่างช้า ๆ และตัดต้นไม้อย่างแรง
ยังไงซะตอนนี้ฟ้าก็ยังสว่างอยู่ เสวียนจิ้งจะทำงานช้าแค่ไหน เซี่ยวเฟิงก็คอยติดตามเขา
มันสามารถอดทนได้ แต่กิเลนนั้นไม่ใช่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...