สรุปเนื้อหา บทที่ 1923 ผิดที่มีพรสวรรค์ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1923 ผิดที่มีพรสวรรค์ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
คนบริสุทธิ์แต่กลับโดนป้ายสีเพราะมีพรสวรรค์ เรื่องนี้จะให้คนรู้มากไม่ได้ เรื่องนี้เม่ยซีเข้าใจดี
ดังนั้นนางก็ไม่ถือสาอะไร หากเซียวเฉวียนและภรรยาจะซ่อนมันจากนาง
ตอนนี้เจ้าหญิงสามารถบอกความจริงได้ และจะเห็นได้ว่าเจ้าหญิงเองก็มองเม่ยซีเป็นเหมือนพี่น้อง ซึ่งทำให้เม่ยซีทราบซึ้งใจมาก
นางมีความสุขอยู่ในพระราชวังค์ เพลินเพลินกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งไม่รู้จบ แถมยังเป็นที่รักของราชา หากแต่นั่นเป็นเพียงสิ่งที่เม่ยซีตั้งใจแสดงให้เห็นเท่านั้น
ในความเป็นจริง น้ำในวังค์ลึกเพียงใด ที่ผ่านมานางจะเจ็บปวดมากเพียงไหน มีเพียงคนที่เคยผ่านมาเท่านั้นถึงจะรู้
เหมือนสุภาษิตที่ว่า เดินตามราชาเหมือนเดินตามเสือ
ถึงแม้นางจะเป็นคนโปรดของราชา แต่ในระหว่างที่อยู่เคียงข้างราชา นางเองก็ต้องระแวดระวังตัว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางมีในวันนี้ก็มาจากราชา นางก็เกรงว่าหากนางทำอะไรผิดไปหรือไปทำให้หลงเหยียนไม่พอใจเข้า ทุกอย่างที่นางมีจะถูกยึดคืน
เพราะงั้น การมีชีวิตสุขสบายในวังค์ แลกมากับความปวดร้าวทุกย่างก้าว
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ จะเอาอะไรมายินดีที่จะตกอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้?
นางต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความจำนนและจำยอม
สิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจได้คงมีเพียงจวนเซียว
หรือจะพูดได้ว่าจวนเซียวเป็นเหมือนผู้สนับสนุนหลักของนาง
อะไรที่ไม่ดีสำหรับจวนเซียว นางก็จะไม่ทำ
กับเรื่องที่ไม่อำนวยต่อจวนเซียว นางยิ่งไม่เต็มใจใหญ่!
หลังจากที่เม่ยซีพูดจบ เจ้าหญิงก็ตอบกลับไปว่า “ขอบพระทัยพระนาง”
เมื่อก่อนเม่ยซีเคยคิดว่าเจ้าหญิงเป็นคนที่หลักแหลม แต่ตอนนี้นางยิ่งรู้สึกว่าเจ้าหญิงดูบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยาก
ให้ผู้ที่มีพระคุณเป็นล้นพ้นขนาดนั้นกล่าวขอบคุณ นางรู้สึกเสียหน้าจริงๆ จึงรีบตอบกลับไปว่า“เจ้าหญิง โปรดอย่ากล่าวเช่นนั้น มันน่าอายนักสำหรับเม่ยซี”
ในใจของเม่ยซี คนที่คู่ควรกับเซียวเฉวียนก็คงจะมีแต่เจ้าหญิงผู้ที่ทั้งอ่อนโอน รูปงาม หลักแหลม
อาจื่อคนนั้น หากเทียบกับเจ้าหญิงแล้วก็ยังไม่ได้แม้แต่เพียงปลายรองเท้า
ผู้หญิงแบบนั้นโง่เง่าสิ้นดี
ถึงได้ทิ้งคู่ชีวิตที่ดีอย่างเซียวเฉวียนไป ไม่รักษาวันคืนดีๆที่เคยมีร่วมกัน แถมยังหาแต่ปัญหามาให้อีก!
แต่ก็ถือว่าโชคดีที่การกระทำของหล่อนผลักให้เซียวเฉวียนได้มาเจอกับคู่ครองที่ดีอย่างเจ้าหญิงต้าถง
เรื่องการอภิเสกสมรส สำหรับเซียวเฉวียนแล้วก็คงเหมือนเปลี่ยนเรื่องร้ายกลายเป็นดี
หลังจากที่ทั้งคู่อธิบายจบ เซียวหมิงชิวก็เหงื่อไหลไคลย้อยเดินเข้ามา
“พระนาง!”
เห็นเม่ยซีอยู่ที่นี่ด้วย เซียวหมิงชิวก็ทักทายด้วยมารยาท “คาราวะพระนาง!”
การทักทายที่ไม่เหมือนใครเช่นนี้ ก็พอจะดูออกว่าเรียนมาจากเซียวเฉวียน
อันที่จริงเซียวเฉวียนก็ไม่เคยได้สอนอะไรจริงจัง เป็นเซียวหมิงชิวเองที่แอบสังเกตุและเรียนเอง
และเม่ยซีเองที่เคยอาศัยในจวนเซียว ก็คุ้นเคยดีกับท่าทางที่ดูโดดเด่นนี้ นางยิ้มอย่างอ่อนโอนตอบกลับไป “เซียวหมิงชิว”
เมื่อได้ยินดังนั้น หมิงชิวก็ส่งยิ้มที่ไร้เดียงสาให้กับเม่ยซี
ตั้งแต่วินาทีที่หมิงชิวเดินเข้ามา ก็สังเกตุเห็นความประหลาดใจและตกตะลึงบางอย่างที่ปรากฎบนหน้าของเม่ยซี
เมื่อหมิงชิวอ่านใจของเม่ยซีดูถึงได้รู้ว่านางร่วงรู้ความลับของเธอแล้ว เธอจึงพูดออกไปว่า “เนื่องจากฝ่าบาทรู้ความลับของกระหม่อมแล้ว หวังว่าฝ่าบาทจะช่วยกระหม่อมเก็บงำมันเพคะ”
นี่คงไม่ได้ตั้งใจจะแสดงความสามารถหรอกสินะ?
ใครบอกว่าคนสุภาพไม่แปลก สำหรับเม่ยซีแล้วการที่มีคนมาพูดเช่นนี้กับเธอถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก
แต่อย่างไรเสียเม่ยซีก็ไม่ได้พูดแค่ครั้งแรก เจ้าหญิงพวกนี้ทำตามใจตนเอง เม่ยซีเองก็คงยอมแพ้ที่จะเอ่ยแล้วเช่นกัน
หลังจากที่ทั้งสองทักทายกันเสร็จ เสวี่ยเยี่ยนก็หันกลับไปหาเจ้าหญิงและพูดว่า “ท่านหญิง ข้าพาหมิงชิวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะเพคะ”
เด็กเล่นจนเหงื่อซ่ก เสื้อผ้าเปียกปอนไปด้วยเหงื่อ คงจะไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว จะป่วยได้ง่าย
ซินเจียงถูกโลกตะวันตกยึดครองไปแล้ว จึงไม่มีเจ้าหญิงแห่งซินเจียงอีกต่อไป
และการที่เสวี่ยเยี่ยนถูกนำเข้าสู่ราชวงศ์ต้าเว่ยโดยเจ้าหญิงแห่งซินเจียง หากเรียกว่าเจ้าหญิงนั่นก็หมายถึงเจ้าหญิงแห่งซินเจียง มิใช่เจ้าหญิงแห่งต้าถงที่ใครเรียกขานและไม่ใช่ในฐานะน้องสาวบุญธรรมของราชาต้าเว่ย
เพราะฉนั้นเจ้าหญิงจึงขอให้เธอเรียกว่าท่านหญิง
หมายถึงโลกนี้จะไม่มีเจ้าหญิงแห่งซินเจียงอีกต่อไป
และการที่เม่ยซีและเซียวเฉวียนเรียกนางว่าเจ้าหญิง ทำให้ต้าถงเข้าใจว่าคือเจ้าหญิงในฐานะน้องสาวบุญธรรมแห่งต้าเว่ย นางจึงไม่ขอให้พวกเขาเปลี่ยนคำเรียก
หลังจากนั้น เจ้าหญิงก็เอ่ยออกไปด้วยความอ่อนโยนว่า “หมิงชิว เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับป้าเสวี่ยเยี่ยนเถอะ”
หมิงชิวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะออกจากอ้อมกอดของเจ้าหญิงและลงไปกับเสวี่ยเยี่ยน
เมื่อเห็นเงาของทั้งสองลับไปแล้ว เม่ยซีจึงพูดออกมาว่า “เจ้าหญิง เม่ยซีมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก เจ้าเคยทราบเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่?”
เซียวเฉวียนมีลูกสาวทูนหัวที่เป็นดั่งดาบวิญญาณ ช่างน่าอิจฉาเสียจริง
ลูกสาวและเขาเองแข็งแกร่งยิ่งกว่าดาบวิญญาณเสียอีก หากราชารู้เข้าจะอิจฉาเขาถึงเพียงใด
องค์หญิงยิ้มและพูดว่า “ฝ่าบาทมิทราบมาก่อน”
นอกจากนางและเซียวเฉวียนแล้วก็คงมีเพียงเสี่ยวเซียนชิว เจี้ยนจง เสวี่ยเยี่ยนและเม่ยซีเท่านั้นที่รู้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...