อย่างไรก็ตาม นักปราชญ์เป็นเจ้าสำนักหมิงเซียน ตำแหน่งของเขาย่อมสูงส่ง
เขาลงไปทำภารกิจที่ก้นเหว ตามคำสั่งของย่าเหยียน
กล่าวคือ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นที่ก้นเหว นักปราชญ์ย่อมรู้เป็นคนแรก และสามารถบอกย่าเหยียนได้
ถ้าอาเล่อลงไป มันก็เหมือนกับการแย่งชิงความดีความชอบจากนักปราชญ์
หลังจากพิจารณาแล้ว อาเล่อจึงตัดสินใจไม่ลงเหว และติดต่อย่าเหยียนแทน
เขาสามารถใช้วิชาส่งเสียงไกล ติดต่อกับย่าเหยียนได้
“ผู้นำเหยียน”
ย่าเหยียนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมในเมืองหลวง กำลังคิดหาวิธีแอบล้วงข้อมูลจากห้องสมุดชิงหยวน
ขณะกำลังคิดเพลิน ๆ เธอก็ได้ยินเสียงวิชาส่งเสียงทางไกลของอาเล่อ
ความคิดของเธอถูกขัดจังหวะ น้ำเสียงของย่าเหยียนจึงไม่ค่อยดีนัก “มีอะไร?”
แค่ให้ตามนกพิราบ?
ตอนนี้ติดต่อมา คงไม่ใช่ว่าทำเรื่องง่าย ๆ นี้ไม่ได้?
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าของย่าเหยียนก็ตึงขึ้น แต่เธอไม่ได้อยู่ต่อหน้าอาเล่อ เขาจึงมองไม่เห็น
แต่เขาได้ยินความไม่พอใจ ในน้ำเสียงของเธอ
อาเล่อรู้สึกใจคอไม่ดี เขายังไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ย่าเหยียนก็พูดจาไม่ดีใส่แล้ว ถ้าเขาบอกเธอว่าเขาทำนกพิราบหลุดมือ ย่าเหยียนคงโกรธแน่
โดยปกติแล้ว ย่าเหยียนเป็นคนจริงจัง เมื่อเธอโกรธขึ้นมา บรรยากาศรอบข้างจะเย็นยะเยือกจนร่างกายสั่นเทา
โชคดีที่อาเล่อไม่ได้ไร้ประโยชน์
เขาพูดว่า “ท่านผู้นำเหยียน ขณะที่ลูกน้องกำลังติดตามนกพิราบ พบร่องรอยของกิเลน”
กล่าวคือ เขาทำนกพิราบหลุดมือ เพราะไปตามหากิเลน
พูดแบบนี้กับย่าเหยียน น่าจะทำให้เธอโกรธน้อยลง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ น้ำเสียงของยายแซ่ยานก็ดีขึ้นเล็กน้อย “แล้วไงต่อ?”
อาเล่อตอบว่า “ใกล้ ๆ หน้าผาแห่งหนึ่ง ร่องรอยของมันก็หายไป”
“ไม่ทราบว่าที่นี่ใช่หน้าผาที่ท่านเคยพูดถึงหรือไม่”
จริง ๆ แล้ว อาเล่อมั่นใจว่านี่คือหน้าผาที่ย่าเหยียนเคยค้นหา แต่เธอค้นหาเซียวเฉวียนและสัตว์ร้ายสองตัวไม่พบ แต่เขาอาเล่อกลับพบมัน ในฐานะลูกน้อง ถ้าเขาบอกย่าเหยียนตรง ๆ ว่าที่นี่คือหน้าผาที่เธอเคยค้นหา คงจะดูถูกเธอดังนั้น อาเล่อจึงคิดว่าพูดจาอ้อมๆ ดีกว่า
ดังนั้น อาเล่อจึงคิดว่าพูดอ้อมๆ น่าจะดีกว่า
อย่างน้อยย่าเหยียนฟังแล้วก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของย่าเหยียนก็เปล่งประกายขึ้น “ใต้หน้าผามีต้นไม้ปกคลุมอยู่มากหรือไม่?”
อาเล่อตอบอย่างซื่อสัตย์ “ใช่”
ดีแล้ว
ย่าเหยียนมั่นใจถึง 99% ว่าตอนนี้อาเล่ออยู่ตรงหน้าผาที่เธอเคยไป
ย่าเหยียนถาม “เจ้าแน่ใจหรือว่าเห็นกิเลนหายไปแถวนั้น? “
และอาเล่อก็พบร่องรอยของกิเลนระหว่างทางไปทะเลทรายเพื่อตรวจสอบกองทัพ
จากข้อมูลนี้ เป็นไปได้สูงที่เซียวเฉวียนจะอยู่ในบริเวณนั้น
ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง
พูดถึงเรื่องนี้ จวนเซียวก็เป็นฐานที่มั่นหลักของเซียวเฉวียน ถ้าเขากลับมาเมืองหลวง จวนเซียวจะต้องเป็นสถานที่แรกที่เขาเลือกพักฟื้น
แม้ว่าเขาจะเลือกสถานที่อื่นเพื่อรักษาบาดแผลเพื่อหลบเลี่ยงย่าเหยียนแต่คนที่จวนเซียวก็คงจะรู้ว่าเซียวเฉวียนกลับมาเมืองหลวงแล้ว
แต่เฉวียนซานไม่รู้เรื่องนี้ แสดงว่าเซียวเฉวียนไม่ได้กลับมาเมืองหลวง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...