ณ ตีนผาที่เพิ่งเงียบสงบได้สองวัน เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอัปมงคลเกิดขึ้นกับพวกเขา ชาวบ้านที่นี่ก็ค่อยๆ สบายใจมากขึ้น
แต่เมื่อเพิ่งสบายใจลง ก็มีคนเห็นย่าเหยียนปรากฏตัวอีกครั้ง
สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ ครั้งนี้นางตรงเข้าไปในบ้านผู้เฒ่าจัง
ผู้คนที่พบเห็น ในใจทั้งรู้สึกกลัวและเริ่มพากันยืนนินทาอยู่ที่หน้าประตูบ้านผู้เฒ่าจัง แม้ว่าประตูบ้านผู้เฒ่าจังจะปิดไว้อย่างแน่นหนา แต่พวกเรายังคงเขย่งปลายเท้าและสอดส่องเข้าไปด้านใน
พวกเขามองแล้วมองอีก ฟังแล้วฟังอีก แต่กลับไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวใดๆ
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชาวบ้านจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้รอยแตกที่ประตู และพยายามดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน
ก่อนหน้านี้มีชายผมขาวและมีเคราเข้าไปในบ้านผู้เฒ่าจัง ภายหลังก็มีคนผมขาวเต็มหัวเข้าไปอีกคน
สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านยิ่งแปลกใจก็คือ ย่าเหยียนมาถึงกลับไม่ได้เดินเข้าทางประตูใหญ่ แต่บินปิ้วเข้าไปแทน
นี่นับว่าเป็นการบุกรุกเข้าที่พักอาศัยของผู้อื่น เป็นการกระทำที่ไร้มารยาทที่สุด
เมื่อเห็นการกระทำของย่าเหยียน ชาวบ้านจึงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แต่ด้วยความสามารถอันสูงส่งของบุคคลผู้นี้ ชาวบ้านจึงไม่กล้าแสดงความไม่พอใจออกมาแม้แต่น้อย
ด้านนอกประตู ชาวบ้านต่างก็กำลังรอเผือกอยู่
ด้านในประตู การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของย่าเหยียน ทำให้นักปราชญ์ตะลึงเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดเลยว่าย่าเหยียนจะมาปรากฏตัวที่นี่เร็วถึงเพียงนี้
ประโยคแรกที่เขาอยากถามย่าเหยียนก็คือ “ผู้นำเหยียนตามหาเซียวเฉวียนเจอแล้วหรือไม่?”
ย่าเหยียนพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ยังไม่เจอ”
ตามคำบอกเล่าของอาเล่อ เขาพบเงาของกิเลนในบริเวณใกล้เคียงที่นี่ และนักปราชญ์อยู่ที่ตีนผาได้สองวันแล้ว เขาพบเห็นอะไรบ้าง?
นักปราชญ์พูดตามความจริงว่า “จะว่ามีก็มี แต่ยังไม่มีโอกาสไปพิสูจน์”
ในตระกูลจัง หากไม่ใช่พ่อจัง ก็ต้องเป็นจังผิงที่วิ่งเข้ามาไถ่ถามทุกข์สุขของนักปราชญ์อยู่ตลอดเวลา ทำให้นักปราชญ์ไม่โอกาสได้ออกไปด้านนนอกเลย
เดิมทีเขาคิดจะใช้ช่วงเวลากลางดึกที่เงียบสงัด เพื่อออกไปสืบเสาะละแวกใกล้เคียงอย่างเงียบๆ แต่เขายังไม่ทันรอถึงกลางคืน ย่าเหยียนก็มาที่นี่แล้ว
พูดจบ นักปราชญ์ก็เหลือบมองที่ประตูด้วยความระแวดระวัง ต้องระวังสองพ่อลูกตระกูลจังที่ชอบเข้ามาโดยฉับพลัน และจะพบกับร่องรอยของย่าเหยียนเอาได้
ย่าเหยียนมองท่าทางกังวลของเขาออก จึงพูดเสียงเข้มว่า “ไม่ต้องระวังตัวถึงขนาดนั้นหรอก พวกเขาจะรู้ก็รู้ไปเถอะ”
ถึงแม้ว่าคนในตระกูลจังไม่พบกับย่าเหยียน แต่ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องรู้ว่านางเคยมา เพราะตอนที่นางมาถึงบ้านตระกูลจัง นางเล่นใหญ่ไปหน่อย มีชาวบ้านไม่น้อยที่เห็นนาง
ข่าวลือแพร่กระจายเร็วกว่าที่เจ้าคิด คิดจะปิดบังคนตระกูลจัง ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้เลย
เมื่อได้ยินคำพูดของย่าเหยียน นักปราชญ์รู้สึกหมดปัญญาอย่างที่สุด
สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนดี นักปราชญ์รู้สึกว่าต้องระวังให้ดีในทุกเรื่อง
ย่าเหยียนกลับตรงกันข้าม คงกลัวว่าผู้อื่นจะไม่รู้ว่านางและนักปราชญ์เป็นคนสนิทสนมกัน และยังมาที่ตระกูลจังด้วยความเอิกเกริก
หากมีเรื่องด่วนอะไร ส่งเสียงพันลี้มาก็ได้ไม่ใช่หรือ?
หรืออาจจะเข้ามาแบบเงียบๆ ก็ได้เช่นกัน
นักปราชญ์ไม่เข้าใจว่าย่าเหยียนคิดอย่างไรจริงๆ
ย่าเหยียนเมินเฉยต่อสายตาที่มีความสงสัยของนักปราชญ์ นางพูดว่า “อาเล่อเคยเจอกิเลนผ่านมาแถวนี้ เซียวเฉวียนน่าจะอยู่บริเวณนี้”
ตอนที่นางลงมาที่ตีนผาครั้งแรก ไม่สามารถหาตัวเซียวเฉวียนเจอ เพราะนางประมาท และถูกเซียวเฉวียนหลอกเอาได้
เมื่อนึกย้อนในตอนนี้ ย่าเหยียนคิดว่าตอนแรกเซียวเฉวียนก็ต้องคาดเดาได้แน่นอน ว่านางจะหาที่นี่พบ ต้องการคิดหลบการไต่สวนของนาง จึงตั้งใจไม่ให้ชาวบ้านตีนผาเห็น
เพราะเซียวเฉวียนรู้ว่า หากหลบชาวบ้านพ้น ก็ยิ่งสามารถหลบย่าเหยียนพ้นเช่นกัน เขารู้ว่าย่าเหยียนต้องมาถามที่มาที่ไปของเซียวเฉวียนอย่างแน่นอน
ต้องบอกเลยว่า ความคิดของเซียวเฉวียนรอบคอบเป็นอย่างมาก ย่าเหยียนที่ใช้ชีวิตมาเนิ่นนานขนาดนี้ บางทีก็รู้สึกอับอายที่สู้คนอื่นไม่ได้เล็กน้อย
ตรงตามประโยคที่กล่าวไว้ว่า ทุกยุคสมัยจะมีคนเก่งเกิดขึ้นมา
การกลับมาที่ตีนผาในครั้งนี้ ย่าเหยียนไม่เพียงต้องการตามหาเซียวเฉวียนและฆ่าเขาเท่านั้น และยังต้องการยุติปัญหาการไปจากที่นี่ของชาวบ้านตีนผา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...