จังผิงมองไปที่นักปราชญ์และเขาก็พูดขึ้นด้วยความสงสัย “ท่านผู้เฒ่า ท่านกำลังมองหาใครอยู่งั้นหรือ?”
ถึงรีบเร่งถึงขนาดนี้
นักปราชญ์ก็พูดขึ้นว่า “ ศัตรู”
ส่วนเรื่องที่ว่าศัตรูจะเป็นใครนั้น สำหรับจังผิงที่อยู่อาศัยในดินแดนนี้อย่างโดดเดี่ยวมาเป็นเวลานาน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก
พูดไปเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
เมื่อเห็นนักปราชญ์ตอบคำถามอย่างเต็มใจ จังผิงก็ได้ถามต่อว่า “แล้วท่านกับเธอหล่ะเป็นใคร?”
ทั้งคู่มีผมหงอกเต็มหัว แต่ยังสามารถเข้า ๆ ออก ๆ ใต้หน้าผาที่สูงชันนี้ได้อย่างอิสระ แน่นอนว่าจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
จังผิงไม่เคยติดต่อกับโลกภายนอก เป็นเรื่องยากที่จะมีคนมาที่นี่ นอกจากจะกังวลว่าคนนอกจะมาทำอะไรไม่ดีกับเขาแล้ว เขาก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องเกี่ยวกับโลกภายนอกเป็นอย่างมาก
เขาอยากเรียนรู้โลกภายนอกจากนักปราชญ์อีกด้วย
แม้ว่าบรรพบุรุษของจังผิงก็ได้สอนมาตลอดว่าอย่าออกไปข้างนอกและอย่าติดต่อกับคนนอก
ต้องฟังคำสอนของผู้ใหญ่ แต่เขาคิดว่าไม่ฟังก็คงไม่เป็นอันตราย หากวันหนึ่งที่แห่งนี้จะไม่ตัดขาดกับโลกภายนอกอีกและชาวบ้านที่นี่จะไม่ขาดการติดต่อกับโลกภายนอก
จังผิงเริ่มคิดแบบนี้ตั้งแต่ย่าเหยียนและนักปราชญ์มาถึงที่นี่
แม้ว่าจังผิงจะเติบโตที่นี่ แต่เขาก็พอจะได้ยินคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านพูดถึงโลกภายนอกอยู่บ้าง
เมื่อเวลาผ่านไป จังผิงก็ได้จินตนาการถึงโลกภายนอก
แต่เป็นเพราะคำสอนจากบรรพบุรุษ เขาจึงไม่เคยออกจากที่นี่และสลัดความคิดนั้นออกไป
ตอนนี้ จังผิงรู้สึกว่าไม่ช้าก็เร็ว เขาจะตัดขาดชีวิตที่โดดเดี่ยวนี้
นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาหวังไว้ แต่เป็นกระแส ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการ ไม่งั้นวันนี้คงไม่มาถึงนี่
นักปราชญ์กล่าวขึ้น “ข้ากับนาง เป็นพี่น้องจากอาจารย์เดียวกัน”
“ฝ่ายเราถูกทําลายโดยศัตรูที่เธอตามหา”
“โชคดีที่ศัตรูรายนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและได้หลบหนีมาที่นี่”
นักปราชญ์พูดแบบนี้ แสดงว่าเขามั่นใจมากว่าเซียวเฉวียนยังอยู่ที่นี่ ราวกับว่ารอให้พวกเขาไปหา
ได้ฟังถึงตอนนี้ จังผิงจึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมา ความหมายของนักปราชญ์ก็คือ นอกจากเขาและย่าเหยียนแล้ว ยังมีคนอื่นที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่อีกหรือ?
มองจากมุมนี้ ศัตรูของพวกเขาคนนี้ต้องเก่งมากแน่ สามารถมาซ่อนตัวที่ด้านล่างหน้าผาได้โดยไม่มีใครในหมู่บ้านพบเห็น
บอกว่านักปราชญ์และย่าเหยียนเก่งกาจมาก อย่างน้อยจังผิงก็ยังเคยเห็นพวกเขา แต่ศัตรูที่นักปราชญ์พูดถึงนี้ ทั้งหมู่บ้านก็ยังไม่มีใครเคยเห็นเขา
ด้านล่างหน้าผาที่ห่างไปหลายสิบกิโลเมตร มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่มีคนอาศัยอยู่และที่อื่น ๆ ก็มักจะมีสัตว์ร้ายปรากฏตัวขึ้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชีวิตรอดในป่าได้
ยิ่งไปกว่านั้นนักปราชญ์เองก็ยังได้พูดว่า ศัตรูของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ถ้างั้นเขาจะมีชีวิตรอดอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?
และจากที่จังผิงพูด ถ้าชายคนนี้อยู่ที่ก้นหน้าผาจริง ๆ และยังอยู่รอด งั้นก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้น แต่ก็กลัวว่าเขาจะตกเข้าไปอยู่ในท้องของสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งแล้ว
นักปราชญ์ส่ายหัวแล้วพูดว่า “รอบตัวเขายังมีสัตว์ร้ายอีกสองตัวที่ดุร้ายมากกว่าสัตว์สงครามซะอีก”
หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ สัตว์ดุร้ายในป่าได้มาเจอกับสัตว์สงคราม ก็คงต้องตาย
ในโลกนี้ไม่ได้มีเพียงสัตว์สงครามเท่านั้น แต่ยังมีคนที่สามารถคุมสัตว์สงครามได้ด้วยงั้นหรือ?
จังผิงเคยได้ยินเรื่องแบบนี้จากปากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านจริง ๆ แต่ตอนนั้นทุกคนคิดว่ามันเป็นเพียงตำนาน ไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้อยู่จริง ๆ และยังมีสัตว์สงครามด้วยอีกสองตัว
ในใจของจังผิงเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อชายคนนี้
แต่ชายคนนี้เป็นศัตรูของนักปราชญ์ เพราะงั้นต่อหน้านักปราชญ์ จังผิงจึงไม่ได้แสดงอะไรออกมามากนัก เพื่อป้องกันตัวเองจากหายนะ
จนถึงตอนนี้จังผิงเองก็ยังไม่แน่ใจว่านักปราชญ์จะมาดีหรือมาร้าย
ในเมื่อพูดออกไปแล้ว เพื่อให้ชาวบ้านที่นี่ได้เตรียมพร้อม นักปราชญ์กล่าวว่า “พวกเจ้าดูแลคนเฒ่าคนแก่ให้ดี ข้าให้เงินพวกเจ้าก็ไม่ยอมรับไว้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...