เมื่อเดินเข้าไปในบ้าน ก็พบแต่ความว่างเปล่า มีเพียงกระดูกแห้ง ๆ ที่เปื้อนเลือดอยู่สองชิ้น ย่าเหยียนก็ไม่รู้ว่าเป็นของสัตว์หรือมนุษย์กันแน่
เธอไม่คิดว่าเซียวเฉวียนจะฆ่าเสวียนจิ้ง และก็ไม่ได้รู้สึกว่ากระดูกสองชิ้นนั้นจะเป็นของมนุษย์ด้วย
เธอจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจมากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม รอยเลือดที่พื้นกลับดึงดูดความสนใจของย่าเหยียนมากขึ้น
หากมันเป็นของสัตว์ป่า ก็แปลว่าเซี่ยวเฟิงและกิเลนต้องไปล่าสัตว์มาแน่
แต่โดยทั่วไปแล้ว เซียวเฉวียนจะไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรนองเลือดแบบนี้ในบ้าน
แม้ว่าเลือดจะแห้งแล้วก็ตาม แต่ย่าเหยียนก็ยังได้กลิ่นเลือดตีขึ้นจมูกอยู่ดี
เสี่ยวเฉวียนจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?
แต่ถ้าเป็นสัตว์ เซียวเฉวียนก็คงจะเลือกไปทำความสะอาดที่กลางแจ้งแน่
ดังนั้น ถ้าตัดสินจากสภาพห้องแล้ว ย่าเหยียนก็รู้สึกว่านี่คงไม่ใช่กระดูกสัตว์
แต่เธอมาที่นี่ก็มีจุดประสงค์เพื่อที่จะตามหาเซียวเฉวียน ไม่ว่าจะเป็นกระดูกอะไรเธอก็ไม่สนใจแล้ว
ย่าเหยียนแอบย่องเข้ามา แต่ปรากฏว่ามองไปทั่วก็ไม่พบวี่แววของเซียวเฉวียนเลย
ดังนั้นก็ดูเหมือนว่า เซียวเฉวียนน่าจะหนีไปแล้ว
เซียวเฉวียนมันเจ้าเล่ห์จริง ๆ หนีจากไปพวกเขาอีกแล้ว
เพื่อดูให้แน่ใจว่าเซียวเฉวียนจากไปเมื่อไหร่ ย่าเหยียนเดินไปที่ข้าง ๆ กระดูกนั่น สัมผัสเศษกระดูกที่เหลืออยู่
เธอพยายามตั้งใจสัมผัสมันอย่างจริงจัง กระดูกชิ้นนี้ยังดูอุ่น ๆ อยู่เลย
ก็เป็นไปได้ว่า เซียวเฉวียนพึ่งจะออกจากที่นี่ได้ไม่นาน
ถ้าไล่ตามตอนนี้ก็อาจจะยังทัน แค่ต้องรู้ก่อนว่าเซียวเฉวียนหนีไปที่ไหน
โลกนี้กว้างใหญ่ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเซียวเฉวียนจะหนีไปทางไหน ถ้ายังสุ่มมั่ว ๆ แบบนี้อีก สุดท้ายผลก็จะเป็นแบบคราวที่แล้วอีก
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งก่อนที่ย่าเหยียนเริ่มรู้สึกว่ามาถูกทางแล้ว แต่เซียวเฉวียนก็ยังรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
แต่คราวนี้เธอไม่รู้อะไรเลย เธอจะบุกไปได้อย่างไร
สุดท้ายก็ปล่อยให้เซียวเฉวียนหนีไปได้ง่าย ๆ น่าโมโหจริง ๆ !
เมื่อออกมาที่หน้าบ้าน ย่าเหยียนก็กวาดสายตามองไปทั่วและคิดทบทวนว่าเซียวเฉวียนจะสามารถหนีไปที่ไหนได้บ้าง
เมื่อออกจากตีนเขาแล้ว นอกจากถนนหนทางในหมู่บ้านแล้วก็เหลือแต่บินไป จากทางที่ย่าเหยียนจากมา
ริมหน้าผามีอาเล่อคอยเฝ้าอยู่ ถ้าเซียวเฉวียนหนีไปทางนั้น อาเล่อก็ต้องเห็นแล้ว
อาจจะเป็นไปได้ว่าตอนที่ย่าเหยียนลงมาจากหน้าผานั่น เซียวเฉวียนก็อาจจะเพิ่งขึ้นไป
คิดได้แค่นี้ ย่าเหยียนก็รีบบินขึ้นไปที่ขอบหน้าผา
เมื่อได้เห็นอาเล่อยังได้ยืนอยู่ที่เดิมและจ้องมองลงไปที่ด้านล่าง ย่าเหยียนก็ใจเย็นลง
ดังนั้นก็ดูเหมือนว่า อาเล่ออาจจะไม่เห็นเซียวเฉวียนขึ้นมา หรือไม่เซียวเฉวียนก็อาจจะไม่ได้ขึ้นมาเลย
ถ้าเป็นแบบแรกล่ะก็ ถ้าอยากจะค้นหาที่อยู่ของเซียวเฉวียน คราวนี้ก็เป็นการงมเข็มในมหาสมุทรจริง ๆ
ถ้าเป็นอย่างหลังล่ะก็ เซียวเฉวียนก็คงต้องยังอยู่ที่ด้านล่างของหน้าผา งั้นก็ยังมีหวัง
เมื่อเห็นย่าเหยียนขึ้นมาที่นี่อย่างรวดเร็วแบบนี้ อาเล่อก็ตั้งตารอ “เจ้าสำนักเหยียน สถานการ์เป็นอ่างไรบ้าง?”
ย่าเหยียนเหลือมองอาเล่อแล้วพูดว่า “เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ เจ้าพบความผิดปกติบ้างไหม?“
อาเล่อกล่าวขึ้น “ยกเว้นช่วงหนึ่งที่มีลมแรงขึ้นเล็กน้อย นอกจากนั้นทุกอย่างก็ปกติ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ย่าเหยียนก็มองอาเล่อด้วยความสงสัย “ตอนที่ลมแรง เจ้าเห็นอะไรบ้างไหม?”
ตอนนี้ย่าเหยียน เพื่อที่จะสืบหาที่อยู่ของเซียวเฉวียน ตอนนี้ก็มาถึงต้นหญ้า ต้นไม้ใหญ่มากมาย
ตราบใดที่มีลมและหญ้า เธอรู้สึกว่าอาจจะมีสัตว์สงครามและเซียวเฉวียนผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่าอาเล่อเคยเห็นกิเลนมาก่อนแล้ว หากกิเลนผ่านมาทางนี้อีก อาเล่อก็ต้องค้นพบอย่างแน่นอน
เขาเงยหน้าขึ้นมาและเห็นว่าเป็นย่าเหยียน ใจที่เต้นแรงก็สงบลง
ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ แค่เป็นคนในจวนเซียว นักปราชญ์ก็ไม่อยากเจอ
สุดท้ายแล้ว นักปราชญ์มีความสามารถจํากัดอย่างกำจัด
ย่าเหยียนพูดเบา ๆ ว่า “ เจ้ามาที่นี่ทำไม?”
ทําอะไรอีก?
เจ้าไม่ได้กำชับให้ข้าคอยดูแลสถานการณ์ในหมู่บ้านงั้นหรือ?
ข้าก็กำลังทำหน้าที่อยู่ไง
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่ดีมาก ได้เห็นเกือบทั้งหมู่บ้าน ตราบใดที่มีการเคลื่อนไหว นักปราชญ์ก็จะพบเห็นทันที
นักปราชญ์ใช้ความพยายามอย่างมากในการหาตําแหน่งที่ดีแบบนี้
สิ่งที่ย่าเหยียนถามนั้น ก็เหมือนเป็นการดูถูกเหยียดหยามนักปราชญ์ สีหน้าของเขากลับไม่มีอะไรปรากฏขึ้นเลย “ติดตามการเคลื่อนไหวในหมู่บ้าน”
เป็นเรื่องน่ายินดีที่นักปราชญ์ได้รับผิดชอบหน้าที่ของตน ย่าเหยียนรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก
ขณะที่พวกเขาได้คุยกันอยู่นั้น
อีกฝั่งหนึ่ง เซียวเฉวียนก็ได้งีบหลับไปแล้ว
เขามองไปที่ปากถ้ำด้วยตาปรือ ๆ เพื่อจะดูว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว
ในถ้ำนี้ก็ไม่ใช่เล็ก ๆ แม้แต่เซี่ยวเฟิงและกิเลนยังเข้ามาได้ แต่ปากถ้ำนั้นเล็กนิดเดียว สัตว์สงครามเข้ามาได้แค่ทีละตัวเท่านั้น รูนี้ก็ลึกไปหน่อย มองออกไปจากตรงนั้นก้เห็นแต่พวกพืชด้านนอก แต่ไม่เห็นท้องฟ้า
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากแสงนี้ เซียวเฉวียนก็รู้สึกว่ามันยังเช้าอยู่
ถือโอกาสในตอนนี้ที่ย่าเหยียนและคนอื่น ๆ ยังอยู่ที่ก้นผา การเดินทางสะดวก เซียวเฉวียนก็ได้สั่งว่า “เซี่ยวเฟิง ไปหาของกินมาซักหน่อย”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...