บทที่ 1938 จับพลัดจับผลู – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1938 จับพลัดจับผลู จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เมื่อเดินเข้าไปในบ้าน ก็พบแต่ความว่างเปล่า มีเพียงกระดูกแห้ง ๆ ที่เปื้อนเลือดอยู่สองชิ้น ย่าเหยียนก็ไม่รู้ว่าเป็นของสัตว์หรือมนุษย์กันแน่
เธอไม่คิดว่าเซียวเฉวียนจะฆ่าเสวียนจิ้ง และก็ไม่ได้รู้สึกว่ากระดูกสองชิ้นนั้นจะเป็นของมนุษย์ด้วย
เธอจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจมากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม รอยเลือดที่พื้นกลับดึงดูดความสนใจของย่าเหยียนมากขึ้น
หากมันเป็นของสัตว์ป่า ก็แปลว่าเซี่ยวเฟิงและกิเลนต้องไปล่าสัตว์มาแน่
แต่โดยทั่วไปแล้ว เซียวเฉวียนจะไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรนองเลือดแบบนี้ในบ้าน
แม้ว่าเลือดจะแห้งแล้วก็ตาม แต่ย่าเหยียนก็ยังได้กลิ่นเลือดตีขึ้นจมูกอยู่ดี
เสี่ยวเฉวียนจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?
แต่ถ้าเป็นสัตว์ เซียวเฉวียนก็คงจะเลือกไปทำความสะอาดที่กลางแจ้งแน่
ดังนั้น ถ้าตัดสินจากสภาพห้องแล้ว ย่าเหยียนก็รู้สึกว่านี่คงไม่ใช่กระดูกสัตว์
แต่เธอมาที่นี่ก็มีจุดประสงค์เพื่อที่จะตามหาเซียวเฉวียน ไม่ว่าจะเป็นกระดูกอะไรเธอก็ไม่สนใจแล้ว
ย่าเหยียนแอบย่องเข้ามา แต่ปรากฏว่ามองไปทั่วก็ไม่พบวี่แววของเซียวเฉวียนเลย
ดังนั้นก็ดูเหมือนว่า เซียวเฉวียนน่าจะหนีไปแล้ว
เซียวเฉวียนมันเจ้าเล่ห์จริง ๆ หนีจากไปพวกเขาอีกแล้ว
เพื่อดูให้แน่ใจว่าเซียวเฉวียนจากไปเมื่อไหร่ ย่าเหยียนเดินไปที่ข้าง ๆ กระดูกนั่น สัมผัสเศษกระดูกที่เหลืออยู่
เธอพยายามตั้งใจสัมผัสมันอย่างจริงจัง กระดูกชิ้นนี้ยังดูอุ่น ๆ อยู่เลย
ก็เป็นไปได้ว่า เซียวเฉวียนพึ่งจะออกจากที่นี่ได้ไม่นาน
ถ้าไล่ตามตอนนี้ก็อาจจะยังทัน แค่ต้องรู้ก่อนว่าเซียวเฉวียนหนีไปที่ไหน
โลกนี้กว้างใหญ่ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเซียวเฉวียนจะหนีไปทางไหน ถ้ายังสุ่มมั่ว ๆ แบบนี้อีก สุดท้ายผลก็จะเป็นแบบคราวที่แล้วอีก
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งก่อนที่ย่าเหยียนเริ่มรู้สึกว่ามาถูกทางแล้ว แต่เซียวเฉวียนก็ยังรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
แต่คราวนี้เธอไม่รู้อะไรเลย เธอจะบุกไปได้อย่างไร
สุดท้ายก็ปล่อยให้เซียวเฉวียนหนีไปได้ง่าย ๆ น่าโมโหจริง ๆ !
เมื่อออกมาที่หน้าบ้าน ย่าเหยียนก็กวาดสายตามองไปทั่วและคิดทบทวนว่าเซียวเฉวียนจะสามารถหนีไปที่ไหนได้บ้าง
เมื่อออกจากตีนเขาแล้ว นอกจากถนนหนทางในหมู่บ้านแล้วก็เหลือแต่บินไป จากทางที่ย่าเหยียนจากมา
ริมหน้าผามีอาเล่อคอยเฝ้าอยู่ ถ้าเซียวเฉวียนหนีไปทางนั้น อาเล่อก็ต้องเห็นแล้ว
อาจจะเป็นไปได้ว่าตอนที่ย่าเหยียนลงมาจากหน้าผานั่น เซียวเฉวียนก็อาจจะเพิ่งขึ้นไป
คิดได้แค่นี้ ย่าเหยียนก็รีบบินขึ้นไปที่ขอบหน้าผา
เมื่อได้เห็นอาเล่อยังได้ยืนอยู่ที่เดิมและจ้องมองลงไปที่ด้านล่าง ย่าเหยียนก็ใจเย็นลง
ดังนั้นก็ดูเหมือนว่า อาเล่ออาจจะไม่เห็นเซียวเฉวียนขึ้นมา หรือไม่เซียวเฉวียนก็อาจจะไม่ได้ขึ้นมาเลย
ถ้าเป็นแบบแรกล่ะก็ ถ้าอยากจะค้นหาที่อยู่ของเซียวเฉวียน คราวนี้ก็เป็นการงมเข็มในมหาสมุทรจริง ๆ
ถ้าเป็นอย่างหลังล่ะก็ เซียวเฉวียนก็คงต้องยังอยู่ที่ด้านล่างของหน้าผา งั้นก็ยังมีหวัง
เมื่อเห็นย่าเหยียนขึ้นมาที่นี่อย่างรวดเร็วแบบนี้ อาเล่อก็ตั้งตารอ “เจ้าสำนักเหยียน สถานการ์เป็นอ่างไรบ้าง?”
ย่าเหยียนเหลือมองอาเล่อแล้วพูดว่า “เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ เจ้าพบความผิดปกติบ้างไหม?“
อาเล่อกล่าวขึ้น “ยกเว้นช่วงหนึ่งที่มีลมแรงขึ้นเล็กน้อย นอกจากนั้นทุกอย่างก็ปกติ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ย่าเหยียนก็มองอาเล่อด้วยความสงสัย “ตอนที่ลมแรง เจ้าเห็นอะไรบ้างไหม?”
ตอนนี้ย่าเหยียน เพื่อที่จะสืบหาที่อยู่ของเซียวเฉวียน ตอนนี้ก็มาถึงต้นหญ้า ต้นไม้ใหญ่มากมาย
ตราบใดที่มีลมและหญ้า เธอรู้สึกว่าอาจจะมีสัตว์สงครามและเซียวเฉวียนผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่าอาเล่อเคยเห็นกิเลนมาก่อนแล้ว หากกิเลนผ่านมาทางนี้อีก อาเล่อก็ต้องค้นพบอย่างแน่นอน
เขาเงยหน้าขึ้นมาและเห็นว่าเป็นย่าเหยียน ใจที่เต้นแรงก็สงบลง
มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาเงียบ ๆ แบบนี้ เขาก็กลัวว่าจะเป็นเซียวเฉวียนหรือคนอื่น ๆ
ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ แค่เป็นคนในจวนเซียว นักปราชญ์ก็ไม่อยากเจอ
สุดท้ายแล้ว นักปราชญ์มีความสามารถจํากัดอย่างกำจัด
ย่าเหยียนพูดเบา ๆ ว่า “ เจ้ามาที่นี่ทำไม?”
ทําอะไรอีก?
เจ้าไม่ได้กำชับให้ข้าคอยดูแลสถานการณ์ในหมู่บ้านงั้นหรือ?
ข้าก็กำลังทำหน้าที่อยู่ไง
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่ดีมาก ได้เห็นเกือบทั้งหมู่บ้าน ตราบใดที่มีการเคลื่อนไหว นักปราชญ์ก็จะพบเห็นทันที
นักปราชญ์ใช้ความพยายามอย่างมากในการหาตําแหน่งที่ดีแบบนี้
สิ่งที่ย่าเหยียนถามนั้น ก็เหมือนเป็นการดูถูกเหยียดหยามนักปราชญ์ สีหน้าของเขากลับไม่มีอะไรปรากฏขึ้นเลย “ติดตามการเคลื่อนไหวในหมู่บ้าน”
เป็นเรื่องน่ายินดีที่นักปราชญ์ได้รับผิดชอบหน้าที่ของตน ย่าเหยียนรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก
ขณะที่พวกเขาได้คุยกันอยู่นั้น
อีกฝั่งหนึ่ง เซียวเฉวียนก็ได้งีบหลับไปแล้ว
เขามองไปที่ปากถ้ำด้วยตาปรือ ๆ เพื่อจะดูว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว
ในถ้ำนี้ก็ไม่ใช่เล็ก ๆ แม้แต่เซี่ยวเฟิงและกิเลนยังเข้ามาได้ แต่ปากถ้ำนั้นเล็กนิดเดียว สัตว์สงครามเข้ามาได้แค่ทีละตัวเท่านั้น รูนี้ก็ลึกไปหน่อย มองออกไปจากตรงนั้นก้เห็นแต่พวกพืชด้านนอก แต่ไม่เห็นท้องฟ้า
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากแสงนี้ เซียวเฉวียนก็รู้สึกว่ามันยังเช้าอยู่
ถือโอกาสในตอนนี้ที่ย่าเหยียนและคนอื่น ๆ ยังอยู่ที่ก้นผา การเดินทางสะดวก เซียวเฉวียนก็ได้สั่งว่า “เซี่ยวเฟิง ไปหาของกินมาซักหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...