ก่อนหน้านี้เซียวเฉวียนก็ส่งกิเลนออกไปเป็นธุระให้
ตอนนี้กลับส่งเซี่ยวเฟิงออกไป สัตว์สงครามทั้งสองตัวต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ กับการจัดแจงแปลกๆของเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนที่อยู่ในถ้ำก็ไม่ได้สังเหตุเห็นสายตาประหลาดใจของทั้งสอง เพียงแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับของเซี่ยวเฟิง เขาจึงย้ำคำสั่งอีกรอบ
และก็ใช่ สัตว์ทั้งสองคิดว่าตนได้ยินผิด หรือไม่เซียวเฉวียนก็น่าจะเรียกผิด
ในตอนนี้เอง พวกมันก็ได้ยินชัดแจ้งแล้ว
เซี่ยวเฟิงส่งเสียงคำรามหนึ่งทีเพื่อเป็นการตอบรับเซียวเฉวียน
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับ เซียวเฉวียนก็พูดขึ้นว่า “ได้เวลาออกหาอาหารกันแล้ว”
ไม่ต้องออกล่าสัตว์มาทำปิ้งย่าง
แบบนั้นจะเรียกความสนใจของมนุษย์ได้
โอ้ ยังมีคำขออีกหนึ่งอย่าง
แต่สำหรับเซี่ยวเฟิงแล้วก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร
แค่เพียงขอให้ไปวนในเมืองรอบๆ จากความเร็วของมันแล้วก็สามารถได้อาหารมากินหลายวันแบบที่ไม่มีคนสงสัย
อย่างไรเสีย เซียวเฉวียนก็ล้มเลิกความคิดที่จะกินอาหารของกศัตริย์ไปแล้ว เขาโยนเหรียญมาสองเหรียญแล้วพูดว่า “เมื่อเอาของผู้อื่นมาแล้ว เจ้าจงให้สิ่งนี้ตอบกลับไป”
ความหมายก็คือตั้งใจจะให้เซี่ยวเฟิงไปซื้อ ไม่ใช่ไปลักขโมยมา
เซี่ยวเฟิงคว้าเงินนั้น ก่อนจะคำรามและจากมา
เหตุผลที่เซียวเฉวียนใช้ให้เซี่ยวเฟิงออกไปซื้ออาหารก็เพราะเซี่ยวเฟิงอยู่คู่กับเซียวเฉวียนมานานกว่ากิเลน อีกอย่างเซี่ยวเฟิงก็พอจะเห็นโลกมาบ้างจากการอยู่กับปีศาจกวีและแม่ทัพเซียว
และตอนที่กิเลนตกมาอยู่ในมือของเซียวเฉวียน มันก็อยู่ในครอบครองของผู้ตรวจการจ้าวมาโดยตลอด ความลับนี้มีเพียงไม่กี่คนบนโลกเท่านั้นที่รู้ ด้วยเหตุนี้เองกิเลนจึงซ่อนตัวเสมอมา
หรือจะพูดได้ว่าในสายตาของเซียวเฉวียน กิเลนยังรู้จักโลกน้อยกว่าเซี่ยวเฟิง
ก็เท่ากับว่าหากต้องให้ใครไปติดต่อกับคนธรรมดา ส่งเซี่ยวเฟิงไปจะเป็นการดีกว่า
เซี่ยวเฟิงอยู่กับเซียวเฉวียนมานาน อีกทั้งยังเคยถูกฝึกจากสวีซูผิง เพราะงั้นจะใช้งานง่ายกว่า
กิเลนนั้นอารมณ์ร้อนกว่าเซี่ยวเฟิง เซียวเฉวียนเกรงว่าหากเบาะแว้งกัน มันจะทำร้ายผู้อื่น
เซียวเฉวียนทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการดีแก่กิเลนและพสกนิกรทุกคน
แต่ในใจของกิเลนกลับคิดว่าเซียวเฉวียนถูกเปิดเผยที่อยู่จากการที่ถูกอาเล่อติดตามตัว ซึ่งเป็นเหตุจากมัน และมันกำลังจะถูกเซียวเฉวียนทอดทิ้ง
ดังนั้นกิเลนจึงรู้สึกเหมือนเป็นพันธนาการผูกรั้งเซียวเฉวียนไว้ มันก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจ ในตอนที่เซียวเฉวียนไม่ทันได้เห็น มันก็ทำหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์
ในฟากของเซี่ยวเฟิงที่อกรงเล็บกำลังคว้าเหรียญของเซียวเฉวียนอยู่ ข้ามน้ำข้ามเขา มายังตลาดที่คึกคัก
วันนี้อากาศปลอดโปร่ง มีเมฆมาก
ตลาดมีคนเดินพลุกพล่าน
เมื่อเห็นเสือขาวตัวใหญ่ปรากฎขึ้น ผู้คนก็วิ่งหนีแตกตื่น
“วิ่งเร็ว! หนีเร็วเข้า!”
“เสือมาแล้ว!”
ประชาชนทั้งตระโกนทั้งวิ่งหนี
ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจกลัว
เมื่อเห็นทุกคนแตกตื่น เซี่ยวเฟิงจึงหยุดหนึ่งก้าวเพื่อให้ประชาชนเย็นลงและเลิกตกใจ
หากพวกเขาเป็นเช่นนี้ เซี่ยวเฟิงจะซื้อของได้อย่างไร
แม้แต่เจ้าของแผงก็ทิ้งแผงละวิ่งหนีไป
ก่อนจะออกมา เซียวเฉวียนกำชับเซี่ยวเฟิงไว้ว่าต้องเอาเงินไปแลกของมาเท่านั้น อย่าไปขโมยและอย่าไปหยิบของตอนคนไม่อยู่เด็ดขาด
แต่ทันทีที่มันมาเยือน ยังไม่ทันได้ทำอะไร ประชาชนก็หนีหายกันหมด
แต่เซี่ยวเฟิงไม่ได้มีเวลามากพอที่จะรอให้ประชาชนสงบ เพราะมันต้องรีบกลับไปดูแลเซียวเฉวียน
มีเพียงกิเลนที่อยู่ที่นั่น ทำให้เซี่ยวเฟิงไม่สบายใจ
แต่ผู้คนเหล่านี้เมื่อเห็นเซี่ยวเฟิงก็หนีกลัวราวกับเจอผี เซี่ยวเฟิงก็หมดหนทาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...