ถ้ามิใช่เพราะฮ่องเต้ไว้วางใจตั้งแต่คราวแรก เซียวเฉวียนจะได้รับความเชื่อมั่นจากฮ่องเต้ได้อย่างไร?
เซียวเฉวียนไม่ได้สนใจราชบัลลังก์ และนี่เป็นสิ่งที่เขาคิดจริงๆ
ดั่งที่อี้กุยเคยกล่าวไว้ ขยันหาเบี้ย เพื่อเป็นผู้มีขุนทรัพย์
สำหรับเซียวเฉวียน เป็นฮ่องเต้มิใช่เรื่องง่าย ในหนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวัน เว้นเสียแต่ประชวรจนลุกจากพระแท่นบรรทมไม่ไหว นอกจากนั้น ไม่ว่าเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ก็จะต้องตื่นบรรทมก่อนไก่ และเข้าบรรทมหลังสุนัข
ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่ยากลำบากที่สุด เนื่องจากในทุกๆวันจะต้องเข้าศาลเฉาเพื่อฟังเหล่าตาแก่หัวโบราณพูดสวด ทั้งยังต้องถูกคนเหล่านั้นควบคุม เช่น อันนี้ก็มิดี อันนั้นก็มิได้ ซึ่งไม่มีเสรีภาพเลยสักนิด
ฐานะที่เป็นบุคคลรุ่นใหม่ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เซียวเฉวียนเติบโตมาในสังคมนิยม และคุ้นเคยกับใช้ชีวิตอิสระ นอกเสียจากเขามีความสับสนทางสมอง เพราะเซียวเฉวียนไม่มีทางเป็นพระมหากษัตริย์ ถึงแม้ฮ่องเต้จะทรงรับสั่งขอก็ตาม
อีกอย่างหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะปีศาจกวี เหวินเจี้ยวหยู้ ความปรารถนาของเซียวเฉวียนก็ยังไม่เป็นจริง เซียวเฉวียนคงเอาทรัพย์สมบัติของตน และพาครอบครัวไปยังสถานที่แห่งใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก เพื่อใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย
แล้วเหตุใดยังอยู่ที่เมืองหลวงและกระทำตามผู้อื่นด้วยหรือ?
เมื่อได้ฟังเซียวเฉวียนกล่าว อี้กุยจึงนึกคิดได้ว่า เซียวเฉวียนทำเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ตำแหน่งราชครู ฮ่องเต้ก็ยัดเยียดให้แก่เซียวเฉวียน แต่ปณิธานอันยิ่งใหญ่ของเซียวเฉวียนคือกองราชองครักษ์ขุนนางระดับสี่ในราชสำนัก
ตำแหน่งไม่สูงส่งหรือหรือต่ำต้อยเกินไป มีอำนาจก็เพียงพอแล้ว
ในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่เซียวเฉวียนคิด อี้กุยจึงสบายใจมากขึ้น
ทั้งคู่ไม่ได้เอ่ยกล่าวอะไรต่อ ภายในห้องจึงเงียบสนิทลง ขณะที่อี้กุยกำลังจะลุกขึ้นเดินออกไป เขาพึ่งจะนึกถึงจุดประสงค์ในการมาที่นี่
อี้กุยมองเซียวเฉวียนด้วยแววตาเป็นประกายและเอ่ยถาม :“ท่านปู่น้อย ท่านจงบอกความจริงแก่ข้า แม่นางเสวี่ยเยี่ยนตอนนี้กำลังปรนนิบัติรับใช้ผู้ใดอยู่หรือ?”
ได้ยินดังนั้น เซียวเฉวียนจึงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ : “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าหมายถึงอะไร”
ด้วยศัตรูตัวฉกาจในปัจจุบัน ทำให้เซียวเฉวียนไม่ต้องการให้อี้กุยรู้ที่พำนักขององค์หญิงต้าถง
หากหลีกเลี่ยงได้ เซียวเฉวียนก็จะพยายามให้ถึงที่สุด
อี้กุยรับรู้ได้ว่า เซียวเฉวียนไม่อยากบอกความจริงแก่เขา แต่เรื่องนี้ อี้กุยจะต้องรู้ให้ได้ เขาจะไม่ให้เซียวเฉวียนมีโอกาสในการปกปิด :“ท่านปู่น้อยคือศาลาคุนหวู่ที่มาจากจวนเซียว ฉะนั้นเบื้องบนและเบื้องล่างของจวนเซียวจะต้องรู้สถานการณ์ของท่านปู่น้อย”
และเสวี่ยเยี่ยนก็เป็นคนของจวนเซียว หากนางรู้ นางจะต้องรู้ว่าเซียวเฉวียนไม่สามารถเข้าร่วมงานในวันมะรืนนี้ได้
แต่ทว่านางเหมือนไม่รู้อะไรเลย รีบวิ่งปรี่มายังศาลาคุนหวู่เพื่อถามอี้กุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของเซียวเฉวียน
เพราะเสวี่ยเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่จวนเซียว ยามที่นางกลับมาจากการปฏิบัติหน้าที่ นางจะกลับไปยังจวนเซียวก่อนเสมอ ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้รับรู้สถานการณ์ของเซียวเฉวียนจากปากผู้อื่น
แต่เธอกลับมายังศาลาคุนหวู่
เสวี่ยเยี่ยนมาที่นี่เพื่อไต่ถามสถานการณ์ของเซียวเฉวียนให้แกาผู้ที่เป็นกังวลใจ
อี้กุยจึงคาดว่า บุคคลนั้นน่าจะเป็นญาติของเซียวเฉวียน
อีกประการหนึ่ง อี้กุยสงสัยว่าในขณะที่จวนเซียวถูกลอบสังหาร เหตุใดองค์หญิงต้าถงถึงไม่ได้อยู่ที่นั่น
ประการที่สองครั้งแรกที่เห็นเซียวหมิงชิว อี้กุยมีความรู้สึกว่า เธอคือลูกสาวแท้ๆของเซียวเฉวียน
อย่างไรก็ตาม เซียวหมิงชิวและเสี่ยวเซียนชิวมีความแตกต่างกัน เนื่องจากเซียวหมิงชิวมีลักษณะคล้ายกับเซียวเฉวียนและองค์หญิงต้าถง
เพียงแต่ในตอนนั้น เซียวหมิงชิวบอกว่าตนเป็นดาบวิญญาณ และเซียวเฉวียนเองก็ยอมรับ ดังนั้นจึงทำให้อี้กุยไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้
จนกระทั่งเสวี่ยเยี่ยนมา จึงทำให้อี้กุยมั่นใจในความรู้สึกของตนเอง
อี้กุยจ้องมองเซียวเฉวียนพลางเอ่ย : “ท่านปู่น้อย ท่านป้าเล็กคือลูกของท่านและองค์หญิงใช่หรือไม่?”
ความสามารถในการใช้เหตุผลของเด็กคนนี้เก่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ถูกอี้กุยเดาถูก หากเซียวเฉวียนปฏิเสธไปก็ไร้ความหมาย
เมื่อปกปิดต่อไปไม่ได้อีก เซียวเฉวียนจึงทำได้เพียงยอมรับ : “ใช่ องค์หญิงยังมีชีวิตอยู่ ส่วนหมิงชิวก็คือลูกของข้ากับท่าน”
ครั้นได้ยินว่าองค์หญิงยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังมีลูกสาวที่ชาญฉลาดและน่ารักน่าชังเยี่ยงนี้ อี้กุยถึงกับรู้สึกดีใจแทนเซียวเฉวียน : “ช่างน่ายินดียิ่งนัก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...