สรุปเนื้อหา บทที่ 1995 ความกังวลของอี้กุย – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1995 ความกังวลของอี้กุย ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
รอจนเสวี่ยเยี่ยนเดินออกไปได้ครู่หนึ่ง อี้กุยก็สั่งให้พ่อบ้านไปปิดประตูให้ดี
ตัวเขาก็รีบร้อนเดินไปที่ห้องพักทางฝั่งตะวันตก
แย่จริงๆเลย ยิ่งทำงานยุ่งมาก เรื่องก็ยิ่งเยอะ
อี้กุยไม่รู้ว่าเวลานี้เสวี่ยเยี่ยนก็เข้ามาร่วมด้วย บอกว่ามาสอบถามข่าวว่าเซียวเฉวียนอยู่ที่ไหน ถ้าเขาไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนมาจากจวนเซียว เขาก็คงจะเชื่อคำพูดของเสวี่ยเยี่ยนไปแล้ว
แสดงให้เห็นว่านางเริ่มสงสัยแล้ว มาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องของเซียวเฉวียน
ส่วนนางมาจากที่ไหน จะหาข่าวไปให้ใครนั้น อี้กุยจะต้องไปถามเซียวเฉวียนให้รู้เรื่องชัดเจน
ตลอดทาง อี้กุยคิดทบทวนอยู่ตลอดว่าจะเอ่ยปากพูดอย่างไร เมื่อเขาเดินไปถึงห้องทางฝั่งตะวันตกแล้ว ผลักประตูห้องของเซียวเฉวียน ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง
ท่านปู่น้อยไปไหนแล้ว?
อี้กุยก็เริ่มตามหาเซียวเฉวียนไปทุกที่
แม้แต่ที่สนามก็ดูทั่วหมดแล้ว อี้กุยก็ยังหาเซียวเฉวียนไม่เจอ เขาทนไม่ได้ตะโกนพูดว่า :“ท่านปู่น้อย?ท่านปู่น้อย?”
คงจะไม่ได้แอบหนีออกไปแล้วนะ?
ไม่น่าจะใช่ ถึงแม้ว่าจะไปแล้ว ก็น่าจะบอกเขาบ้างสิ
ในขณะที่อี้กุยกำลังคิดสงสัยอยู่นั่น ประตูห้องที่เก็บหญ้าแห้งก็มีเสียงดังขึ้นเซียวเฉวียนเปิดประตู และเซียวเฉวียนก็เดินออกมาจากห้องนั้น พูดขึ้นว่า:“ข้าอยู่นี่”
อี้กุยรีบเดินเข้าไป สีหน้าสงสัยและพูดว่า :“ท่านปู่น้อยมาทำอะไรที่นี่?”
มองเห็นศีรษะและเสื้อผ้าของเซียวเฉวียน มีเศษหญ้าติดอยู่ ไม่รอให้อี้กุยบอก เซียวเฉวียนก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นปัดศีรษะและเสื้อผ้า ปัดเศษหญ้าที่ติดอยู่ออกจนสะอาด
เขาปัดไปและพูดไปว่า :“เสวี่ยเยี่ยนไปแล้วใช่ไหม?”
คราวนี้ ในที่สุดอี้กุยก็เข้าใจแล้วว่าเซียวเฉวียนทำไมถึงออกมาจากที่นั้น เขาพูดว่า:“อื้ม ไปแล้ว”
ยืนพูดคุยกันอยู่ที่ลานนอกบ้าน ดูท่าไม่ค่อยดีเท่าไร อี้กุยพูดว่า :“มา ท่านปู่น้อย พวกเราเขาไปคุยกันข้างใน”
พูดจบ เขาก็ทำท่าทางเชิญเข้าไป ให้เซียวเฉวียนเดินนำหน้าเข้าไปด้านในห้องก่อน
เซียวเฉวียนเดินไปพูดไปว่า:“ทำไมที่นี่ถึงเลือกห้องๆหนึ่งไว้เก็บหญ้าแห้งพวกนี้ละ ?”
เอาไว้ทำอะไร?
ในเมื่อที่นี่ก็ไม่มีห้องครัว
อี้กุยอธิบายว่า :“หญ้าแห้งพวกนี้ตอนที่ท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ เขาเก็บกองเอาไว้ด้านใน”
ตอนที่อี้อู๋หลี่ยังมีชีวิตอยู่ เวลาว่างเขาชอบปลูกดอกไม้ปลูกผัก
ดังนั้น เขาจึงทำลานสนามเป็นพื้นที่ปลูกผัก ปลูกผักที่เขาชอบ
อย่ามองว่าตอนนี้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ในตอนแรก พื้นดินค่อนข้างแห้งแล้ง
ต้องการปลูกของที่ดี ดินก็ต้องมีความอุดมสมบูรณ์
เพื่อเป็นการเปลี่ยนคุณภาพของดิน อี้อู๋หลี่จึงบอกคนให้หาหญ้าแห้งมามากมาย เผาไฟและใส่ลงไปในดิน
นานวันเข้า ดินก็มีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น
หญ้าแห้งที่อยู่ข้างใน เป็นหญ้าที่เหลือจากการเผา
เป็นเพราะอี้อู๋หลี่ให้คนนำไปกองไว้อยู่ข้างใน จะได้ไม่เกะกะกีดขวาง ดังนั้นอี้กุยจึงปล่อยให้เก็บกองเอาไว้อยู่ที่นั้น
หรือจะพูดว่า หญ้าแห้งพวกนั้นเก็บกองอยู่ที่นั่นมาเป็นสิบปีแล้ว
เก็บกองไว้นานแล้ว หญ้าพวกนั่นก็ยังไม่เน่า เห็นได้ว่าสภาพการจัดเก็บในห้องนั้นดีมาก
ในขณะที่พูดคุยกัน ทั้งสองคนก็กลับเข้าไปที่ห้องแล้ว ทั้งสองคนหาที่นั่งลงเรียบร้อย อี้กุยเพิ่งจะคิดได้ว่า:“ท่านปู่น้อย ป้าตัวน้อยละ?”
ก่อนที่จะจากไป เด็กน้อยคนนั้นยังอยู่ตรงนี้ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางแล้ว เซียวเฉวียนก็ไม่ได้มีท่าทีวิตกกังวลใดๆ เขาไม่กังวลเลยหรือว่านางจะไปที่ไหนแล้ว หรือว่าอาจจะพบเจอกับคนไม่ดี?
ถึงแม้ว่าเซียวหมิงชิวจะเป็นดาบวิญญาณ แต่อายุของนางก็น้อยเพียงเท่านั้น ดูก็รู้แล้วว่าเป็นดาบวิญญาณที่อายุขวบกว่าเท่านั้น ต่อให้เก่งกาจมากแค่ไหนอย่างมากที่สุดก็เก่งกว่าเด็กทั่วไป ยังไม่ได้เก่งกาจถึงขั้นที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้?
แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกเป็นห่วงกังวลต่อเซียวเฉวียนด้วย
ดังคำกล่าวที่ว่า การอยู่ข้างกายพระราชาก็เหมือนอยู่ข้างเสือสามารถเป็นอันตรายได้ตลอดเวลา
ฮ่องเต้เป็นผู้คุมอำนาจของต้าเว่ย ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะเชื่อมั่นในตัวเซียวเฉวียน ก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะเชื่อมั่นในตัวเซียวเฉวียนอย่างนี้ตลอดไป
ในเมื่อไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้คนไหน ก็ไม่ต้องการให้อำนาจของตัวเองโดนข่มขู่จากข้าราชบริพาร
ความสามารถของเซียวเฉวียนโดดเด่นไม่เหมือนใคร มีความแข็งแกร่งอย่างนี้ และยังสามารถครองใจประชาชนได้ด้วย ฮ่องเต้ในฐานะที่เป็นกษัตริย์ของประเทศ ต้าเว่ยเป็นประเทศของพระองค์ ถึงพระองค์จะฉลาดมากแค่ไหน เวลานานไปก็อาจจะรู้สึกสงสัยในความภักดีของเซียวเฉวียนก็ได้?
ดังนั้น อี้กุยกังวลและพูดว่า :“ท่านปู่น้อย ในอนาคตท่านมีแผนการอย่างไร?”
พูดตามจริงว่า เขาคาดหวังว่าเซียวเฉวียนจะเป็นเหมือนเขาอย่างนี้ หลีกหนีห่างจากราชสำนัก ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก เป็นแค่คนร่ำรวยคนหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะมีฐานะต่ำลงเล็กน้อย แต่ก็สามารถปกป้องตัวเองและคนในครอบครัวให้มีชีวิตที่ปลอดภัยสงบสุข!
ชีวิตของคนเราแค่ช่วงเวลาสั้นไม่กี่สิบปี ใช้ชีวิตที่ปลอดภัยสงบสุข เป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก เขาไม่อยากให้เซียวเฉวียนเป็นคนไม่เหตุผลอย่างนั้น สุดท้ายก็ตายไป
คนโบราณกล่าวว่า ราชวงศ์เป็นตระกูลที่โหดเหี้ยมมากที่สุด
จิตใจคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อี้กุยไม่อยากให้เซียวเฉวียนเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงต่อความเชื่อใจของฮ่องเต้
ฮ่องเต้คนนี้ เป็นคนที่ฉลาดก็จริง
แต่อี้กุยไม่เคยลืมว่า เขาเป็นคนที่หนีออกมาจากเกาะจูเสินเป็นคนแรก!
คนที่สามารถหนีออกมาจากเกาะจูเสินได้ ที่จริงแล้วไม่ใช่คนธรรรมดา!
เซียวเฉวียนเข้าใจความหมายของอี้กุย เขายิ้มเล็กน้อย และพูดปลอบว่า:“ไม่ต้องห่วง ปู่น้อยรู้ตัวเองดี”
ในยุคปัจจุบันเซียวเฉวียนดูละครเกี่ยวกับวังหลวงมามากมาก ทำไมจะไม่รู้ว่าในราชสำนักมีการฟาดฟันต่อสู้กัน เขาไม่เข้าใจเหตุผลของอันตรายที่เกิดจากกษัตริย์อะไรเหล่านั้น?
แต่ที่รู้ก็คือ ตั้งแต่แรก เซียวเฉวียนทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่ไม่สนใจในชื่อเสียง ไม่ยอมเข้ารวมประชุมในราชสำนัก ไม่ต้องการอำนาจ เป็นเพียงคนๆหนึ่งที่ชอบความร่ำรวยเท่านั้น
ทำให้ฮ่องเต้เข้าใจอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าพระองค์จะเอาตำแหน่งฮ่องเต้ให้กับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนก็ไม่ยินยอมรับตำแหน่งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าเซียวเฉวียนมีความคิดที่จะแย่งชิงอำนาจ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...