ตอน บทที่ 1994 มาจากที่ใด จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1994 มาจากที่ใด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ในเมื่อตอนนี้เขาไม่กลับมา เช่นนั้นเรื่องเปิดธรุกิจก็สามารถเลื่อนออกไปได้ไม่ใช่หรือ?
เหตุใดต้องรีบร้อนเปิดเช่นนี้?
องค์หญิงคิดไปคิดมา เธอคิดว่าความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวนั้นก็คือ เซียวเฉวียนต้องพบเจอเรื่องราวใหญ่โตแน่ เขาจะไม่สามารถกลับมาได้ในเวลาอันสั้น และเขาไม่อยากเสียเวลาหาเงิน
แต่ศักยภาพของเซียวเฉวียน เขาสามารถเดินทางได้เป็นพันลี้ ขอแค่เขาคิดอยากจะมา จะมาเวลาไหนก็ได้ทั้งนั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าเซียวเฉวียนไม่ปรากฏตัวเลยในวันเปิดทำการของหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนัน แสดงว่าต้ออมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเซียวเฉวียนแน่นอน
มีเพียงเหตุผลสองข้อที่เป็นไปได้ เช่น เขาได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถแสดงหน้าได้ หรือเขากำลังหลบเลี่ยงใครบางคน
เหตุผลสองข้อนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อไหนต่างก็ไม่ดีทั้งนั้น
แม้ว่าศักยภาพของเซียวเฉวียนจะเป็นถึงจ้าวยุทธภพ แต่ไม่มีใครสามารถทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าเซียวเฉวียนไม่ปรากฏตัวจริง ๆ เช่นนั้นครั้งนี้เขาอาจพบกับศัตรูที่ยากมากเสียแล้ว
แต่ในเมื่อเซียวหมิงชิงบอกว่าเซียวเฉวียนไม่เป็นไร อาจจะคิดได้ว่าเซียวเฉวียนไม่ได้พูดกับเธอหมดจริง ๆ เธอเองก็ไม่คงไม่รู้เรื่องอะไร
ดังนั้น องค์หญิงคิดวิธีมาได้อีกวิธีหนึ่ง เธอออกกล่าวคำสั่งไปว่า “เสวี่ยเยี่ยน เจ้าไปที่ศาลาคุนหวู่ที“
ติดสร้อยห้อยตามพระองค์อยู่ก็นาน เสวี่ยเยี่ยนก็เพิ่งจะเคยได้ยินว่าองค์หญิงต้องการให้เธอนั้นไปถามข่าวคราวจากอี้กุย
แต่เมื่อพอได้ยินคำสั่งแล้ว เธอก็รีบไปทันที
ขออภัย เซียวหมิงชิวแอบกรีดร้องอยู่ในใจ ดังนั้นเธอจึงส่งข้อความเสียงไปยังของเซียวเฉวียนทันที “ท่านพ่อ!”
เพลานี้ เซียวเฉวียนกำลังปลูกฝังพลังแห่งจิตใจของเขาด้วยผนึกจูเสินอย่างหนัก
เพราะตอนที่เซียวหมิงชิวจากไป ผนึกจูเสินบอกเซียวเฉวียนว่า เขาไม่ต้องฝึกวิชาปิดกั้นอ่านใจ สิ่งที่เขาต้องทำคือปลูกฝังพลังแห่งความคิดนี้ เมื่อถึงเวลานั้นเซียวหมิงชิวจะไม่สามารถตรวจจับการอ่านใจของเขาได้
พูดให้ถูกคือ เมื่อพลังความคิดของเซียวเฉวียนแข็งแกร่งเพียงพอ เขาสามารถคิดอะไรก็ได้ที่เขาต้องการได้ เขาไม่อยากให้เซียวหมิงชิวอ่านใจของเขาเธอก็จะอ่านใจเขาไม่ได้
นี่ช่างเป็นข่าวดีซะจริง!
เพื่อที่จะกำจัดสถานการณ์นี้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถต่อสู้กับย่าเหยียนได้ดีขึ้น เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะตั้งใจอย่างลับ ๆ ว่าเขาจะต้องฝึกให้หนักขึ้นเพื่อปลูกฝังพลังแห่งจิตใจของเขา
แต่ก็ไม่เป็นใจ เขาที่กำลังฝึกฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่จู่ ๆ เซียวหมิงชิวก็มาขัดจังหวะเข้าซะก่อน เขาเอ่ยถามด้วยเสียงเรียบว่า “หมิงเซียว มีเหตุใดหรือ?”
พอได้ยินน้ำเสียงของผู้เป็นลูกสาวที่มาท่าทีร้อนใจ หรือองค์หญิงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
พอคิดเช่นนี้ เซียวเฉวียนก็กระวนกระวายใจ
เซียวหมิงชิวกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่เกิดเคลือบแคลงใจ เลยให้ท่านป้าเสวี่ยยี่ยนไปที่ศาลาคุนหวู่แล้วเจ้าค่ะ”
ตนก็ช่วยท่านพ่อเธอได้เพียงเท่านี้ ส่วนที่เหลือ ก็ดูว่าท่านพ่อและเสี่ยวอี้จะใช้โอกาสให้เปลี่ยนไปอย่างไร
เดิมทีเรื่องนี้ เซียวเฉวียนก็นึกว่ามีเรื่องคอขาดบาดตายอะไร เซียวเฉวียนจึงตอบกลับไปว่า “ได้ พ่อรู้แล้ว ดูแลแม่เจ้าให้ดี ๆ ”
เสวี่ยเยี่ยนออกโรง เวลากำลังจะจวนใกล้เข้ามา จึงทำให้ไม่มีเวลาที่จะพูดคุยกับลูกสาวนาน เซียวเฉวียนจึงรีบตัดการติดต่อไปก่อน
ทันทีที่เซียวเฉวียนไม่สนใจที่จะแลกเปลี่ยนสายกับอี้กุยเขาก็เรียกกิเลนออกมา “กิเลน ที่นี่มีทีใดพอที่ข้าจะหลบซ่อนตัวหรือไม่?”
ที่ ๆ ที่ไม่ให้เสวี่ยเยี่ยนเจอเซียวเฉวียนที่นี่
เซียวเฉวียนรู้ดีว่า ในระหว่างวันที่กิเลนอยู่ในศาลาคุนหวู่ เขาแค่เดินไปรอบๆ ตอนที่เขาไม่มีอะไรทำ และเขาก็รู้จักศาลาคุนหวู่ดีอยู่แล้ว
พอได้ยินเข่นนั้น กิเลนหันศีรษะไปทางทิศเหนือของปีกตะวันตก
เซียวเฉวียนมองไปในทิศทางนั้นและเห็นบ้านปิดอยู่ที่นั่น เขาไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร
กิเลนโค้งศีรษะเข้าหาร่างของซียวเฉวียน ผลักเซียวเฉวียนไปในทิศทางนั้น และผายมือให้เซียวเฉวียนเดินไป
เวลาไม่เคยคอยท่า เซียวเฉวียนเองก็ไม่เวลาที่จะคิดเยอะให้มากความ เลยจึงต้องตามนั้นตามกิเลนไป
เสวี่ยเยี่ยนเหลือบมองไปรอบ ๆ โดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ จนมองตกลงไปที่หน้าอี้กุยหลังจากพบว่าไม่มีอะไรแปลกเธอก็พูดเบา ๆ “ผู้น้อยได้ยินมาว่า วันมะรืนจะเริ่มเปิดการหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันใหม่อีกครั้ง เลยอยากจะถามทูลถามองค์ชายว่า ท่านใต้เท้าเจียวจะกลับมาด้วยไหมเจ้าคะ?”
ในขณะที่พูด เสวี่ยเหยี่ยนก็พูดสริมว่า “องค์ชายได้โปรดอย่าเคลือบแคลงใจ ถ้าใต้เท้านั้นกลับมา ผู้น้อยจักได้ทำเตรียมการพร้อมต้อนรับ”
แม้ว่าคำพูดของเสวี่ยเยี่ยนจะฟังดูดีไร้ที่ติ แต่อี้กุ้ยก็ยังเฉลียวใจ ในใจคิดว่า แต่ท่านปู่น้อยก็เพิ่งมาจากจวนเซียว ผู้คนในจวนเซียวต้องรู้สถานการณ์ปัจจุบันของเซียวเฉวียนสิ
แต่แม่นางเสวี่ยเยี่ยนกลับวิ่งมาถามถึงที่ศาลาคุนหวู่อย่างนี้ แสดงว่าเธอคงไม่รู้สถานการณ์ของเซียวเฉวียน
พูดได้ว่า เธอไม่ได้อาศัยอยู่ที่จวนเซียว
เธอเป็นคนของจวนเซียว แต่เธอไม่อยู่ที่จวนเซียว เช่นนั้นตกลงว่าเธออยู่ที่ใดกันแน่?
เธอมาที่นี่เพื่อสอบถามใคร?
พอเห็นอี้กุยเหม่อลอย เสวี่ยเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะโกนออกมา “องค์ชายอี้เจ้าคะ?”
อี้กุยจึงต้องระงับความคิดนั้น และพูดเสียงเรียบว่า “แม่นางเสวี่ยเยี่ยน ท่านปู่น้อยมีเรื่องต้องทำจึงไม่สามารถกลับมาได้ในขณะนี้ ท่านเป็นคนเขียนจดหมายกลับมาและขอให้ฉันทำเพื่อเขา "
“แม่นางก็รู้ ท่านปู้น้อยน่ะรู้ว่าข้ารักเงินเป็นที่สุด เรื่องเงินน่ะรอไม่ได้“
ความหมายก็คือคือเซียวเฉวียนจะไม่ปรากฏตัว
เช่นนี้เสวี่ยเยี่ยจึงเข้าใจ เธอจึงทำความเคารพไปว่า “เจ้าค่ะ ผู้น้อยทราบแล้ว รบกวนองค์ชายอี้เลยนะเจ้าคะ
เซียวเฉวียนเหลือบมองเสวี่ยเยี่ยนเบา ๆ แล้วพูดว่า “แม่นางเสวี่ยเยี่ยนเกรงใยเกินไปแล้ว”
เสวี่ยเยีย่นพูดว่า “ผู้น้อยยังมีธุระสำคัญต้องจัดการ จึงจำต้องขอตัวก่อน“
พูดจบ เสวี่ยเยี่ยนก็หันตัวกลับแล้วออกจาศาลาคุนหวู่ทันที
แต่ทันทีที่เธอหันกลับมา เธอก็เหลือบมองอี้กุยและใบหน้าของพ่อบ้านโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...