บทที่ 1993 หมิงชิวขอสาบาน – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1993 หมิงชิวขอสาบาน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
มนุษย์คนไหนจะไม่หวังในตัวบุตรตน
แต่องค์หญิงนั้นกับทำตรงกันข้าม
เพราะเมื่อยังวัยเยาว์ธอนั้นเติบโตขึ้นมาจากพระราชวังซินเจียง เธอเป็นองค์หญิงที่สูงศักดิ์ ใครต่างก็มองเธอปานราวกับหงส์
แม้ว่าวัยเยาว์เธอจะมีเสื้อผ้าอาภรณ์อาหารการกินเพียบพร้อม เธอเพลิดเพลินกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งไม่รู้จบและได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์และฮองเฮา อย่างไรก็ตาม หลายคราที่เธอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองและไม่สามารถดำเนินชีวิตตามใจของเธอได้
คนที่มียศฐานันดรสูงศักดิ์ก็เป็นเช่นนี้
แม้แต่คนอย่างเซียวเฉวียนที่ใช้ชีวิตอย่างป่าเถื่อนก็ยังทำอะไรไม่ถูก
เพื่อที่จะปกป้องคนไหนครอบครัว จึงจำต้องแยกออกจากครอบครัว
เดิมคนไร้ซึ่งความผิด หากมีหยกกลับเป็นโทษ
ระหว่างทางเซียวเฉวียน เผชิญกับการต่อต้านอย่างมาก เขากำลังอยู่ในระหว่างทางที่จะกำจัดศัตรู เพียงระหว่างทางที่จะกำจัดศัตรู
สามารถพูดได้ว่า เซียวเฉวียนไม่มีวันไหนเลยที่สงบสุข
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากมี แต่มันไม่ให้เขามีวันนั้นเลยต่างหาก
หากเธอและเซียวเฉวียนเป็นดั่งสามัญชนธรรมดา พวกเขาอาจจะกังวลเกี่ยวกับอเสื้อผ้าอาภรณ์ แต่ชีวิตของพวกเขานั่นจะมั่นคงอย่างแน่นอน ครอบครัวของพวกเขาสามารถอยู่ร่วมกันได้ และพวกเขาก็จะมีความสุข
ในขณะนี้ องค์หญิงกังวลว่าทั้งเซียวหมิงชิวและเสี่ยวเซียนชิวจะเดินตามเส้นทางของเซียวเฉวียน เธอหวังจริงๆ ว่าพวกเขาจะเติบโตอย่างสงบสุขและพบคนที่เหมาะสมที่จะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย
นี่คือตอนจบที่ดีที่สุด
เมื่อรู้สึกถึงความกังวลที่ปรากฏออกมาในสีหน้าขององค์หญิง เซียวหมิงชิวก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความห่วงใยว่า "เสด็จแม่เพคะ เสด็จแม่กำลังคิดอะไรอยู่หรือเพคะ หรือหมิงชิวพูดอะไรผิดแลทำให้เสด็จแม่รู้สึกหม่นหมองใจ?"
องค์หญิงปรับอารมณ์ของเธอโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เธอยกยิ้มเบา ๆ “ ไม่มีอะไรหรอกลูก อย่ากังวลไปเลยนะ หมิงซิว”
สาวน้อยคนนี้ช่างเก่งในการสังเกตอารมณ์ของผู้คนจริงๆ หมิงซิวสามารถดูออกได้ว่าอารมณ์ของเธอนั้นแปลกไปหรือไม่
จากนี้เธอจะต้องระวังให้มากขึ้นต่อหน้าเธอเพื่อไม่ให้เธอสังเกตเห็นได้
ในเพลานี้ เสวี่ยเยี่ยนได้กลับมาแล้ว เธออยากจะมาแสดงความเครพองค์หญิง ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปาก เธอก็เกิดอาการตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่าเธอคิดไม่ถึงว่าเซียวหมิงชิวจะอยู่ที่นี่ด้วย
หลังจากผ่านช่วงเวลานั้น เสวี่ยเยี่ยนก็ได้สติกลับมา เธอได้ทำความเคารพ "องค์หญิงหมิงเพคะ”
องค์หญิงแอบขยิบตาให้เสวี่ยเยี่ยน เสวี่ยเยี่ยนเข้าใจและหยิบด้ายออกมายื่นให้องค์หญิง “ ด้ายที่พระองค์ต้องการ หม่อมฉันได้ซื้อกลับมาให้แล้วเพคะ“
องค์หญิงรับด้ายนั้นมา เธอพูดกับคนในอ้อมแขนของเธอ “หมิงซิวเจ้าออกไปเล่นก่อนเถิดนะ แม่จักทำผ้าให้ท่านพ่อ”
เธอต้องรีบทำอย่างรวดเร็วเผื่อว่าเซียวเฉวียนมาถึง เธอจะได้สามารถนำมันออกมามอบให้เซียวเฉวียนสวมใส่ได้ทันเวลา
แต่จริง ๆ แล้ว ที่อยู่ของเซียวเฉวียนนั้นไม่แน่นอน และองค์หญิงก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาเมื่อไร
เซียวหมิงชิงที่เป็นเด็กรู้ความก็ออกจากอ้อมอกจากผู้เป็นแม่ สับขาสั้นแล้ววิ่งออกไปข้างนอก
รอจนเซียวหมิงซิววิ่งออกไปไกล เสวี่ยนเยี่ยนจึงใกล้ชิดองค์หญิงมากขึ้น แล้วพูดเสียงต่ำว่า “องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันได้สอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ให้หม่อมฉันไปสอบถามแล้ว แต่ด้านนอกก็ไร้วี่แววข่าวคราวของนายท่านเลยเพคะ”
เดิมที องค์หญิงได้ยินมาว่าเซียวหมิงซิวจะไปช่วยเซียววียน จากนั้นเธอก็สงสัยว่าเซียวเฉวียนอาจต้องเผชิญกับอันตรายอะไรบ้างไม่ก็เขาก็จนหมดหนปัญญาที่จะแก้ไข มิฉะนั้น คนที่รักชีวิตคนในครอบครัวยิ่งกว่าตนอย่างเขา เขาจะปล่อยให้เซียวหมิงชิวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเขาได้อย่างไร?
ดังนั้น องค์หญิงจึงขอให้เสวี่ยเยี่ยน ออกจากพระราชวังอย่างเงียบ ๆ เพื่อหาข่าวและก็ถือโอกาสให้เธอนำเส้นด้ายกลับมาด้วย
แต่เสวี่ยเยี่ยนก็ได้สอบถามมาหมดแล้ว แต่ก็ไร้วี่แววข่าวคราวของเซียวเฉวียน
เมื่อเป็นเช่นนี้ องค์หญิงก็วางใจได้
อีกทั้งเซียวหมิงชิวยังกลับมา เธอก็ยิ่งว่างใจเข้าไปอีก
เสวี่ยเยี่ยนช่วยองค์หญิงยืดมือของเธอให้ตรงและพูดต่อ “แต่ หม่อมกลับฉันได้ข่าวอื่นมาเพคะ”
องค์หญิงหยุดการกระทำของเธอลง เธอยกเปลือกตาขึ้นและมองไปที่เสวายเยี่ยนแล้วพูดถามว่า “ข่าวใดกัน”
เธอเอ่ยปากถามช้า ๆ “หมิงชิว แม่มีเรื่องอยากจะถามเจ้า หวังว่าเจ้าจะตอบกลับแม่ตามความเป็นจริง”
น้ำเสียงการพูดขององค์หญิงนั้น มันเป็นความจริงจังที่เซียวหมิงชิวไม่เคยเห็นมาก่อน
คิดว่าทำแบบนี้จะทำให้คนอย่างเซียวหมิงชิวจะบอกความจริงอย่างนั้นหรือ?
องค์หญิงนี่ประเมินใจหมิงชิวต่ำไปเสียจริง
เซียวหมิงชิวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและพูดอย่างจริงจัง “เสด็จแม่เชิญถามมาเถิดเพคะ หากหมิงชิวรู้ แน่นอนว่าลูกจักตอบความจริง”
กลัวว่าหมิงชิวนั้นจะพูดปด องค์หญิงเลยกล่าวว่า “ เจ้าสาบบานต่อในนามของแม่และท่านพ่อ หากเจ้ามิพูดความจริง ท่านพ่อและแม่ต้องถูกฟ้าผ่าไม่ตายดี“
บนโลกใบนี้พ่อแม่เป็นคนที่ใกล้ชิดเซียวหมิงชิวที่สุดแล้วเป็นคนที่หมิงชิวรักมากที่สุดเช่นเดียวกัน หากเธอเอาชื่อคนที่เธอรักมาสาบาน องค์หญิงคงคิดว่าเธอคงไม่กล้าโกหกแน่นอน
แต่องค์หญิงเธอไม่รู้จักลูกสาวตนเสียแล้ว ในความคิดของเซียวหมิงชิว ก็คิดเหมือนกันกับเซียวเฉวียน เธอรู้สึกว่าคำสาบานเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในโลก
แค่สาบานมันจะไปยากอะไร
ในเมื่อจะเอาชื่อพ่อแม่มาสาบาน เซียวหมิงชิวก็กล้าเปิดปากวาจาลั่นไปว่า ”ต่อหน้าฟ้าดิน เซียวหมิงชิงผู้นี้สาบานด้วยในนามของท่านพ่อและท่านแม่ หากคำพูดทุกคำพูดที่พูดมานั้น เป็นเรื่องเท็จ ขอให้ฟ้าผ่าลงมาที่ท่านพ่อท่านแม่ของข้าด้วยเถิด!”
พอสาบานเสร็จ เซียวหมิงชิวจ้องมองไปที่องค์หญิงแล้วพูดว่า “เสด็จแม่ เยี่ยงนี้คงพอได้แล้วใช่หรือไม่เพคะ?”
น้ำเสียงขององค์หญิงอ่อนลงและเธอเอ่ยถามเบา ๆ ว่า “อืม แม่อยากจะถามเจ้าว่า เจ้าเคยเจอท่านพ่อแล้วใช่หรือไม่ ท่านพ่อเจ้าเกิดเรื่องใดขึ้นหรือไม่?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมาในดวงตาของเซียวหมิงชิว แต่มันวาบเร็วเกินไปจึงไม่ถูกองค์หญิงจับพิรุธได้
เซียวหมิงชิวปฏิเสธ “เสด็จแม่ หม่อมฉันมิเคยพบเจอท่านพ่อ ท่านพ่อมิเป็นไรหรอกเพคะ”
พอฟังคำจากปากลูกสาว องค์หญิงก็รู้สึกสับสนตามเหตุผลแล้ว ในเมื่อสาบานกันแล้ว เซียวหมิงชิวก็คงไม่กล้าพูดปด
แต่ถ้าเธอพูดความจริง เช่นนั้นกิจการที่กำจะเปิดหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันที่กำลังจะเปิด แล้วเหตุใดเซียวเฉวียนถึงไม่กลับมากันเล่า?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...