ดังนั้น เซียวเฉวียนยังต้องเรียนรู้ประสบการณ์จากมู่จิ่น
เซียวหมิงชิวพูดว่า “ท่านพ่อไม่ต้องการให้ข้าเซียวหมิงชิวค้นหาสิ่งที่อยู่ในใจของท่านจริงๆใช่ไหม?”
แน่นอนว่าไม่ต้องการ ยังจะต้องถามอีกเหรอ?
สลับกันถ้าเจ้าเป็นข้า เจ้าจะยอมให้คนอื่นรู้ความคิดในใจของเจ้าทุกอย่างไหม?
ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นลูกสาวที่ใกล้ชิดของตัวเอง เซียวเฉวียนก็ไม่ยอม
ไม่มีความเป็นอิสระแม้แต่น้อย
เซียวเฉวียนพูดไปตรงๆว่า “เป็นธรรมดา”
เซียวหมิงชิวพูด “ถ้าอย่างนั้นต้องการให้หมิงชิวไปตามอามู่จิ่นมาให้ท่านไหม?”
เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ เซียวหมิงชิวจะต้องอยู่ข้างๆเซียวเฉวียนไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็หมายความว่า ความคิดในใจของเซียวเฉวียนนางก็จะรู้ทุกอย่างชัดเจน
“แต่ก็ไม่ต้องรีบร้อนถึงขนาดนี้” เซียวเฉวียนพูดว่า “แต่ว่า ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอ่านความรู้สึกในใจของพ่อ?”
นี้มันเป็นการละเมิดเรื่องส่วนตัวของเซียวเฉวียน
เป็นเด็กดี เป็นเด็กธรรมดาทั่วไป ไม่ต้องสงสัยอะไรให้มันมาก ได้ไหม?
ดวงตาสีดำเป็นประกายคู่นั้นของเซียวหมิงชิวกรอกไปมา นางพูดตอบอย่างรวดเร็วว่า “ได้ หมิงชิวจะเชื่อฟังท่านพ่อ”
“แต่ว่า ท่านพ่อก็ต้องรับปากหมิงชิวว่า ห้ามแอบหนีออกไปจากที่นี่”
พูดตามจริงว่า เซียวหมิงชิวก็ไม่ได้แอบอ่านความคิดในใจของเซียวเฉวียนอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าวันนี้ใช้พลังบ่อยมากเกินไปก็เท่านั้นเอง
นี้ก็เป็นเพราะว่าเซียวเฉวียนไม่เชื่อใจเซียวหมิงชิว มีพลังสามารถต่อต้านกับย่าเหยียนได้ ไม่อยากให้นางอยู่ข้างๆเขา ค่อยคิดแต่จะแอบหนีออกไป นางถึงได้ต้องค่อยอ่านใจของเขา
เพียงแค่เขารับปากเซียวหมิงชิว และทำตามสัญญา นางก็จะยอมตกลงตามคำขอของเขา
เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว เซียวเฉวียนไม่อาจจะหลบหนีเซียวหมิงชิวได้ เขาต้องการความเป็นอิสระ เขาจึงทำได้เพียงตอบตกลงนาง “อื้ม พ่อตอบตกลงในคำขอของเจ้า”
ข้าละยอมแพ้ต่อนางหนูน้อยคนนี้จริงๆ
ก่อนหน้านี้เซียวเฉวียนรู้สึกว่านางเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กอ่อนโยน ตอนนี้ดูท่าทางแล้ว นางเหมือนกับคนที่สวรรค์ส่งลงมาเพื่อสั่งสอนเขาจริงๆ!
สุดยอดจริงๆ เซียวเฉวียนเป็นคนที่ทั้งต้าเว่ย ไม่สิ ควรจะบอกว่าทั่วทั้งโลกนี้เขาเป็นคนที่ยากจะรับมือได้มากที่สุด คิดไม่ถึงว่า ลูกสาวของเขาจะเป็นคนที่ยากจะรับมือได้ยิ่งกว่าเขาหลายเท่านัก
หมายความว่า คนเราสามารถพัฒนาได้ หลังจากได้เรียนรู้แล้ว!
ในที่สุดเซียวเฉวียนรู้สึกว่า ในบางเรื่อง การเรียนรู้ที่มากเกินไปก็ไม่ดี
ที่จริงแล้ว เซียวหมิงชิวมีความสามรถในตัวของเสี่ยวเซียนชิวอยู่แล้ว เซียวเฉวียนในฐานะพ่อก็รู้สึกพอใจแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
ในโลกนี้ยากนักที่จะได้เจอคนอย่างย่าเหยียน เพียงแค่เซียวเฉวียนกำจัดนางให้สิ้นซากไป ก็เท่ากับว่าไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว
ด้วยความสามารถของเสี่ยวเซียนชิว ก็เพียงพอให้พวกนางสามารถปกป้องดูแลตัวเองได้แล้ว
สามารถดูแลตัวเองได้ก็พอ เซียวเฉวียนไม่ได้คาดหวังว่าพวกนางจะต้องใช้ชีวิตต่อสู้ฆ่าฟัน
แต่ว่า เซียวหมิงชิวเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เซียวเฉวียนไม่เชื่อว่านางพูดแล้วจะสามารถทำได้ ในเมื่อเรื่องการอ่านใจคน ถ้านางไม่พูด เซียวเฉวียนก็ไม่มีทางรู้ได้ว่านางได้อ่านใจคนอื่นหรือไม่
ดังนั้น เซียวเฉวียนพูดว่า “พ่ออยู่ที่นี่รักษาตัว ไม่สามารถเป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าได้ เจ้าน่าจะกลับไปที่พระราชวัง ไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่และป้าเสวี่ยเยี่ยนจะดีกว่า รอให้พ่อหายดีแล้ว ก็จะไปหาเจ้า ดีไหม?”
ถ้านางอยู่ที่นี่ เซียวเฉวียนรู้สึกว่าความคิดในใจของเขาเหมือนกับได้ถูกเปิดเผยออกมาหมดแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้รับการสัญญาจากเซียวหมิงชิวว่าจะไม่แอบอ่านความคิดในใจ แต่เซียวเฉวียนก็ยังไม่วางใจอยู่ดี
คำพูดในใจเหล่านี้ เขาไม่กังวลว่าเซียวหมิงชิวจะได้ยิน ถ้านางได้ยินแล้ว นางก็จะได้รู้ปมในใจของพ่อ
ถ้านางมีเชื่อฟังเข้าใจ นางก็ควรจะฟังคำพูดของเซียวเฉวียน
ตอนแรกคิดว่าคำแนะนำนี้เซียวหมิงชิวคงจะไม่สามารถรับได้ สิ่งที่ทำให้เซียวเฉวียนคาดไม่ถึงก็คือ นางตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ได้ หมิงชิวจะเชื่อฟังท่านพ่อ”
ในวังหลวงแห่งนี้ นอกจากเสวี่ยเยี่ยนจะอยู่เป็นเพื่อนกับเซียวหมิงชิวแล้ว ก็จะต้องอยู่ข้างกายองค์หญิง ไม่มีเรื่องอื่นต้องทำอีกแล้ว
เมื่อเซียวหมิงชิวถามขึ้น องค์หญิงตกตะลึกเล็กน้อย นางคิดไม่ถึงว่า เด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าคนนี้จะสังเกตใส่ใจคนรอบข้างอย่างนี้
ในเวลารวดเร็ว องค์หญิงก็กลับมาเป็นปกติ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “แม่กำลังเย็บเสื้อให้ท่านพ่อของเจ้า เส้นด้ายมีไม่พอ แม่จึงให้นางออกไปเอามาเพิ่ม”
เซียวหมิงชิวเหลือบมองเสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ และพูดต่อว่า “ทำไมท่านแม่ไม่ให้ป้าเม่ยซีเอามาเพิ่มอีก?”
เม่ยซีสามถึงห้าวันถึงจะมาที่นี่ ให้นางไปเอามา ไม่มีปัญหาอะไรเหรอ
ในเมืองหลวง คนที่เคยเห็นเสวี่ยเยี่ยนก็มีหลายคน และเสวี่ยเยี่ยนก็เป็นคนคุนหลุน รูปร่างหน้าตามีความแตกต่างกับคนต้าเว่ยมาก ทำให้คนที่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่านางไม่ใช่คนต้าเว่ย
ในเมื่อเป็นแบบนี้ จึงทำให้คนจับจ้องมองเสวี่ยเยี่ยนมากเป็นพิเศษ เป็นไปได้มากว่านางอาจจะถูกคนสะกดรอยตามได้อย่างง่ายดาย
ได้ยินดังนั้น องค์หญิงยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “แม่ไม่อยากรบกวนทำให้ป้าเม่ยซีต้องลำบาก”
พวกเราทั้งสามคนอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ได้รับการดูแลจากเม่ยซี เป็นการรบกวนเม่ยซีมากพอแล้ว
นางไม่อยากรบกวนเม่ยซีอีกด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
“แต่ว่า หมิงชิวก็พูดถูก ครั้งนี้แม่ไม่ได้คิดให้ดีก่อน แม่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
พูดจบ องค์หญิงก็มองเซียวหมิงชิวเล็กน้อย นางคาดไม่ถึงมาก่อนว่า เซียวหมิงชิวอายุยังน้อยแค่นี้ก็มีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แม้แต่ความคิดก็ยังมีความรอบคอบอย่างนี้ โตแล้วจริงๆ น่าทึ่งมากจริงๆ!
ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ผู้ที่มีพลังความสามารถ ชีวิตได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องไม่ธรรมดา
ความหมายก็คือ เมื่อมีชื่อเสียงความสามรถมาก ก็จะตกเป็นเป้าหมาย
กลัวว่าเมื่อถึงตอนนั้นแล้ว เซียวหมิงชิวอยากจะใช้ชีวิตปกติธรรมดาทั่วไป นางก็คงจะไม่สามารถทำได้แล้ว
พูดจริงๆว่า ในฐานะที่เป็นแม่ องค์หญิงไม่ได้คาดหวังให้ลูกของตัวเองจะต้องมีความสามารถมากมาย และก็ไม่ได้คาดหวังให้พวกเขาเป็นคนที่เก่งกาจกล้าหาญมากที่สุด หวังเพียงแค่ว่าให้พวกเขาได้เติบโตอย่างสงบสุขปลอดภัย
องค์หญิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลต่ออนาคตของเซียวหมิงชิว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...