สรุปเนื้อหา บทที่ 2017 กลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าว – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 2017 กลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าว ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
มีเรื่องเกิดขึ้นที่ไหนซักที่จริง ๆ งั้นหรอ?
ทันใดนั้น เสียงอันทุ้มลึกของผนึกจูเสินก็ดังขึ้น "นี่เป็นผลข้างเคียงจากการเลื่อนขั้นพลังจิตของคุณ"
ผลข้างเคียงอะไร?
เจี้ยนจงทะเลาะกับใครซักคนในเมืองหลวงอยู่
ผนึกจูเสินและหนังสือเจี้ยนจงมาจากสำนักเดียวกัน กล่าวให้ชัดเจนก็คือ ทั้งสองเหมือนกับพี่น้องฝาแฝดกัน
มีกระแสจิตวิญญาณระหว่างฝาแฝด
หรือสามารถพูดได้ว่า ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหรือกำลังทำอะไรอยู่ อีกคนก็สามารถสัมผัสได้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
ก่อนหน้านี้ พลังจิตของเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงนั้นใกล้เคียงกัน ดังนั้นกระแสจิตระหว่างคนทั้งสองจึงค่อนข้างอ่อนแอ
ในแง่ของคนธรรมดาแล้ว ความไวของประสาทสัมผัสของทั้งสองนั้นพอ ๆ กัน ทั้งสองฝ่ายจึงไม่มีความรู้สึกใด ๆ
ทุกวันนี้เซียวเฉวียนตั้งใจที่จะฝึกฝนพลังจิตของเขา และมันก็พัฒนาขึ้นมาก ๆ เพราะฉะนั้นเซียวเฉวียนจึงสามารถสัมผัสได้ว่าเจี้ยนจงกำลังต่อสู้อยู่
พูดอีกนัยหนึ่งได้ว่า เมื่อเซียวเฉวียนต่อสู้ เจี้ยนจงจะไม่สามารถสัมผัสมันได้
หรือจะพูดว่า ความเชื่อมโยงระหว่างเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงนั้นถูกกำหนดด้วยความแข็งแกร่งของพลังจิตที่ใครจะเหนือกว่า
ในอนาตคตพลังจิตของเจี้ยนจงจะไม่สามารถตามเซียวเฉวียนได้ทัน หากเจี้ยงจงได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ เซียวเฉวียนก็จะรู้สึกของความเจ็บปวดของเจี้ยนจงเช่นกัน
มันแทบจะเหมือนกันกับตอนที่เขาได้ทำสัญญาเลือดกับอาจื่อ
ให้ตายเถอะ!
ผมข้างเคียงรุนแรงชะมัด!
โชคดีที่ในโลกนี้อาจจะมีเพียงแค่ย่าเหยียนเท่านั้นที่สามารถทำร้ายเจี้ยนจงได้ ถ้าเธอถูกจำกัดไป ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
ไม่ว่าอย่างไร เซียวเฉวียนก็ยังอยากรู้อย่างเห็นและถามว่า "ถ้าเจี้ยนจงถูฏฆ่าตาย ฉันก็จะตายด้วยงั้นหรอ?"
หากผนึกจูเสินเป็นคน คงจะกรอกตาให้กับเซียวเฉวียนอย่างแน่นอน พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?
อีกอย่าง เป็นเรื่องปกติที่เซียวเฉวียนจะถามเรื่องนี้
ผนึกจูเสินตอบกลับว่า "นั่นเป็นไปไม่ได้"
เนื่องจากเจี้ยนจงและหมื่นดาบทำให้มันหายไปอย่างสมบูรณ์แห่งบรรพบุรุษ เป็นเพียงการมีอยู่ของจิตเทพเท่านั้น ในโลกนี้ มีเพียงแค่เพลิงชุ้ยเจี้ยนเท่านั้นที่จะทำให้มันหายไปอย่างสมบูรณ์ได้
และเพลิงชุ้ยเจี้ยนที่โดนเซียวเฉวียนทำลาย ก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป
เพราะฉะนั้นก็จะไม่มีภัยคุกคามต่อเจี้ยนจงอีก
แม้ว่าย่าเหยียนจะฆ่าเขา แต่ก็เป็นแค่ฆ่าร่างภาชนะของเจี้ยนจงเท่านั้น เจี้ยนจงก็จะหลับไปมากสุดหลายร้อยหรือพันปี รอให้ร่างภาชนะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ!
มีขั้นตอนแบบนี้ด้วยงั้นหรอ
ถ้าเป็นตามนั้น หากเซียวเฉวียนตาย ผนึกจูเสินก็เป็นอย่างงั้นด้วยหรอ?
ผนึกจูเสินพูดอย่างไปไม่ลังเลเลยว่า “ถูกต้อง”
ทั้งเจี้ยนจงและฉันต่างก็อยู่ร่วมสวรรค์และโลก
ชาวคุนหลุนหลายพันปีก่อนมันสุดยอดขนาดนี้เลยหหรอ?
ยังอยู่ร่วมสวรรค์และโลก
นี่ไม่ใช่ความอวตะที่เว่ยเชียนชิวพยายามเพื่อให้ได้มันมามาก ๆ งั้นหรอ?
ถ้าเว่ยเซียนชิวรู้เรื่องนี้คงดีใจแทบตาย!
งั้น ปัญหามาแล้ว ย่าเหยียนก็เป็นแบบนี้เหมือนกันไหม?
เซียวหมิงชิวบอกว่า ย่าเหยียนก็จะรอดชีวิตแบบนี้เหมือนกัน
ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ งั้นเธอจะไม่ถูกตามหลอกหลอนไปตลอดเลยหหรอ?
แล้วอยากจะฆ่าเธออีก ฆ่ากับผีสิ!
การสู้ครั้งนี้คุ้มค่าที่จะต่อู้อีกไหม?
ผนึกจูเสินพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ตามหลักแล้ว เธอก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”
มันจบแล้ว ตามหลักแล้วก็เป็นแบบนั้น งั้นมันก็จบแล้วหล่ะ
กับแค่ตีแมลงสาบก็ไม่ตาย เซียวเฉวียนก็อิ่มจนอืดแล้ว
ผนึกจูเสินกล่าวอย่างเคร่งครึมว่า “ไม่ต้องรู้สึกหมดหนทางไป จริง ๆ แล้วยังพอมีวิธีทำให้เธอหายไปจากนี้นี้อย่างถาวรอยู่”
ดวงตาของเซียวเฉวียนสว่างขึ้นอย่างอดไม่ได้ เขาถามว่า “วิธีอะไรงั้นหรอ?”
ผนึกจูเสินกล่าวอย่างเคร่งครึมว่า"ไม่ต้องกังวล ให้ฉันพินิจพิจารณาให้ดีก่อน"
ให้นายพินิจพิจารณาให้ดีก่อน?
นี่ไม่ใช่ว่าเขาให้ไม่พูดก่อนใช่ไหม?
การสังหารมือขวาสองคนของย่าเหยียนทำให้เซียวเฉวียนรู้สึกว่าความโกรธของย่าเหยียนจะต้องเพิ่มมากขึ้นแน่นอน
ในขณะเดียวกัน คนของเธอก็จะสามารถล่อย่าเหยียนให้ออกจากกลางเมืองได้เช่นกัน
การเคลื่อนไหวเช่นนี้ก็คือยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
หากชาวบบ้านที่ตีนผาถูกฆ่าตาย ก็คือว่าเสี่ยวหมิงชิวได้ล้างแค้นให้พวกเขา
แต่หากว่าพวกชาวบ้านยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะได้รับการช่วยเหลือ
หลังจากที่ได้ยิน ผนึกจูเสินก็คิดว่าเป็นความคิดที่ดี
เซียวเฉวียนกล่าวว่า“หมิงชิว เจ้าไปที่ตีนผา”
“ขณะเดียวกันก็ใช้พลังจิตบอกเจี้ยนจงว่าพยายามอย่าเผชิญหน้ากับย่าเหยียน”
"นายไปช่วยเขา"
เจี้ยนจงต้องรู้ว่าเขาไม่ได้สู้อยู่คนเดียว
เมื่อได้ยินแบบนี้ ดวงตาของเสี่ยวหมิงก็เป็นประกายแล้วพูดว่า“ค่ะท่านพ่อ!”
การต่อสู้คือสิ่งที่เธอชอบ
ถึงยังไง ก่อนที่เซียวหมิงจะไป เซียวเฉวียนก็เตือนว่า“ระวังความปลอดภัยและอย่าประมาท!”
แม้แต่น้ำตื้นก็สามารถทำให้วัวน้ำได้ ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีความสามาถอะไรก็ควรจัดการด้วยความระมัดระวัง
เซียวหมิงชิวพนักหน้าแล้วพูดว่า“ค่ะท่านพ่อ!”
ตอนนั้นเซียวเฉวียนก็หยิงผ้าพันคอที่พันอย่าหนาแน่นอออกมาแล้วสส่งให้เธอ “สวมนี่ซะ”
เพื่อไม่ให้ใครได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ
เมื่อเข้าใจถึงเจตนาของเซียวเฉวียน เซียวหมิงชิวก็หยิบผ้ามาใส่อย่างเชื่อฟัง
จากนั้นจึงออกไป
ก่อนจะไป เธอได้เตือนว่า “ท่านพ่อรอหมิงชิวอยู่ที่นี่ อย่าไปไหนไกลหล่ะ!”
แม้ว่าตรงนี้จะปลอดภัยแต่เธอก็อดกังวลไม่ได้
หากเกิดอะไรอันตราย แล้วเธอไม่ได้อยู่ที่นี่อีก ก็ลำบากแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...