หลายคนอดไม่ได้ที่จะมองคนผู้นั้นด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
เมื่อตระหนักได้ว่าตนเองทำให้ทุกคนขุ่นเคือง คนผู้นั้นก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมา ก้มหน้าเหมือนเงียบราวกับนกกระทา
เสียงที่ชาวบ้านพูดไม่ได้ดังมากนัก แต่ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงัด ประกอบกับการรับรู้ในเรื่องเสียงที่ยอดเยี่ยมของย่าเหยียน ทุกคำพูดของชาวบ้านนั้น นางได้รับรู้และรับฟังอย่างไม่ตกหล่น
สำหรับนางแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้
แน่นอน เจี้ยนจงเองก็ได้ยินสิ่งที่ชาวบ้านพูดคุยกันเช่นกัน
สำหรับเขาแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้เหมือนกัน
แต่แผนคลับจำนวนมากยืนรออยู่ที่นี่ เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อที่จะชมความสามารถของเขา
หากเขาจากไปอย่างง่ายดาย ชาวบ้านพวกนี้ก็อาจจะคิดว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าสู้แม้แต่กับผู้หญิงชรา
เขารู้ว่าย่าเหยียนไม่ใช่หญิงชราธรรมดา แต่ชาวบ้านไม่รู้เรื่องนี้
หากเขาเปิดฉากโจมตีขึ้นมา ย่าเหยียนจะต้องสวนกลับเป็นแน่
หากการต่อสู้เกิดขึ้น แยกไม่ออกว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายชนะ และคงยากที่จะยุติการต่อสู้
ดังนั้นเจี้ยนจงจึงต้องคิดหาหนทางประนีประนอม ไม่เพียงแต่ทำให้ตนเองไม่เสียหน้าต่อชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังต้องป้องกันไม่ให้เกิดการต่อสู้ขึ้นอีกด้วย
เขากระแอมออกมา “เห็นแก่ที่หอปี๋เซิ่งกำลังจะมีงานรื่นเริง ดังนั้นครั้งนี้ข้าจะไม่เอาความเจ้า”
ความหมายของมันก็คือ หากรู้ผิดชอบชั่วดี เจ้าก็จงรีบไปจากที่นี่เสีย อย่ามาสร้างปัญหาให้ที่นี่อีกเลย
ย่าเหยียนเข้าใจความหมายของมันโดยธรรมชาติ บังเอิญยิ่งนัก นางเองก็ไม่อยากจะสู้เหมือนกัน เนื่องจากหากสู้กันขึ้นมา มันก็ไม่ได้หมายความว่านางจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
เรื่องอาจั้นถูกลอบสังหาร มันทำให้ย่าเหยียนต้องไตร่ตรองความแข็งแกร่งของเซียวเฉวียนใหม่อีกครั้ง
แม้ความแข็งแกร่งของเซียวเฉวียนไม่อาจเทียบนางได้ แต่เขาก็มีพลังพอๆ กับนาง บางทีอาจจะยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่านางอยู่ก็ได้!
ก่อนที่จะเข้าใจสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับเซียวเฉวียน เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น นางไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้อีกต่อไป
แต่ด้วยรัศมีอันสูงส่งของเจี้ยนจง มันทำให้ย่าเหยียนรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก
จะไม่สู้ก็ได้ แต่ต้องควบคุมสถานการณ์กลับมาให้ได้
“ฮึ!” ย่าเหยียนพ่นลมหายใจอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็กล่าวออกมาว่า “เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร ข้าก็แค่ผ่านทางมาเท่านั้น ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย เช่นนั้นแล้วจะไปทำให้เจ้าขุ่นเคืองได้อย่างไร?”
หากต้องการให้ย่าเหยียนเรียกเจี้ยนจงอย่างสุภาพว่า “ท่าน” เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้
และหากต้องการให้นางเรียกเขาว่าบรรพชน นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่
นางต้องการจะสื่อออกมาว่า ข้าเป็นเพียงหญิงชราผู้อ่อนแอที่ผ่านทางมา อย่างน้อยในสายตาของชาวบ้านนางก็เป็นเช่นนั้น ผ้าแพรสีแดงของหอปี๋เซิ่งหายไปแล้ว จะเอาเรื่องนี้มาโทษนางได้อย่างไร จะบอกว่านางเป็นคนพาล ไม่ใช้เหตุผลอย่างนั้นหรือ?
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐาน มีแค่ดวงตาของเจ้าที่มองเห็น? แล้วคนอื่นเห็นมันหรือเปล่า?
ไม่มีทาง!
คำพูดเพียงอย่างเดียวนั้นมันไร้ประโยชน์!
ข้ายังพูดได้อีกว่า เจี้ยนจง เจ้าเป็นคนจงใจทำให้ผ้าแพรสีแดงหายไป จากนั้นก็โยนความผิดมาให้ข้า จงใจสร้างปัญหาให้กับข้าที่เป็นเพียงแค่หญิงชราผู้หนึ่ง!
หลังจากพูดจบ ย่าเหยียนก็มองไปที่เจี้ยนจงด้วยใบหน้ายั่วยุ
คำพูดพวกนี้ฟังแล้วมีน้ำหนักไม่น้อย ช่างเป็นคนที่มีวาทศิลป์ยิ่งนัก!
เจี้ยนจงชำเลืองมองย่าเหยียนด้วยสายตาอันเยือกเย็น แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา
โต้เถียงกับผู้หญิง เช่นนั้นแล้วไปเอาชนะนางได้อย่างไร?
หากเป็นฝ่ายชนะ นั่นก็แปลว่าเจ้าไม่มีความอดทน กับผู้หญิงเจ้ายังกล้าทำร้ายได้ลงคอ
หากแพ้ เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับคนขี้ขลาด แค่หญิงชราเพียงคนเดียวก็ยังเอาชนะไม่ได้
เจี้ยนจงเรียนรู้เรื่องไหวพริบพวกนี้มาจากเซียวเฉวียน เวลานี้การที่เขาเงียบอาจจะส่งผลดีกว่า
สายตาของชาวบ้านนั้นว่องไว หูของพวกเขาอ่อนไหวเป็นอย่างมาก
พวกชาวบ้านน่าจะได้ยินคำพูดที่หยาบคายและไร้มารยาทเมื่อครู่ของย่าเหยียนเป็นแน่
เนื่องจากไม่ใช้คำว่า “ท่าน” และก็ไม่ใช่คำว่า “บรรพชน” ในการเรียกเจี้ยนจง แต่กลับใช้คำว่าเจ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...