ตอนแรกที่เจี้ยนจงมาถึงหอปี๋เซิ่ง เขาได้ส่งข้อความถึงเซียวหมิงชิวว่า “เสี่ยวหมิงชิว บอกท่านพ่อของเจ้า ยัยแก่ผู้ชั่วร้ายกำลังกำเริบเสิบสานอยู่ตรงหน้าประตูหอปี๋เซิ่ง”
หลังจากเซียวเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างเฉยเมย “ไม่เป็นไร เรื่องนี้บรรพชนสามารถจัดการได้”
ความคิดของเขาก็เหมือนกับความคิดของเจี้ยนจง เมืองหลวงเป็นเมืองที่ไม่ขาดคนที่ชื่นชอบความสนุก และหอปี๋เซิ่งก็มีทำเลอันยอดเยี่ยมสำหรับผู้ชมที่ต้องการเข้าออก ในช่วงเวลาปกติทั่วไป แค่เรื่องเล็กน้อยก็สามารถดึงดูดผู้คนจำนวนมากได้เป็นเวลานาน
ยิ่งไปกว่านั้นหอปี๋เซิ่งกำลังจะเปิดกิจการอีกในไม่ช้า ผ้าแพรสีแดงทั้งหมดถูกทำลายไปแล้ว
ชาวบ้านในเมืองหลวงชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นเป็นที่สุด คิดว่าเวลานี้ด้านหน้าของหอปี๋เซิ่งคงถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนจริงไหม?
คิดว่าพวกเขากำลังตั้งหน้าตั้งตารอชมการต่อสู้ของเจี้ยนจงอย่างใจจดใจจ่อ
เซียวหมิงชิวกะพริบตา จากนั้นกล่าวออกมาว่า “ท่านพ่อไม่กังวลว่าจะเกิดการต่อสู้ระหว่างย่าเหยียนกับบรรพชนขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
สามารถบอกได้ว่า ย่าเหยียนได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่ในเมืองหลวง
แม้ว่าเซียวหมิงชิวจะไม่เคยต่อสู้กับอาจั้นมาก่อน แต่ก็รู้ว่าความแข็งแกร่งของอาจั้นนั้นไม่ธรรมดา และเขาก็ได้รับการยกย่องจากย่าเหยียนเป็นอย่างสูง
อาจั้นถูกสังหาร ย่าเหยียนจะต้องคิดว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในเมื่อนางเดินทางไปยังหอปี๋เซิ่ง มันก็น่าจะเป็นเพราะได้รับการปกป้องจากจวนเซียว และนางก็ทำอะไรกับจวนเซียวไม่ได้
เซียวเฉวียนกล่าวออกมาว่า “ไม่ นางแค่ไปทำลายผ้าแพรสีแดงที่หอปี๋เซิ่งเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะทำลายหอปี๋เซิ่ง”
นั่นก็หมายความว่า นางไม่อยากทำให้เรื่องราวมันแย่ลงไปกว่าเดิม
คนของนางถูกสังหารภายใต้จมูกของนาง เป็นไปได้หรือว่านางจะไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย?
ไม่ นางกำลังหวาดกลัว
ไม่อย่างนั้นนางคงไม่สร้างปัญหาที่หอปี๋เซิ่งเพียงเล็กน้อย
สถานการณ์ปัจจุบันของย่าเหยียนนั้นใหญ่หลวง
การที่นางสร้างปัญหาเพียงเล็กน้อย มันก็เป็นการบอกกับเซียวเฉวียนว่า หากนางคิดจะทำลายทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียน มันก็ง่ายเหมือนกับการพลิกฝ่ามือ
แต่นางไม่ได้ทำเช่นนั้น นั่นก็เพราะไม่อยากทำให้เรื่องใหญ่โต
พูดอีกอย่างก็คือ ตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือสังหารอาจั้น และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน ดังนั้นตอนนี้จึงไม่ใช่เวลาที่จะมาสร้างความรำคาญให้กับเซียวเฉวียน
แทนที่จะบอกว่านางไม่ต้องการสร้างความรำคาญให้เซียวเฉวียน แท้จริงแล้วนางไม่อยากไปยั่วยุเซียวหมิงชิวทั้งที่นางยังไม่มีเบาะแสอะไรเสียมากกว่า
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นางหวาดกลัวเซียวหมิงชิว
ที่นางทำเช่นนี้ อีกความหมายหนึ่งของมันก็เพื่อต้องการหลอกล่อให้เซียวเฉวียนออกมา
นางต้องการบอกเซียวเฉวียนว่า แม้ว่าจะหลบหนีได้ระยะหนึ่ง มันก็คงไม่มีทางหนีไปได้ตลอดชีวิต
รากฐานของเซียวเฉวียนอยู่ที่นี่ เวลานี้นางมีพลังเพียงพอที่จะถอนรากถอนโคนและทำลายทุกสิ่งของเซียวเฉวียน
หากเจ้าเซียวเฉวียนเข้าใจคำพูดเหล่านี้ ทางที่ดีก็ควรรีบออกมาจะดีกว่า
น่าขัน เซียวเฉวียนเป็นคนที่โง่เขลาถึงเพียงนั้นเลยงั้นหรือ?
ไม่มีโรงเตี๊ยมเขาก็ยังมีเงิน และสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้
นางทำอะไรกับจวนเซียวไม่ได้ สถานศึกษาชิงหยวนคือสถานที่ซึ่งสำคัญที่สุดสำหรับปัญญาชน นางเองก็ไม่กล้าแตะต้อง ยิ่งไปกว่านั้น นางก็คงแตะต้องมันไม่ได้ เซียวหมิงชิวบอกว่า นางได้ทำการกางม่านพลังปกป้องสถานศึกษาชิงหยวนเอาไว้แล้ว
สิ่งนี้มันเกินความคาดหมายของเซียวเฉวียนจริงๆ
เซียวหมิงชิวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ท่านพ่อเป็นห่วงมันขนาดนี้ เซียวหมิงชิวก็ต้องช่วยท่านพ่อปกป้องมันเป็นอย่างดี”
หอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันเป็นสถานบันเทิง มีคนมากหน้าหลายตาเข้าออกทุกวัน คงไม่สะดวกที่จะกางม่านพลังเพื่อป้องกัน เซียวหมิงชิวจึงเลือกที่จะไม่กางม่านพลัง
จวนเซียวกับชิงหยวนเป็นสิ่งที่ย่าเหยียนไม่อาจแตะต้องได้ เช่นนั้นเซียวเฉวียนยังจะต้องกังวลอะไร
สำหรับเพื่อนที่อยู่ในเมืองหลวงของเซียวเฉวียน เขามีเพื่อนตั้งมากมาย ย่าเหยียนกล้าสังหารพวกเขาทุกอย่างนั้นหรือ?
เขาไม่มีทางกล้า
แม้แต่หอปี๋เซิ่งนางยังไม่กล้าทำลายอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เช่นนั้นนางก็คงไม่มีทางกล้าสังหารคนที่มีความสัมพันธ์กับเซียวเฉวียนในเมืองหลวง เนื่องจากการทำเช่นนั้นอาจทำให้เซียวหมิงชิวโกรธขึ้นมาก็เป็นได้
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงไม่จำเป็นต้องกังวล
แต่เซียวหมิงชิวกลับไม่คิดเช่นนั้น นางถามออกมาว่า “ท่านพ่อไม่กลัวนางจะไม่สนใจสิ่งต่างๆ และเอาแต่ทำเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...