ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 2014

สรุปบท บทที่ 2014 ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน: ซูเปอร์ลูกเขย

บทที่ 2014 ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย

ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 2014 ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เจี้ยนจงปรากฏตัว ฉากนี้สงสัยคงสนุกมากเลย!

เห็นได้ชัดว่าความปรารถนาของผู้คนที่มาดูความสนุกมากกว่าความปรารถนาที่จะหลีกเลี่ยงปัญหา ทันทีที่เจี้ยนจงปรากฏตัว เท้าของทุกคนดูเหมือนติดกาวไว้และพวกเขาไม่สามารถยกขาขึ้นมาได้

ดวงตาของเจี้ยนจงจ้องมองไปที่ตัวย่าเหยียน เขาเลิกคิ้วและพูดด้วยท่าทีวางตัวว่า"ไม่ทราบว่าเจ้าสำนักเหยียนมาที่นี่ หมายความว่าอะไร"

มีผู้คนมากมาย แต่เจี้ยนจงเจาะจงเรียกชื่อของย่าเหยียนเพียงผู้เดียว คนที่มีจิตใจชัดเจนแค่ฟังก็รู้ว่า เก้าสิบเก้าเปอร์เซนต์ต้องเป็นหญิงชราที่อยู่ตรงหน้าเขาที่สร้างปัญหาแน่นอน

สายตาของทุกคนหันไปมองที่ย่าเหยียน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะขุดหลุมในตัวเธอ

แต่ถ้าเป็นเธอจริงๆ เพราะเธอคือคนที่สามารถทำลายผ้าไหมสีแดงได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้ ความแข็งแกร่งนั้นไม่สามารถไปดูถูกได้ และไม่ใช่คนธรรมดาอย่างพวกเขาสามารถไปยั่วยุได้

ดังนั้น พวกพลเรือนก็ถอยห่างออกไปไม่กี่เมตร และดูอยู่ในระยะไกลๆและนี่เป็นพฤติกรรมที่มีเหตุผลที่สุด

เผื่อทั้งสองคนจะต่อสู้กัน พวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากพลังของทั้งสองได้

เจี้ยนจงลงมือ และผลลัพธ์ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ!

หากไม่ใส่ใจเพียงครู่เดียว คุณอาจจะถูกพัดพาไปด้วยพลังที่เหลืออยู่ของเขาในเวลาไม่กี่นาที และยังสามารถล้มลงกับพื้นอย่างแรงได้

พวกเขาทุกคนมีร่างกายของมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่สามารถทนต่อการล้มเช่นนั้นได้อยู่

ย่าเหยียนมีท่าทางโกรธแต่ไม่แสดงออกมา ผมและเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายของเธอปลิวไปตามสายลม และเห็นได้ชัดว่าเธอพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ

เดิมทีเธอกำลังคิดอยู่ว่าจะหันหลังกลับและจากไป โดยไม่คาดคิดว่าเจี้ยนจงจะตามมา และยังเรียกชื่อเธออีก ดังนั้นเธอจึงต้องอยู่และเผชิญหน้ากับเจี้ยนจงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

เธอเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว“โลกใบนี้ใหญ่มาก ข้าอยากไปไหนก็ไปที่ไหนตามที่ข้าต้องการ ต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?”

ในแง่ของสถานะเธอสามารถพูดได้ว่าเป็นผู้อาวุโสของเจี้ยนจง ในแง่ของความแข็งแกร่งเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ ไม่รู้จริงๆว่าใครให้ความกล้าหาญเขามาพูดแบบนี้กับย่าเหยียน

ประเด็ดคือเขายังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าย่าเหยียนเพียงลำพังอีก

ถ้าหากเขาไม่ได้ปรากฏตัว ย่าเหยียนก็จะลืมเรื่องนี้และจะไม่ไปหาปัญหากับเขา

แต่ในตอนนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการหาปัญหากับเธอ

แน่นอนว่าย่าเหยียนจะไม่ไว้หน้าเขาแน่

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นพวกเดียวกันกับเซียวเฉวียนอีก

ที่ไม่ฆ่าเขาทันทีนั้น เป็นเพราะย่าเหยียนควบคุมตัวเองไว้

เพราะอย่างไรแล้วเธอยังคงต้องการซ่อนความแข็งแกร่งและตัวตนของเธอต่อไป และตอนนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังจับตาดูอยู่

ตราบใดที่เธอลงมือ เว้นเสียแต่ว่าเธอจะการสังหารหมู่ ไม่เช่นนั้น สิ่งที่เธอซ่อนนั้นก็จะไม่สามารถซ่อนไว้ได้อีกต่อไป

ซึ่งหมายความว่า ย่าเหยียนก็ได้ชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียในขณะที่พูดแล้ว

เธอไม่สามารถต่อสู้กับเจี้ยนจงได้ ต่อหน้าทุกคนที่จ้องมองอยู่ได้

ตราบใดที่ลงมือแล้ว เธอจะชนะก็ไม่ใช่ ไม่ชนะก็ไม่ใช่

หากเธอไม่ชนะ เธอก็จะต้องรับความสูญเสียจากเจี้ยนจง

หากเธอชนะ ผู้คนก็จะต้องประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของเธอ เพราะอย่างไรแล้ว ในสายตาของพวกเขาเจี้ยนจงคือที่หนึ่งในโลกไม่มีใครเทียบได้

แล้วพวกพลเรือนก็จะสงสัยเกี่ยวกับฐานะของเธอ

คนที่สามารถเอาชนะเจี้ยนจงได้ จะเป็นคนธรรมดาหรือ?

เจี้ยนจงเป็นบรรพชนของคนแห่งเขาคุนหลุน และยังสามารถพูดได้ว่าเป็นบรรพชนของต้าเว่ย เขาเป็นผู้ที่ความแข็งแกร่งที่สุด!

ดังนั้น หลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ย่าเหยียนจึงคิดว่าไม่ควรลงมือจะดีกว่า

เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า เจี้ยนจงรู้จุดอ่อนของเธอ เขาถึงจะมาที่หอปี๋เซิ่งเพียงลำพังเพื่อมาเผชิญหน้ากับย่าเหยียน

พูดให้ถูกก็คือเซียวเฉวียนสั่งให้เขามา

อี้กุยไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงต้องหาคนอื่นมาเป็นผู้ดูแลงานเปิดร้านในวันพรุ่งนี้

แม้ว่าเป็นผู้ดูแล แต่เป็นเพียงแค่ออกมาโชว์หน้าเพียงเท่านั้น เรื่องอย่างอื่น อี้กุยได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว

ทั้งหมดนี้ต้องใช้เงินทั้งนั้น

ในเมื่อเงินมีความสำคัญต่อเซียวเฉวียนมาก เจี้ยนจงจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วยเหลือเขา

ดังนั้น เพื่อดูสถานการณ์ปัจจุบันของหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนัน หลังจากที่เจี้ยนจงฟังเซียวหมิงชิวพูดจบ ก็เดินออกมาทันที

โดยไม่คาดคิด บังเอิญเห็นย่าเหยียนยืนอยู่หน้าประตูของหอปี๋เซิ่ง

แต่ด้านบนของประตูหอปี๋เซิ่ง เดิมทีจุดที่ควรจะแขวนป้ายนั้นกลับว่างเปล่า

ไม่จำเป็นต้องถาม เจี้ยนจงรู้ว่าต้องเป็นฝีมือของย่าเหยียนแน่

เธอไม่ได้บอกเจี้ยนจงเรื่องที่อาจั้นถูกเซียวหมิงชิวฆ่าที่หน้าประตูของจวนเซียว

ดังนั้น เจี้ยนจงจึงสงสัยมากว่า มองดูย่าเหยียนแล้วอายุก็คงมีพันปีแล้ว ทำไมลักษณะการจัดรูปแบบถึงเล็กอย่างนี้ หาตัวเซียวเฉวียนไม่เจอก็มากำเริบเสิบสานพาลพาโลที่หอปี๋เซิ่ง

เดิมทีเขายังลังเลเล็กน้อยว่าควรแสดงตัวในเวลานี้ไหม อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของเขาสู้ย่าเหยียนไม่ได้ หากมีการต่อสู้ขึ้นมา คนที่เสียเปรียบต้องเป็นเขาแน่นอน

อยู่กับเซียวเฉวียนมาเป็นเวลานาน แม้ว่าเจี้ยนจงจะไม่สามารถพูดได้ว่าเขาได้เรียนรู้จากเซียวเฉวียนมาสิบเต็มสิบแล้ว แต่ก็สามารถพูดแบบไว้หน้าก็คือเขาได้เรียนรู้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เซียวเฉวียนพูดบ่อยๆก็คือ อย่าต่อสู้กับการต่อสู้ที่ไม่แน่นอน

แต่เจี้ยนจงก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกว่าย่าเหยียนยอมจำนนต่อต่อนักปราชญ์มาโดยตลอด ไม่ใช่เพราะเธอไม่ต้องการให้โลกรู้ถึงความแข็งแกร่งและตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่ใช่หรือ?

ถึงแม้ว่าเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่ต้องการให้โลกรู้ มิฉะนั้น เธอก็จะไม่ทำลายผ้าไหมสีแดงอย่างเงียบๆเช่นนี้เหรอ

แต่เป็นการทำสงครามและทำลายหอปี๋เซิ่งที่สร้างขึ้นมาใหม่ หรือว่าไปที่จวนเซียวเพื่อก่อปัญหา หรือแม้แต่ไปที่ห้องหนังสือชิงหยวนเพื่อสร้างปัญหา และนี่ถึงจะเหมาะกับความแข็งแกร่งของเธอ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอแค่ก่อเรื่องวุ่นวายเล็กๆน้อยๆในหอปี๋เซิ่ง แต่เธอต้องการเตือนเซียวเฉวียนและแสดงอำนาจ

หรือบางทีเขาอาจต้องการบอกเซียวเฉวียนว่า ครั้งต่อไปมันจะไม่ง่ายเช่นนั้น

ทางนี้ ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน แม้ว่าดวงตาของพวกเขาทั้งสองจะเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ได้เริ่มต่อสู้กัน

ทางซินเจียง เซียวหมิงชิวกำลังรายงานเซียวเฉวียนเกี่ยวกับสถานการณ์ของเมืองหลวง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย