ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 2013

สรุปบท บทที่ 2013 ความโกรธของย่า: ซูเปอร์ลูกเขย

บทที่ 2013 ความโกรธของย่า – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย

ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 2013 ความโกรธของย่า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หลังจากเวลาผ่านไปดื่มน้ำชาไปครึ่งถ้วย สีหน้าของย่าเหยียนก็ได้แสดงท่าทางพึงพอใจ พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้กระดูกสันหลังเย็นลงตั้งแต่แรกเห็น

พูดให้ถูกก็คือ มันไม่ใช่รอยยิ้ม เพียงแต่มุมปากของเขาที่ไม่ได้เงยขึ้นมานานหลายร้อยปีเงยขึ้นมากะทันกัน

ใครก็ตามที่รู้จักเธออดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านจากก้นบึ้งของหัวใจ เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของเธอ ว่ากันว่าต้องมีปีศาจอยู่ในความผิดปกติอย่างแน่นอน

ย่าเหยียนมักจะจริงจังมาก และไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมา

ตราบใดที่อารมณ์ถูกเปิดเผยออกมา จะต้องมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอน

เธอพูดกับตัวเองว่า"ดีไม่เสียแรงที่ข้าฝึกฝนอบรมมาจริงๆ แข็งแกร่งมากจนรู้สึกแตกต่างออกไปเมื่อใช้มัน"

กระบวนท่าเมือกี้ คล้ายกับวิธีที่นักปราชญ์ฆ่าผู้คนและดูดซับจิตสำนึกแห่งวิญญาณของคนตายไป

พูดตามตรงแล้วคือ กระบวนท่าของเธอเป็นท่าที่ได้รับการอัพเกรดขั้นสุดยอดของนักปราชญ์ ซึ่งทรงพลังมากจนสามารถดูดซับศพได้

กล่าวอีกนัยหนึ่ง กระบวนท่าของของนักปราชญ์เขียนโดยย่าเหยียน เธอทำให้มันง่ายขึ้นและจงใจเขียนมันลงในห้องที่แอบซ่อนสมุดของสำนักหมิงเซียน

สำนักหมิงเซียนผ่านอะไรมามากมายนับพันปี มีผู้นำมากมายในอดีตราชวงศ์อยู่ มีเพียงนักปราชญ์เท่านั้นที่ได้เรียนรู้กระบวนท่าชั่วร้ายเหล่านี้

ใช่ อยู่ในสายตาของย่าเหยียน นี่เป็นกระบวนท่าชั่วร้าย และเธอจึงจำเป็นต้องใช้วิธีนี้เป็นทางเลือกสุดท้าย

และเธอได้เขียนกระบวนท่าไว้ในสำนักหมิงเซียน เป็นเพียงเพื่อให้ทางเลือกแก่ผู้นำในอดีตราชวงศ์ คงจะดีมากถ้าพวกเขาไม่เลือกที่จะเรียนรู้สิ่งนี้ ถ้าหากพวกเขาเรียนรู้มันเธอก็ไม่สามารถไปตำหนิพวกเขาได้ เพราะว่ากระบวนท่านี้ที่เล่าสืบๆกันมา

โชคดีที่ในบรรดาผู้นำมากมาย มีเพียงแต่นักปราชญ์เท่านั้นที่ได้เรียนรู้สิ่งนี้

มิฉะนั้น ชื่อเสียงของสำนักหมิงเซียนคงถูกทำลายไปนานแล้ว

ไม่มีความลับใดที่จะไม่มีวันรั่วไหล

ตราบใดที่มีคนเรียนรู้กระบวนท่าเหล่านี้ พวกเขาจะต้องฆ่าคนต่อไป

เมื่อใดก็ตามที่มีคนเสียชีวิตอย่างลึกลับ มันก็จะดึงดูดความสนใจของผู้คน

สวรรค์มีความยุติธรรมทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ แม้ว่าจะทำได้อย่างมิดชิดไม่มีช่องโหว่แค่ไหน แน่นอนว่ามันต้องถูกคนค้นพบเสมอ

มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาช้าหรือเร็วเท่านั้น

เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ของกองทัพตระกูลเซียวห้าหมื่นนาย แม้ว่าสิบห้าปีจะผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น แต่ก็ถูกเซียวเฉวียนรู้เรื่องเกี่ยวกับถูกใส่ร้าย และความจริงของเลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วถูกดึงออกไป

เรื่องของในโลกก็เป็นเช่นนี้ไม่มีข้อยกเว้น

เช่นย่าเหยียนที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกนี้มานานนับพันปี และคราวนี้เธอต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ที่เธอจะไม่สามารถซ่อนตัวเองได้อีกต่อไป

ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นประโยคเดิม ไม่ว่าเรื่องใดหรือผู้คนในโลกนี้ ไม่ว่าจะถูกซ่อนไว้ดีแค่ไหน ในที่สุดพวกเขาก็จะถูกค้นพบในสักวันหนึ่ง

นี่คือก็วิถีแห่งสวรรค์!

ดังนั้น เมื่อย่าเหยียนรู้ว่านักปราชญ์ได้ชักชวนหมิงเจ๋อไปฆ่าเซียวเฉวียน แต่หมิงเจ๋อไม่สามารถฆ่าแม้แต่เซียวเฉวียนที่ไม่มีแรงจะรั้งไก่ได้ เธอก็รู้ว่านักปราชญ์จะไม่สามารถฆ่าเซียวเฉวียนได้ในชาตินี้

พูดตามตรง เซียวเฉวียนไม่ใช่อย่างที่นักปราชญ์พูดเลย เป็นคนที่เหนือมนุษย์จำเป็นต้องถูกกำจัด

เขาได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์

ความแข็งแกร่งของหมิงเจ๋อก็ไม่ต่ำในเวลานั้น และเว่ยเชียนชิวซึ่งกำลังตามฆ่าเซียวเฉวียนในเวลาเดียวกันก็มีพลังมากด้วย และยังมี"สามผู้โง่เขลา"ที่ไม่ใช่คนธรรมดา

มีคนมากมายขนาดนี้ยังไม่สามารถฆ่าคนธรรมดาๆอย่างเซียวเฉวียนได้ และนี่สามารถบ่งบอกได้ว่า พวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเซียวเฉวียนได้

ดังนั้น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ย่าเหยียนได้ห้ามนักปราชญ์ไม่ให้มุ่งเป้าไปที่เซียวเฉวียน ห้ามมุ่งเป้าไปที่เซียวเฉวียน

สุดท้ายท่านผู้เฒ่าผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่ฟังแต่ยังหมกมุ่นอยู่กับมันด้วย หากหมิงเจ๋อทำไม่ได้เขาก็จะไปทำมันเอง และเปิดเผยตัวเองต่อเซียวเฉวียน

ช่างเป็นคนฉลาดมาทั้งชีวิต ก็ยังมีช่วงเวลาที่โง่เขลาจริงๆ!

ก็เพราะความโง่เขลาของเขาที่ทำลายสำนักหมิงเซียน

เมื่อกี้เธอได้ฟังความคิดในใจของเฉวียนจิ่ว และพบว่าเซียวเฉวียนเคยกลับมาแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในจวนเซียว

และเธอไม่สามารถทะลุผ่านม่านพลังของจวนเซียวได้

ดังนั้น ย่าเหยียนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้และหันหลังกลับและจากไป

ในชั่วพริบตาก็มาถึงหน้าประตูของหอปี๋เซิ่ง

ในเวลานี้ ด้านหน้าของหอปี๋เซิ่งได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม เพื่อพร้อมเปิดให้บริการในวันพรุ่งนี้

เมื่อมองดูผ้าไหมสีแดงที่ตกแต่งแล้ว ย่าเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง

ลูกน้องอาจั้นที่เก่งมากที่สุดของเธอตายไปแบบนี้ ตัวหน้งสือสีแดงที่เขียนไว้บนประตูของหอปี๋เซิ่งนั้น มองไปแล้วมันช่างเจ็บใจเหลือเกิน

ดังนั้น เธอจึงแอบใช้กำลังภายในทำลายป้ายคำขวัญที่ติดอยู่ที่ด่านบนของประตูที่ปกคลุมไปด้วยผ้าไหมสีแดง และผ้าไหมสีแดงทั้งหมดอย่างเงียบๆ

แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายที่มาดูและเดินผ่านไปเดินมาที่หน้าหอปี๋เซิ่ง แต่ก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนทำ พวกเขาเห็นเพียงแต่ป้ายคำขวัญที่ติดอยู่ที่ด่านบนของประตูและผ้าไหมสีแดงของหอปี๋เซิ่งหายไปในพริบตาอย่างอธิบายไม่ได้

กลางวันแสกๆเจอผีหลอกหรือ?

ทุกคนมีสีหน้าทั้งประหลาดใจและหวาดกลัว เดิมทีสีหน้าที่มีความสุขของพวกเขาก็หายไป และผู้คนที่มาดูความสนุกสนามก็ไม่มีแล้ว พวกเขาก็รีบวิ่งหนีออกจากสถานที่แปลกๆแห่งนี้

ในเวลานั้นเอง ก็มีเสียงตะโกนอย่างเย็นชาว่า"ใครหน้าไหน!กล้ามากำเริบเสิบสานพาลพาโลเช่นนี้ในหน้าประตูของหอปี๋เซิ่ง!"

ทั้งเสียงและหน้าตาเย็นชาจนทำให้รู้สึกเหมือนกำลังตกลงไปในห้องใต้ก้นดินน้ำแข็ง

คราวนี้มีเรื่องสนุกๆให้ดูแล้ว!

ผู้คนก็ชะลอการหลบหนีและมองย้อนกลับไปเพื่อดูว่า ใครหน้าไหนที่ไปกำเริบเสิบสานพาลพาโลเช่นนี้ในหน้าประตูของหอปี๋เซิ่ง แล้วใครเป็นคนออกมาสนับสนุนหนุนหลังหอปี๋เซิ่ง!

ท่ามกลางความคาดหวังของผู้คนแล้ว ก็มีชายร่างใหญ่สูงและสง่างามของเจี้ยนจงปรากฏตัวลงที่หน้าประตูของหอปี๋เซิ่งทันที

สิ่งนี้ทำให้เจี้ยนจงดูสง่างามมากยิ่งขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย