อ่านสรุป บทที่ 2012 สิ่งที่มีค่าสุดท้าย จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 2012 สิ่งที่มีค่าสุดท้าย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
มันเป็นอาวุธวิเศษแห่งคุนหลุน
แต่เซียวเฉวียนกลับนำมาเป็นที่เก็บอาหาร?
ก่อนหน้านั้นเป็นที่เก็บมันเทศ ถึงอย่างไรมันก็ยังดิบ
แต่ของเหล่านี้ปรุงสุกแล้ว
เซียวเฉวียนทำเหมือนมันเป็นตู้เย็นเสียอย่างนั้น?
แม้ว่าภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิจะไม่เคยเห็นตู้เย็นมาก่อน แต่มันก็เคยได้ยินจากปากของเซียวเฉวียน อาหารที่ปรุงสุกแล้วจะถูกเก็บในนี้ ซึ่งมันรักษาคุณภาพได้นานกว่าวางไว้ข้างนอก ไม่บูดด้วย
พูดง่าย ๆ คือไม่ให้เสียของ
ของที่กินไม่หมดเก็บใส่ตู้เย็นได้ อยากกินเมื่อไหร่ก็เอาออกมาอุ่น
เซียวเฉวียนเคยพูดว่าภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิมีคุณสมบัติแบบนั้น
ครั้งนี้เซียวเฉวียนคิดว่ามันเป็นตู้เย็นจริง ๆ ขี่ช้างจับตั๊กแตนจริง ๆ
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิฝ่าฝืนคำสั่งของเซียวเฉวียนเป็นครั้งแรก มันไม่รับอาหารที่เซียวเฉวียนโยนเข้ามา มันเอียงตัวหลบ ทำให้สัมภาระเหล่านั้นไม่ทะลุมันไป แต่ตกไปอยู่บนพื้นตามเดิม
การตอบสนองของรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิทำให้เซียวเฉวียนตื่นตกใจ เจ้านี่ไม่ฟังคำสั่งแล้วหรือ?
เซียวเฉวียนมองไปทางภาพรุ่งอรุณด้วยสายตาเปล่งประกาย “ภาพรุ่งอรุณ เหตุใดเจ้าถึงขัดคำสั่งของข้า?”
เซียวเฉวียนเป็นนายของมัน เป็นเจ้าชีวิตของมัน ทำไมมันถึงไม่ฟัง?
หรือว่าอยากขัดคำสั่ง?
ภาพรุ่งอรุณเคลื่อนตัวเล็กน้อยเหมือนกำลังจะบอกกับเซียวเฉวียนว่ามันไม่ได้ขัดคำสั่ง แต่ไม่อยากรักษาอาหารที่ปรุงสุกแล้วแทนเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนเหมือนจะเข้าใจความหมายของมัน จึงเอ่ยถามว่า “เจ้าไม่อยากเก็บสัมภาระเหล่านี้ใช่หรือไม่?”
ภาพรุ่งอรุณยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ยอมรับอยู่เงียบ ๆ
เซียวเฉวียนก็ยอมรับ จึงถามต่อ เพราะเหตุใด?”
ให้มันเก็บอาหารไม่ใช่ครั้งแรก
มันเทศและวัตถุดิบมันเก็บให้ได้ แต่สิ่งเดียวที่มันไม่รับคือสัมภาระเหล่านี้
สัมภาระเหล่านี้จะกินมันไหม?
ภาพรุ่งอรุณยืนอยู่ที่เดิม ครุ่นคิดว่าจะอธิบายกับเซียวเฉวียนอย่างไร
มันเทศมันยังดิบ ปริมาณเยอะและหนักมาก เซียวเฉวียนแค่อาศัยมันในการขนย้าย
ส่วนวัตถุดิบ ภาพรุ่งอรุณแบกให้ได้ ถึงอย่างไรเซียวเฉวียนก็ไม่ได้ใช้บ่อยมันไม่จำเป็นต้องเอาออกมา
แต่อาหารเหล่านี้มันไม่เหมือนกัน กินวันละสามมื้อ พูดได้ว่ามันต้องเอาออกมาอน่างน้อยสุดสามครั้ง
ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ภาพรุ่งอรุณนั้นขี้เกียจ
แต่จะอธิบายกับเซียวเฉวียนยังไงนั้นมันไม่รู้
มันก็ยังลอยเคว้งอยู่ที่เดิม หวังให้เซียวเฉวียนเก็บคำสั่งนั้น
เซียวเฉวียนจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ของที่อยู่ในสัมภาระเหล่านี้ ข้ากับเหมิงชิวกินไม่หมด ถ้าไม่เก็บที่เจ้ามันก็บูด”
อาหารที่บูดมันน่าเสียดาย เซียวเฉวียนยังคงคิดหาทางรักษามันไว้ ถึงได้ยุ่งยากเช่นนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ เซียวเฉวียนคงไม่เรียกภาพรุ่งอรุณออกมา
พอได้ยินเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ ภาพรุ่งอรุณจึงพลิกตัว กางภาพออกและดูดสัมภาระเหล่านั้นเข้าไป
ถือว่าเป็นการตอบรับว่าช่วยรักษาอาหารเหล่านี้ให้กับเซียวเฉวียน
เนื่องจากเป็นสิ่งที่ต้องทำ มันไม่สามารถขี้เกียจได้
เรื่องอาหารได้รับการแก้ไขแล้ว ต่อไปก็เรื่องที่อยู่
ลำพังแค่เซียวเฉวียนเองนอกตามต้นไม้และใต้ต้นไม้ได้ แต่พอมีเซียวหมิงชิวตามมาด้วย ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีที่กำบังฝนให้นาง
สร้างบ้านสักหลังดูจะเกินจริงไปหน่อย ถึงอย่างไรเซียวเฉวียนก็เป็นผู้บาดเจ็บ ใช้แรงไม่ได้ ต้องรักษาตัว
อีกฝ่ายไม่อยากให้ย่าเหยียนรู้สถานะของเขา จึงไม่ออกมาพบนาง
อาจจะมีแค่ความเป็นไปได้นี้ที่พอจะสมจริง
ไม่อย่างนั้นคนธรรมดาที่ไหนจะเก่งสู้เซียวเฉวียนได้ แต่ก็ยอมเสียเปรียบต่อหน้าย่าเหยียน
พูดได้ว่าถ้าเซียวเฉวียนไม่บาดเจ็บ เขาคงอยากถลกหนังคนที่คิดจะฆ่านาง ซึ่งเป็นเรื่องที่เป้นไปไม่ได้
ถ้ามีคนเหมือนนางปรากฏตัวจริง ๆ ศักยภาพของอีกฝ่ายจะต้องเหนือชั้นกว่านาง
คิดได้ดังนั้นย่าเหยียนก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
ศักยภาพเหนือชั้นกว่านางเหตุใดถึงไม่กล้าออกมาสู้กับนาง
ถ้าไม่อยากเปิดเผยสถานะ แค่อยากฆ่าย่าเหยียน เช่นนั้นต้องมีคนรู้แน่?
ยิ่งคิดย่าเหยียนก็ยิ่งไม่แน่ใจถึงที่มาและเป้าหมายของอีกฝ่าย
ในเมื่อเขารู้ว่าย่าเหยียนมาถึงจวนเซียว ก็แสดงว่ารู้ว่าเซียวเฉวียนอยู่ที่ไหน
เขาคอยตามเซียวเฉวียนอยู่เงียบ ๆ ปกป้องเซียวเฉวียนอยู่เงียบ ๆ ?
แบบนี้เซียวเฉวียนจะปลอดภัย
ดังนั้นอีกฝ่ายจะเป็นห่วงเซียวเฉวียนไม่ก็จวนเซียวสินะ?
คิดไปคิดมาย่าเหยียนก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย
นางเห็นอาจั้นนอนอยู่บนพื้น จากนั้นก็ปรายตามองไปรอบ ๆ หลังจากมั่นใจว่าไม่มีใครแล้วนางก็เอ่ยว่า “ข้าและเจ้าเป็นนายบ่าวคู่กันมาตลอด ทุกอย่างที่เจ้ามีก็มาจากข้า นี่คือของมีค่าชิ้นสุดท้ายของเจ้า”
กล่าวจบนางก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกไป ลงมือเบา ๆ หมกสีดำออกจากมือของนางพุ่งเข้าร่างของอาจั้นด้วยความเร็วปานสายฟ้า
พริบตาเดียวหมอกดำนั้นก็กลับมายังฝ่ามือของนาง แล้วศพของอาจั้นก็หายไป
นี่คือวิธีการทำลายซากศพ
กระทั่งหมอกควันซึมอยู่สู่ฝ่ามือของนาง ย่าเหยียนนตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ จากนั้นใบหน้าของนางก็ปรากฏสีหน้ามีความสุข คล้ายกับได้กินอาหารที่มันเลิศรส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...