กระทั่งเซียวเฉวียนสงสัย ไม่มีแม้แต่จะซื้อ เซียวหมิงชิวเดินผ่านแผงลอย จับโน้นจับนี้แล้วก็ไป
แค่ความเร็วของนาง กระทั่งนางไปไกลแล้ว เถ้าแก่ร้านแผงลอยเพิ่งจะได้สติ
อย่าว่าแต่จะไล่ตามนางเลย เถ้าแก่ร้านแผงลอยก็คงไม่คิดว่าจะมีคนเอาของไป แค่คิดว่าเจอผีกลางวันแสก ๆ เท่านั้น
หิวจนหลอน
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ๆ เซียวหมิงชิวไม่เพียงแต่ทำให้กิจการค้าขายของเถ้าแก่ร้านแผงลอยเสียหาย แม้แต่ไหวพริบก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย
พลาดมหันต์จริง ๆ
พอได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหมิงชิวหวาดกลัวเซียวเฉวียน ตกลงว่าเขาใช่บิดาของนางหรือไม่?
ต่อให้เขาจะไม่เชื่อเซียวหมิงชิว แต่ก็เชื่อในตัวเอง พ่อแบบยังทำผิด ผู้น้อยย่อมทำตาม
เซียวเฉวียนจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้?
ก็จริง
ใช่ เซียวหมิงชิวเตรียมอาหารเหล่านี้ด้วยตัวเอง แต่นางใช้เงินทองซื้อมัน
ต่าเถ้าแก่ร้านแผงลอยไม่อยากให้คนอื่นเห็นท่าทีของนาง นางหยิบของไป วางเงินและจากไป
เงินถือว่าไม่น้อย เถ้าแก่ร้านแผงลอยไม่มีขาดทุนแน่นอน!
เซียวเฉวียนอดขบขำให้กับท่าทีดูถูกของบุตรสาวคนนี้ไม่ได้ กระทั่งเอ่ยว่า “เป็นความผิดของพ่อเองที่ไม่น่าชี้ทางเช่นนี้”
เซียวหมิงชิวแกล้งส่งเสียงฮึดฮัด ก่อนจะหยิบขนมชิ้นหนึ่งเข้าปาก
กัดไปหนึ่งคำถึงได้รู้ว่าขนมชิ้นนี้แข็งเล็กน้อย ไม่ใช่สิ่งที่ฟันในวัยของนางจะรับได้
ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แค่ต้องออกแรงเพิ่ม
กินอาหารเพื่อเสพสุขกลิ่นอายของชีวิต ถ้าเสพสุขไม่ได้ เซียวหมิงชิวไม่ยอมกินเด็ดขาด นางยื่นขนมให้เซียวเฉวียน “ท่านพ่อ ท่านกินสิ”
เซียวเฉวียนรับไป กินพลางเอ่ยว่า “หมิงชิวรู้ความ รู้ว่าตัวเองต้องเตรียมอาหาร”
แต่เซียวเฉวียนอยากรู้ว่านางไปเอาเงินมาจากไหน?
หรือว่านางไปถามองค์หญิงเอง?
วัยอย่างนางจะรอบคอบเช่นนี้หรือ?
เซียวหมิงชิวหยิบขาไก่หนึ่งชิ้น จากนั้นก็กินอย่างเอร็ดอร่อย นางกินพลางเอ่ยว่า “หมิงชิวเป็นคนเตรียมวัตถุทั้งหมด แต่หมิงชิวไม่ได้คิดเอง ท่านแม่สั่งมา”
หลังจากที่เซียวหมิงชิวตระหนักได้ถึงระยะทางที่ไกลเข้าเรื่อย ๆ ระหว่างนางกับเซียวเฉวียน นางก็พอเดาได้ว่าเซียวเฉวียนอยากหนีห่างเมืองหลวง เพื่อไม่ให้เซียวเฉวียนคลาดกับนาง นางจึงตรงไปบอกกล่าวถึงสาเหตุคร่าว ๆ กับองค์หญิง เตรียมออกจากวังเพื่อตามเซียวเฉวียน
แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้องค์หญิงเป็นกังวล เซียวหมิงชิวไม่ได้บอกกล่าวเรื่องของย่าเหยียน ไม่ได้บอกว่าเซียวเฉวียนกำลังหนี บอกแค่ว่าเซียวเฉวียนทำเพื่อความปลอดภัย หนีห่างเมืองหลวงไปรักษาตัว
เซียวเฉวียนจึงอยากให้นางไปอยู่ข้างกาย
องค์หญิงคิดว่าเป็นความจริง จึงให้เซียวหมิงชิวรอ นางตระเตรียมสิ่งของและเสบียงแก่สองพ่อลูก
ขณะที่เวลากระชั้นชิดเข้ามา ถ้ารอองค์หยิงตระเตรียมจนเสร็จ เซียวเฉวียนแวะพักที่ใด เซียวเฉวียนอาจจะไล่ตามไม่ทันก็ได้
ดังนั้นเซียวหมิงชิวจึงหาข้ออ้าง บอกว่าเซียวเฉวียนเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่ต้องลำบากองค์หญิง
จากนั้นเซียวหมิงชิวก็ถือโอกาสขอตำลึงจากองค์หญิง บอกว่าเซียวเฉวียนปรารถนาให้พกติดตัวไป
ต้องรู้ก่อนว่าในตอนที่เซียวเฉวียนอยู่ในศาลาคุนหวู่ ภายใต้หลังคาเดียวกัน การขอเงินจากใครไม่ใช่เรื่องง่าย หรือต่อให้ไม่ได้อยู่ในศาลาคุนหวู่ เซียวเฉวียนก็เป็นบุรุษ ไม่มีเงินติดตัวถือว่าปกติ คิดได้เช่นนี้องค์หญิงจึงไม่สงสัยเขา ให้เงินถุงหนึ่งกับเซียวหมิงชิว
หลังจากได้เงินมา เซียวหมิงชิวก็ออกจากวังอย่างไม่ลังเล กินตามใจปากระหว่างที่ไล่ตามเซียวเฉวียน
หลังจากได้ยินว่ายังชีพจรมังกร เซียวเฉวียนอดยกนิ้วโป้งไม่ได้ก่อนเอ่ยว่า “ทำได้ดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...