ตอน บทที่ 2010 เห็นในมุมจำกัด จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 2010 เห็นในมุมจำกัด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
คนยิ่งเยอะเป้าหมายก็ยิ่งเยอะ ยิ่งกิเลนตัวใหญ่ เป้าหมายก็ยิ่งใหญ่ไปด้วย
ถ้าถูกย่าเหยียนจำได้ระหว่างที่บิน ร่องรอยของเซียวเฉวียนอาจจะถูกเปิดเผยก็ได้
เห็นได้ชัดว่าความเร็วของเซียวหมิงชิวเร็วกว่าย่าเหยียน ไม่มีทางยอมให้ใครจับไต๋ได้ง่าย ๆ
เป้าหมายจึงดูเล็กลงทันตา
เซียวเฉวียนต้องไปรักษาบาดแผล ไม่ใช่ไปทะเลาะ มีเซียวหมิงชิวนำพาแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีกิเลน
ในเมื่อเจ้านายคิดเช่นนี้ กิเลนก็ต้องเชื่อฟัง มันลุกขึ้น มองเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็พุ่งทะยานออกไป ก่อนจะหายตัวไปจากสายตาของเซียวเฉวียน
เซียวหมิงชิวเอ่ย “ท่านพ่อ เราไปกันเถอะ!”
สิ้นสุดเสียง นางก็โบกมือเล็ก ๆ พาเซียวเฉวียนขี่เมฆไป ความเร็วระดับนี้เร็วกว่าการเคลื่อนไหวของเซียวเฉวียนเสียอีก
เป็นเช่นนี้จริง ๆ การเคลื่อนไหวของเซียวเฉวียนและชิงหลงว่องไวมาก ย่าเหยียนผู้นั้นก็เร็วปานธนูไม่แพ้กัน แต่เซียวหมิงชิวยิ่งกว่าความเร็วแสง
เร็วจนเซียวเฉวียนตกใจไม่น้อย!
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเซียวเฉวียนคือ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของพวกเขาเร็วเกินไป อาจจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดบริเวณตาและหูอยู่เลือนราง เซียวหมิงชิวบินเร็วเพียงนี้ แต่เซียวเฉวียนกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น
น่าประหลาดยิ่งนัก
เซียวหมิหมั่นโถวชิวเห็นสีหน้างุนงงของเซียวเฉวียน นางจึงคลี่ยิ้มและเอ่ยว่า “ท่านพ่อไม่รู้อะไร หมิงชิวใช้กำบังปกป้องท่านอยู่”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง มิน่าล่ะเซียวเฉวียนถึงได้ยินเสียงลมที่พัดผ่านอยู่ข้างหู แต่กลับไม่ได้รู้สึกว่ามันตีหน้าแต่อย่างใด
เด็กคนนี้รอบคอบเพียงนั้นเชียว
ไม่เลวจริง ๆ !
ต้องรู้ก่อนว่าลูกหลานบ้านอื่นอายุแค่นี้ยังเอ้อระเหยลอยชาย
เซียวหมิหมั่นโถวชิวพูดได้ว่าเป็นลูกหลานบ้านอื่น เซียวเฉวียนพ่อคนได้สมบทบาท น่าภูมิใจอยู่ลึก ๆ ในใจ
แต่คนเราก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เซียวเฉวียนกลัวว่าเด็กคนนี้จะมีความสามารถและมีความคิดเป็นของตัวเองเกินไป หากเขาไม่ได้ตักเตือนนาง ก็กลัวว่านางจะหลงระเริงกับสิ่งเหล่านั้น!
วันนี้นางยอมเชื่อฟังเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนจึงรีบชิงพูดดักนางไว้ก่อน “หมิงชิว ต่อไปไม่ว่าเจ้าจะไปที่แห่งใด ทำสิ่งใดต้องบอกพ่อกับแม่ก่อนเสมอ อย่าทำให้พ่อกับแม่ของเจ้าต้องเป็นกังวล เข้าใจไหม?”
เด็กคนนี้แค่ความสามารถของนาง ไม่ว่านางจะทำสิ่งใด เซียวเฉวียนไม่มีทางขวางนางได้ ต้องใช้เหตุผลในการโน้มน้าวใจ
ใช้แค่ไพ่ความรู้สึกดูจะเหมาะสมที่สุดแล้ว
ดังนั้นไพ่ใบนี้ทำให้เธอปรับตัวให้เข้ากับเรื่องราวต่าง ๆ ได้ตั้งแต่เด็กจนโต หารือกับเซียวเฉวียนและองค์หญิงเป็นชีวิตจิตใจ
จนกลายเป็นความเคยชินอย่างเป็นธรรมชาติ
พอเป็นเช่นนี้ เซียวเฉวียนก็ไม่ต้องกังวลว่านางจะทำอะไรที่มันพลการอีก
แต่เซียวเฉวียนก็ไม่ใช่คนที่ต้องให้นางรายงานเขาตลอดเวลา ตอนนี้ที่ช่วยนางก็เพราะอายุที่ยังเด็กของนาง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เซียวหมิงชิวจะทำอย่างไรได้ จะกล้าเปิดศึกกับย่าเหยียนผู้มีประวัติศาสตร์อันเลื่องลือมานับพันปีหรือ
นี่สินะ ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด โดยเฉพาะย่าเหยียนที่ยิ่งกว่าขิงพันปีเสียอีก
ดังนั้นก่อนจะกำจัดย่าเหยียน เซียวหมิงชิวห้ามทำอะไรที่พลการ นอกจากย่าเหยียนแล้ว เซียวหมิงชิวสามารถทำอะไรได้ตามใจตัวเองเมื่ออายุหกปี
พูดได้ว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องกำจัดย่าเหยียน เซียวหมิงชิวอายุหกปี เซียวเฉวียนไม่กล้าล้ำเส้นอิสระของนาง
เซียวหมิงชิวพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนเอ่ยว่า “เจ้าค่ะ เชื่อฟังท่านพ่อ”
กล่าวจบ ใบหน้าของเซียวเฉวียนก็ปรากฏรอยยิ้มของอาวุโส “อื้อ เด็กดี”
ต้องบอกว่า ความเร็วของเซียวหมิงเซวียนเร็วเหนือจินตนาการของเซียวเฉวียน เพียงชั่วอึดใจเดียวนางก็พาเซียวเฉวียนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งของซินเจียง
เซียวเฉวียนยังไม่ทันจะได้สติ เซียวหมิงชิวก็คลี่ยิ้มและเอ่ยเตือน “ท่านพ่อ เราถึงแล้ว ท่านดูสิว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ปัญหาคือไม่ได้
ขณะที่เซียวเฉวียนกำลังครุ่นคิดว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของสองพ่อลูกอย่างไรนั้น เซียวเฉวียนชิวกลับยิ้มตาหยีและเอ่ยว่า “ท่านพ่อ ท่านดูนั้น นี่คืออะไร”
ขณะเดียวกัน เซียวหมิงชิววางสัมภาระลงบนพื้น จำนั้นก็เปิดออกและเอ่ยว่า “นี่คือของที่ท่านแม่เตรียมไว้ในเรา”
นี่ตือสิ่งที่แม่เป็นกังวลเมื่อลูกชายต้องเดินทาง
เซียวเฉวียนคุกเข่าลง เปิดหาของที่อยู่ในกระเป๋ากับเซียวหมิงชิว
มีกระเป๋า หมั่นโถว ขาไก่และขนม
แม้จะดูไม่มากสิ่ง แต่ปริมาณก็มากพอตัว กระเป๋าใบใหญ่ ถ้าดูจากปริมาณการกินของคนทั่วไปแล้ว กินได้หนึ่งเดือน
แต่สมัยโบราณ ที่เก็บอาหารไม่ถือว่ามานัก ไม่มีตู้เย็น ตามสภาพเวลาล้อมเก็บได้ไม่นาน
ที่เก็บได้ก็จะมีหมั่นโถวและขนม ได้แค่สามวัน
โชคดีที่เซียวเฉวียนพาภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนมาด้วย
ในนั้นมีสภาพแวดล้อมที่สมจริง วางอาหารเข้าไปไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่
องค์หญิงตระหนักเรื่องนี้ได้ จึงเตรียมอาหารจำนงนมาไว้สำหรับสองพ่อลูก
แต่สิ่งที่ทำให้เซียวเฉวียนประหลาดใจ ในเมื่ององค์หญิงคิดได้ ทำไมถึงเตรียมขาเป็ดอะไรนั้นให้เซียวเฉวียน
ถึงอย่างไรก็เก็บที่เดียวกัน
คิดได้ เซียวเฉวียนก็เอ่ยถามจิตวิญญาณของเขา “หมิงชิว อย่าบอกนะว่าเจ้าเป็นคนซื้อของพวกนี้?”
เซียวเฉวียนเล็งเห็นว่าเซียวหมิงชิวอาจจะซื้อระหว่างที่ไล่ตามเขามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...