เนื่องจากเร่งรีบออกเดินทาง เซียนเฉวียนจึงลืมแจ้งเรื่องนี้กับเซียวหมิงชิว ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะตระหนักได้และไล่ตามมาเพราะเรื่องนี้หรือไม่
ทันทีที่คิดได้นางอาจจะไล่ตามมา เซียวเฉวียนจึงอดปวดหัวไม่ได้ ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก
เป็นอย่างที่เซียวเฉวียนคาดการณ์ไว้ กิเลนยังไปได้ไม่ไกลนัก กระทั่งได้ยินเสียงเซียวหมิงชิวข้างหู นางจึงโพล่งด้วยความขุ่นเคือง “ท่านพ่อพูดไม่เป็นคำพูด คนโกหก!หึ!”
ไอหยา บอกนางก่อนที่จะหลบหนีทันใช่หรือไม่
น้ำเสียงนี้คล้ายกับว่าจะไม่พานางไปด้วยไม่ว่าเซียวเฉวียนจะไปที่ไหนหรือกินอะไร
ให้ตายเถอะ เขากำลังหลบศัตรู!
ยังไม่ทันที่จะโน้มน้าวให้เซียวหมิงชิวรอยู่ในตำหนักอย่างว่าง่าย จู่ ๆ เซียวเฉวียนก็ได้ยินเสียงของนางดังขึ้นด้านหลัง “ท่านพ่อ!”
ใช่ นางไล่ตามมา!
อยากจะสะบัดทิ้งก็ทำไม่ได้!
ในเมื่อไล่ตามมาทันแล้ว เซียวเฉวียนจึงไม่ไล่นาง และเอ่ยว่า “เข้าไปทักทายแม่ของเจ้าแล้วใช่หรือไม่?”
ไม่ว่าอย่างไรร่องรอยขององค์หญิงจะหายไม่ได้ เดี๋ยวนางจะเป็นห่วง
เซียวหมิงชิวเอ่ย “ทักทายแล้วเจ้าค่ะ”
มีเซียวเฉวียนคอยกำชับ เซียวหมิงชิวจะกล้าออกมาเงียบ ๆ หรือ?
เซียวเฉวียนเอ่ยอย่างภูมิใจว่า “ใช้ได้”
จู่ ๆ กิเลนก็หยุดชะงักท่ามกลางป่าดงพงไพร เซียวเฉวียนเองก็เพิ่งตระหนักได้ เขายังไม่บอกสถานที่กับกิเลนเลยสักครั้ง
เซียวเฉวียนครุ่งคิด ก็ยังคิดไม่ออกว่าที่ไหนเหมาะกับการซ่อนตัว เขาเอ่ยถาม “อี้น้อย เจ้าว่าเราควรไปที่ไหนดี?”
อี้กุยเป็นคนพื้นเพอยู่ในต้าเว่ย ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวง เขาน่าจะคุ่นชินมากกว่าเซียวเฉวียน
ถามเขาก็ถูกแล้ว
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเซียวเฉวียนคือคำถามนี้ต้องถามอี้กุยนั่นแหละถูกแล้ว
เขารู้ว่าธุรกิจอะไรทำแล้วสร้างเงิน แต่ไม่รู้ว่าที่ไหนเหมาะกับการซ่อนตัวที่สุด
หลังจากครุ่นคิดเขาก็แนะนำว่า “คุนหลุนเป็นอย่างไร?”
อี้กุยคุ้นเคยกับภูเขาคุนหลุนเป็นอย่างดี เขาเคยไปบ่อย
ที่นั่นมีชิงหลงให้พึ่งพา อี้กุยคิดว่าคงเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
พึ่งพาชิงหลง?
งั้นก็ช่างเถอะ ชิงหลงยังเอาตัวเองไม่รอดเลย
เมื่อเอ่ยถึงชิงหลง ก็ไม่รู้ว่าไป๋ฉีจะช่วยชิงหลงออกมาได้สำเร็จหรือไม่ เพราะไป๋ฉีไม่ได้รายงานเซียวเฉวียนหลายวันแล้ว
ตามหลักเหตุผลแล้ว ไม่ว่าจะช่วยออกมาได้หรือไม่ ไป๋ฉีก็ควรรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซียวเฉวียน ให้เซียวเฉวียนรู้ผลลัพธ์
แต่นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ยังไม่มีข่าวคราวกับไป๋ฉีเลย เซียวเฉวียนคิดว่าอาจจะเป็นเพราะระยะทางของเขาและไป๋ฉีที่ไกลเกินไป ทั้งสองคนจึงเชื่อมจิตถึงกันไม่ได้
ใช่ เซียวเฉวียนเชื่อใจไป๋ฉีมาก เขาคิดว่าไป๋ฉีติดต่อเขาไม่ได้ ไม่คิดว่าไป๋ฉีจะเกิดเรื่อง
คนที่เขาพาออกมา เขารู้ว่าศักยภาพของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร
การไปภูเขาคุนหลุน การหลบออกมาอย่างปลอดภัยไม่ได้สร้างความกดดันให้กับไป๋ฉีแต่อย่างใด
ได้ยินว่าชิงหลงถูกขังโดยผู้อาวุโสในเผ่า การให้ไป๋ฉีไปช่วย อี้กุยต้องละทิ้งความคิดที่จะไปภูเขาคุนหลุนอย่างไม่อาจหลบเลี่ยงได้
เขาพูดว่า “ท่านปู่น้อยตัดสินใจเถอะ”
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะอยู่ต้าเว่ยไม่นานนัก แต่ระยะเวลาสั้น ๆ แค่สองเดือน เขาเดินทางไปทั่วราชอาณาจักรแล้ว ไปหลายที่มากกว่าอี้กุยเสียอีก
พอได้ยิน เซียวเฉวียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจ “ไปกันเถอะ เราไปซินเจียงกันเถอะ”
เกรงว่าย่าเหยียนจะมั่วแต่เพ้อฝัน เซียวเฉวียนต้องไปซินเจียง
ซินเจียงนั้นกว้างขวาง และห่างไกลผู้คนมาก
ตราบใดที่เซียวเฉวียนซ่อนตัวได้ ก็ไม่มีใครรู้จักเซียนเซวียน
ครั้งนี้ ย่าเหยียนกลัวว่าจะไม่เจอใครในซินเจียงเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...