ตอน บทที่ 2008 ทารุณสัตว์ จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 2008 ทารุณสัตว์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
มีคนกล้าที่จะแอบยิงธนูทำร้ายคนต่อหน้าต่อตานาง!
สายตาของย่าเหยียนมองไปรอบๆอย่างดุเดือด น้ำเสียงเยือกเย็นพูดว่า :“ใครกัน!ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
จะสู้ก็ออกมาสู้กันซึ่งๆหน้าสิ ทำหลบๆซ่อนๆ มันเรียกว่าขี้ขลาด!
สถานการณ์ตอนนั้นเงียบสงบไปสามวินาที ก็ยังไม่มีใครออกมา ย่าเหยียนทนไม่ได้ส่งเสียงเหอะออกมาหนึ่งคำ และพูดเยาะเย้ยว่า:“ทำไม?ไม่กล้าออกมาพบข้างั้นเหรอ?”
คิดว่าใช้การกระตุ้นเชิงรุกแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับเงียบสงบไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
สิ่งที่ย่าเหยียนไม่รู้ก็คือ ตอนที่เซียวหมิงชิวเห็นมีดเสียบเข้าไปที่ร่างกายของอาจั้น นางก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ในตอนนี้ เซียวหมิงชิวอยู่ที่ห้องทางฝั่งตะวันตกของศาลาคุนหวู่ กำลังรายงานผลงานที่นางทำให้เซียวเฉวียนรับรู้
ใช้คำพูดเพียงสี่คำในการรายงาน นั่นก็คืองานใหญ่สำเร็จแล้ว!
เมื่อรู้ว่าม่านกั้นที่เซียวหมิงชิวสร้างขึ้นแม้แต่ย่าเหยียนก็ไม่สามารถทำลายได้ เซียวเฉวียนก็รู้แล้วว่านางสามารถฆ่าอาจั้นได้สำเร็จ ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว
แต่เซียวหมิงชิวยังเป็นเด็ก ต้องการได้รับคำชื่นชม เซียวเฉวียนพูดทันทีว่า:“หมิงชิวทำได้ดีมาก!”
ชื่นชมก็ส่วนชื่นชม แต่ครั้งนี้ออกไปจากพระราชวังโดยไม่บอกใครเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เซียวเฉวียนพูดว่า :“หลังจากนี้ห้ามทำอย่างนี้อีกนะ”
โชคดีตอนที่นางออกไป ตอนนั้นเห็นย่าเหยียนอยู่ที่หน้าประตูของจวนเซียว ไม่ได้เข้าไปต่อสู้กับย่าเหยียนในทันที แต่เอาเรื่องนี้มาบอกกับเซียวเฉวียนก่อน
มิฉะนั้น ถ้านางเขาไปต่อสู้กับย่าเหยียนในทันที ผลลัพธ์ที่ตามมาไม่อาจคาดเดาได้
เซียวเฉวียนยังไม่วางใจที่จะให้เซียวหมิงชิวไปต่อสู้กับย่าเหยียนเพียงลำพังคนเดียว
เซียวหมิงชิวทำปากจู๋และพูดว่า:“รู้แล้ว ท่านพ่อ!”
นางรู้ว่าเซียวเฉวียนยังพูดไม่จบ คำพูดเหล่านี้ นางฟังมาหลายรอบแล้ว นางจดจำคำพูดของเซียวเฉวียนได้ขึ้นใจ ถึงไม่ได้ไปต่อสู้กับย่าเหยียนเพียงลำพัง แต่เซียวเฉวียนก็ยังไม่วางใจอยู่ดี
จะโทษเซียวเฉวียนก็ไม่ได้ ในฐานะพ่อ เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของลูก มันก็เป็นเรื่องธรรมดา
ในโลกใบนี้ พ่อแม่ทุกคนย่อมเป็นห่วงกังวลต่อลูกของตัวเองทั้งนั้น
คำพูดที่เซียวเฉวียนกำชับสั่งสอน เซียวหมิงชิวฟังมากมายหลายครั้งแล้ว สถานการณ์นี้ไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว และไม่มีทางหลบหนีได้
นางทำท่าทางน่ารักและพูดว่า :“ท่านพ่อพูดถูก งั้นหมิงชิวกลับไปแล้วนะ”
พูดจบ นางก็หันหลังกลับไป เตรียมพร้อมที่จะหายตัวออกไปจากห้องทางฝั่งตะวันตก
เซียวเฉวียนรู้ดีว่าเซียวหมิงชิวไม่อยากจะฟังเขาสั่งสอนอีกแล้ว
แต่เด็กลืมง่าย สิ่งที่ควรพูดก็ต้องพูด ถ้าไม่คอยเตือนนางตลอดเวลา เกิดวันไหนนางดีใจจนหลงลืมไป แล้วไปเผชิญหน้าต่อสู้กับย่าเหยียน ก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่
เซียวเฉวียนจ้องมองเงาด้านหลังของนาง พูดกำชับว่า :“ห้ามไปต่อสู้กับย่าเหยียนนะ จำไว้ให้ดี”
เด็กคนนี้มีความสามารถมาก ทำให้คนเป็นพ่ออย่างเซียวเฉวียนกลุ้มใจอย่างมาก
เซียวหมิงชิวพูดว่า :“ท่านพ่อวางใจได้ หมิงชิวเชื่อฟังท่านพ่อ!”
ถ้ายังไม่ไป ไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนจะพูดอะไรอีก ดังนั้น เซียวหมิงชิวพูดจบก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เซียวเฉวียนมองออกไปทางประตู อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ให้เซียวหมิงชิวฆ่าอาจั้น ที่จริงแล้วเซียวเฉวียนกังวลว่าเพราะเรื่องนี้ย่าเหยียนจะยิ่งจับจ้องจวนเซียวมากยิ่งขึ้นไม่ยอมปล่อย
ในเมื่อเรื่องฆาตกรรมนี้เกิดขึ้นที่หน้าประตูจวนเซียว และย่าเหยียนก็ยังเห็นว่ามีม่านกั้นคอยปกป้องคุ้มครองจวนเซียวไว้ นางไม่สามารถทำลายได้
ถ้าสลับกันว่าเซียวเฉวียนเป็นย่าเหยียน ก็จะรู้สึกว่าเซียวเฉวียนคนนี้ร่วมมือกับคนที่เก่งกาจ เพื่อตอบโต้นาง
และอาจั้นเป็นผู้ช่วยที่เก่งกาจของย่าเหยียนที่นางฝึกฝนเขามา ถูกคนฆ่าอย่างนี้แล้ว ความแค้นนี้นางคงจะโทษว่าเซียวเฉวียนเป็นคนทำ
หรือจะพูดอีกอย่างว่า อาจจะเป็นไปได้อย่างมากว่าย่าเหยียนจะยังไม่ไปจากเมืองหลวง
หรือว่า นางยังรู้สึกว่าเซียวเฉวียนยังแอบซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวง
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซียวเฉวียนคงไม่สามารถอยู่ที่ศาลาคุนหวู่ได้อีกแล้ว
เป็นจริงดังคำพูดนั้นที่ว่า เรื่องที่ดีกลับไม่เกิดขึ้นจริงแต่เรื่องไม่ดีกลับเกิดขึ้นจริง อี้กุยเจ้ามันปากเสียจริงๆ
เมื่อได้ฟังคำพูดของเซียวเฉวียน ดูท่าทางแล้วเซียวเฉวียนน่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว
ทำให้อี้กุยรู้สึกคาดไม่ถึง เซียวเฉวียนเรียกให้เขาไปด้วยกัน
แน่นอนเขารู้ว่าเซียวเฉวียนกลัวว่าย่าเหยียนจะโกรธและพาลไปถึงเขาด้วย แต่ถ้าเขาไปแล้ว การเปิดกิจการพรุ่งนี้จะทำอย่างไร?
เซียวเฉวียนพูดว่า :“เรื่องการเปิดกิจการ ปู่น้อยได้วางแผนจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว”
อย่ารอช้าอยู่เลย ไม่ต้องพูดมากแล้ว เซียวเฉวียนพูดเสียงเยือกเย็นว่า :“กิเลน!”
เมื่อกิเลนได้ยินเสียงเรียก
เซียวเฉวียนพูดสั่งว่า :“รีบพาพวกเราออกไปจากที่นี่เร็ว”
กิเลนนอนราบลงกับพื้น หลังจากนั้นเซียวเฉวียนก็ขึ้นไปนั่ง เห็นอี้กุยที่กำลังยืนตกตะลึงอยู่ เขาพูดว่า:“จะยืนอึ้งทำอะไรอยู่ รีบขึ้นมาเร็วเข้า”
นี่มัน ผู้ชายสองคนขึ้นไปนั่ง มันจะดูเป็นการทารุณสัตว์ไปหรือไม่?
กิเลนจะรับไหวใช่ไหม?
ในขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้น เซียวเฉวียนก็พูดว่า:“ไม่ต้องคิดลังเลอีกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงแค่คนสองคน แม้จะมีสามคน กิเลนก็สามารถรับน้ำหนักได้”
กิเลนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีพยักหน้า และก็มองไปทางอี้กุยเล็กน้อย เหมือนกับกำลังพูดว่า เจ้าเด็กคนนี้ดูถูกใครกัน ข้ากิเลนเป็นสัตว์สงครามที่สง่าผ่าเผย มีพละกำลังมาก
เมื่อเห็นอย่างนั้น อี้กุยจึงขึ้นไปนั่ง
ในตอนนั้นเซียวเฉวียนก็พูดว่า :“ไป หลีกเลี่ยงเส้นทางที่ต้องผ่านจวนเซียว”
ไปที่ไหนก็ได้ แต่ห้ามผ่านไปใกล้บริเวณจวนเซียวหรือเขตบริเวณที่ใกล้กับจวนเซียว ออกไปให้ยิ่งห่างมากเท่าไรยิ่งดี
เพราะในตอนนี้ย่าเหยียนอยู่ที่หน้าประตูจวนเซียน ด้วยความรวดเร็วของกิเลน มีความเป็นไปได้อย่างมากว่านางจะพบเห็นได้
แม้แต่อาเล่อก็สามารถตามกิเลนได้ทัน ต้องการที่จะหลบหลีกให้พ้นจากย่าเหยียนได้ จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่ากิเลนจะไม่รู้ว่าทำไมเซียวเฉวียนถึงสั่งให้ทำอย่างนี้ แต่มันก็เชื่อฟังและทำตามเป็นอย่างดี เสียงชิ้วดังขึ้น พาเซียวเฉวียนและอี้กุย เลี่ยงเส้นทางบริเวณใกล้เคียงห่างจากจวนเซียวหลายสิบเมตร ออกไปจากเมืองหลวง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...