หรือพูดให้ชัดก็คือ คนทั้งจวนเซียวก็อยากรู้ความเป็นไปของเซียวเฉวียนเช่นกัน
เฉวียนจิ่วพูดต่อ “ว่าแต่เจ้าพำนักอยู่ที่ใด เผื่อท่านใต้เท้ากลับมา ข้าจะได้ไปบอกท่านได้”
ย่าเหยียนที่อ่านใจเฉวียนจิ่วได้ตั้งแต่แรกนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาแสร้งแสดงละครอยู่
เมื่อรู้แล้วว่าเซียวเฉวียนไม่ได้อยู่ที่จวนเซียว ย่าเหยียนเองก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับเฉวียนจิ่วอีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นเฉวียนจิ่วก็รู้ตัวตนของเธอแล้ว
แต่เขาก็ยังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้ ย่าเหยียนเองก็ลำบากใจที่จะตอบคำถามของเขาออกไป
ดังนั้นย่าเหยียนจึงยอมตอบออกไป “ไม่จำเป็นหรอก ที่พักของข้าอยู่ไกล ข้าไม่รบกวนเจ้าหรอกพ่อหนุ่ม ไว้ข้าจะกลับมาใหม่คราวหลังละกัน”
เมื่อพูดจบนางก็กำลังจะหันหลังกลับ ทันใดนั้นเองนางก็ได้ยินเสียงบางอย่างซึ่งทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไป บางอย่างที่กำลังมาหานาง
นางคิดว่ามีคนต้องการจะซุ่มทำร้ายนาง แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าจริงๆแล้วเป้าหมายของฝั่งตรงข้ามนั้นคืออาจั้น
ในขณะนั้นเอง อาจั้นก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่พุ่งตรงมาที่เขา
ยังไม่ทันได้ดูว่าของสิ่งนั้นคืออะไร อาจั้นก็รีบกระโดดหลบโดยสัญชาตญาณและตระโกนว่า “ผู้นำเหยียน!ระวัง!”
แม้แต่อาจั้นเองก็คิดว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคือย่าเหยียน ดังนั้นเขาจึงไม่ทันได้ระวังตัวเองเท่าไหร่
สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือปลายหอกของอีกฝั่งพุ่งมาที่เขา สิ้นสุดเสียงเรียกย่าเหยียน หอกอันแหลมคมก็ตรงเข้าที่หน้าอกซ้ายทะลุหัวใจไปถึงด้านหลัง
เป็นเทคนิคท่วงท่าที่แม่นยำมาก !
แววตาของอาจั้นเต็มไปด้วยความตกใจ
ย่าเหยียนยืนอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ทำไมเขากลายเป็นเหยื่อ ไม่ใช่นาง?
และแน่นอน อาจั้นไม่มีทางได้คิดออกเพราะเขาเหลือเวลาไม่อีกไม่นาน
หัวใจที่ถูกทำลาย เขาไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงร่างกายอยู่ “ตุ้บ!”ร่างของเขาตกลงที่พื้น
เหมือนคนตายโหง
เฉวียนจิ่วที่เห็นฉากนี้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกลัว
ใครกันที่เก่งกาจขนาดกล้าสังหารคนของย่าเหยียนต่อหน้านาง?
และอีกเรื่องสำคัญก็คืออีกฝ่ายมีความสามารถมาก ถึงขั้นสามารถสังหารคนของย่าเหยียนได้โดยที่นางยังไม่ทันได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำ!
ถ้าใช้คำของเซียวเฉวียนก็คือ เจ๋งมากจริงๆ!
เซียวเฉวียนผู้เก่งกาจที่เฉวียนจิ่วเคารพรักยังต้องทนเจ็บปวดเพราะย่าเหยียน แต่ตอนนี้กลับมีคนกล้าฆ่าคนของนางต่อหน้าต่อตา
เฉวียนจิ่วมองไปที่ย่าเหยียน เห็นสีหน้าของเธอมืดมนราวกับหยกสีดำ ช่างโล่งใจจริงๆ!
หากประตูเมืองถูกเผาไหม้จะกระทบต่อบ่อปลา และไม่มีทางเลยที่คนอย่างเฉวียนจิ่วจะต่อสู้กับคนระดับปรมาจารย์อย่างย่าเหยียนได้ เขาถือโอกาสที่นางยังไม่ทันได้รู้สึกตัวรีบวิ่งกลับเข้าไปในจวนเซียว
เฉวียนจิ่วพึมพำมาตลอดทาง “น่ากลัว ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้”
จนกระทั่งประตูเมืองปิดลง หัวใจของเฉวียนจิ่วแทบจะหยุดเต้น
เขาตระโกนกลับไปทางด้านนอก “ท่านอัศวินผู้ใดกันที่แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้?”
จริงๆเขาอยากจะพูดว่า รับลูกศิษย์เพิ่มไหม? ขอทำความรู้จักท่านได้หรือเปล่า
แต่เมื่อนึกได้ว่าด้านนอกประตูนั่นยังมีผู้แข็งแกร่งอย่างย่าเหยียนอยู่ เฉวียนจิ่วก็รีบเปลี่ยนคำพูด “ท่านทำได้ดีมาก แต่โปรดอย่าสร้างเรื่องอะไรที่ประตูจวนเซียวล่ะ”
ดีไม่ดีย่าเหยียนอาจคิดว่าคือคนในจวนเซียวทำร้ายคนของนางก็ได้
อย่าว่าแต่เซียวเฉวียนไม่อยู่เลย ต่อให้เซียวเฉวียนจะพำนักอยู่ข้างใน เขาก็ไม่ต้องการให้ใครมาสร้างปัญหาที่จวนเซียว
เมื่อเห็นเฉวียนจิ่ววิ่งตาลีตาเหลือกกลับมา เฉวียนซานก็พอจะเดาได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เฉวียนจิ่วต้องได้พบกับย่าเหยียนแล้วแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...