สรุปตอน บทที่ 2006 อุบายเดิม – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 2006 อุบายเดิม ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
และแน่นอนว่า เซียวเฉวียนก็ยังไม่ให้เซียวหมิงชิงลงมือฆ่าย่าเหยียนอยู่ดี เพราะมีอีกเหตุผลนึงคือเขาก็ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าแท้จริงแล้วเรื่องฆ่าล้างตระกูลเซียวนั้นย่าเหยียนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่
และถ้าใช่จริงๆ แล้วการที่ทหารของตระกูลเซียวไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับนาง แล้วแรงจูงใจของนางคืออะไรแน่?
เรื่องนี้เซียวเฉวียนต้องไขให้กระจ่างก่อน ไม่สามารถให้ทหารของตระกูลฆ่าโดยที่เขาไม่รู้อะไรแบบนี้ได้
อีกอย่าง การเก็บชีวิตนางไว้ก็เป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เซียวเฉวียนก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเขาลืมไปเรื่องนึง
เนื่องจากเซียวหมิงชิวสามารถอ่านใจเซียวเฉวียนได้ ฉนั้นนางก็อาจจะสามารถอ่านใจย่าเหยียนได้เช่นเดียวกัน
เขาก็สามารถให้เซียวหมิงชิวอ่านใจของย่าเหยียนได้
เมื่อคิดดูแล้ว เซียวเฉวียนก็ส่งสารผ่านความคิดไปให้เซียวหมิงชิว
แต่ผลลัพธ์ก็ไม่เป็นดั่งที่หวัง เมื่อนางบอกกับเขาว่าไม่สามารถอ่านใจย่าเหยียนได้
แต่เซียวเฉวียนกลับบอกนางว่านางสามารถอ่านใจของน้องเว่ยหงได้ เมื่อได้พบเขาอีกครั้ง ขอให้เธออ่านใจเขาแทน
มีเพียงทางเดียวเท่านั้น
เซียวเฉวียนเดินมึนงงเข้าไปในจวนเซียว ต่อหน้าเฉวียนซานพร้อมกับเสียงหนึ่งเสียง
มีตุ๊กตาหนึ่งตัวปรากฎบนอากาศ ทำให้เฉวียนซานประหลาดใจมากและถามเซียวหมิงชิวออกไป “สาวน้อย เจ้าเป็นใคร?ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”
ประเด็นคือจวนเซียวมีเกราะหุ้มแน่นหนา ทำไมเธอถึงสามารถเล็ดลอดเข้ามาปรากฎตัวบนอากาศได้
การไม่ได้เจอกับเซียวหมิงชิงเป็นเวลานาน อีกทั้งความสงสัยที่มีอยู่เต็มอก ทำให้เฉวียนซานสูญเสียความคิดไปชั่วขณะ เขากลับไม่รู้สึกว่าตุ๊กตาตรงหน้านั้นคล้ายกับเซียวเฉวียนหรือเจ้าหญิง หรือพูดง่ายๆก็คือเขาไม่คิดว่าเซียวหมิงชิวจะเป็นนายน้อยของเขา
เพียงแค่รู้ว่านางมาจากที่ใด
แต่ไม่ใช่กับการมาปรากฎตัวในจวนเซียวง่ายๆแบบนี้ ทั้งๆที่ก็รู้วาจวนเซียวนั้นมีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง คนทั่วไปไม่สามารถเข้ามาได้ง่ายๆ
เฉวียนซานจ้องมองไปที่เซียวหมิงชิงด้วยสายตาที่กำลังตัดสิน
เซียวหมิงชิงมองไปที่เฉวียนซานด้วยสายตาเป็นประกายและพูดว่า “ข้าคือนายน้อยหมิงของเจ้า”
นายน้อยหมิง?
เฉวียนซานมองไปที่หมิงชิวด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ “สาวน้อย นี่เรากำลังล้อเล่นอะไรกันอยู่?”
ถ้านับๆดูแล้ว ตอนนี้นายน้อยคงมีอายุเพียงหนึ่งปี เด็กหนึ่งขวบแค่เดินยังจะไม่แข็ง จะสามารถบินได้อย่างไร?
แถมยังพูดจาชัดถ้อยชัดคำได้ขนาดนี้อีก?
ถึงแม้เฉวียนซานจะไม่เคยเรียนหนังสือ แต่ก็คงไม่โดนหลอกง่ายๆกับเรื่องแบบนี้
เห็นแววตาเหลือจะเชื่อของเฉวียนซาน หมิงชิวจึงพูดขึ้นว่า “รู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่เชื่อ งั้นเจ้าลองมองดีๆ ข้ามีใบหน้าคล้ายท่ายพ่อและท่านแม่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินสาวน้อยพูดดังนั้น เฉวียนเซียวจึงพิจารณาดูอีกทีแล้วค้นพบว่าช่างมีใบหน้าละม้ายคล้ายเซียวเฉวียนและองค์หญิงจริงๆ
จากที่เฉวียนซานไม่เชื่อ ก็เปลี่ยนใจเล็กน้อย
เขาถามด้วยความคลับแคลงใจ “เจ้าเป็นนายน้อยหมิงจริงหรือ?”
เซียวหมิงชิวตอบกลับด้วยท่าทางมั่นใจ“จริงแท้แน่นอน”
ไม่พูดพล่ำทำเพลงอะไรมาก หมิงชิวก็เข้าเรื่อง “ท่านพ่อให้ข้ามา เพราะมีงานบางอย่างจะมอบหมายแก่ท่าน”
งานอะไรกัน?
เฉวียนซานมองไปที่หมิงชิวด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะนึกได้ว่าเซียวเฉวียนกลับไปที่จวนเซียวจริงๆ หากแต่ไม่ได้ทิ้งข้อความใดไว้
เมื่อไม่รู้ที่อยู่ที่แน่ชัดของเซียวเฉวียน ทุกคนก็ต่างเป็นกังวล
เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง “พี่ใหญ่ยังสบายดีหรือไม่?”
อาการบาดเจ็บของเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
ยังไงซะเป้าหมายก็แค่เพียงให้ย่าเหยียนรู้ว่าเซียวเฉวียนไม่ได้อยู่ที่นี่ก็เท่านั้น
เฉวียนซานตอบ “เจ้าไปเถอะ อย่ามาถามอะไรมากเลย รีบไปรีบกลับล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉวียนจิ่วก็พึมพำ “ได้ งั้นข้าไปล่ะ”
เฉวียนซานพูดต่อ “ระวังตัวด้วย รีบไปรีบกลับ”
“รู้แล้ว! พูดเยอะน่า!” เฉวียนจิ่วทั้งบ่นทั้งทำตาม
แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อออกไปที่ประตู ก็มีคนเรียกเขา “ท่านชายช้าก่อน!”
ได้ยินเสียงแหบแห้งที่เรียกหา เฉวียนจิ่วก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
ชายหนุ่มที่ไม่อยากออกจากบ้านไปไหน เมื่อออกมาก็ได้พบกับหญิงสาวแปลกๆผมสีเงินกับไม้เท้า
รู้สึกว่านางแปลกๆเพราะนางหน้าตาดูไม่แก่แต่มีผมที่หงอกขาวเต็มหัวแถมถือไม้เท้า เฉวียนจิ่วก็แยกไม่ออกว่านางยังสาวหรือว่าชราแล้ว
จึงพูดได้แค่ว่านางดูประหลาด
นี่คงไม่ใช่ย่าเหยียนที่เซียวเฉวียนพูดถึงหรอกนะ?
ซึ่งความจริงแล้วชีวิตเขาไม่ได้โชคดีเหมือนตอนเดินพัน!
เมื่อได้ออกจากบ้านก็พบกับย่าเหยียนที่แม้แต่เซียวเฉวียนก็ยังเกรงกลัว
แต่นักฆ่าอย่างเฉวียนจิ่วที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแบบไม่กลัวอะไร ก็รู้วิธีรับมือ เขาทำทีเหมือนไม่รู้จักย่าเหยียนมาก่อนและตอบว่า “เจ้าเรียกข้า มีเรื่องอะไร?”
ย่าเหยียนใช้สายตากวาดมองเฉวียนจิ่วก่อนจะพูดว่า “ป้าก็แค่อยากทราบว่านายใหญ่เซียวเฉวียนอยู่ที่จวนเซียวหรือไม่?”
มาอีกแล้วหรอ?
เฉวียนจิ่วยิ้มเยาะในใจแต่พูดออกไปด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “นายของข้าเคยกลับมาแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...