พรรคพวกของอัครเสนาบดีต่างพูดว่าโย่วควนต้องสังหารเซียวเฉวียนได้อย่างไม่พลาดเป็นอันแน่
ทว่าโย่วควนกลับหอบหายใจ ดาบในมือยังมีรอยเลือดอยู่
วันนี้คือวันสุดท้ายตามที่เว่ยชิงให้เวลาไว้ วันเวลาเหล่านี้เขาล้วนเอาแต่ขับร้องเพลงอยู่ในหอสุรา หาโอกาสลงมือไม่ได้สักนิด!
วันนี้หากยังไม่ลงมือก็จะไม่ทันการแล้ว!
เซียวเฉวียนนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ถ้วยน้ำชานั้นมีควันร้อนลอยฉุย ส่วนมือของเขากำลังสั่นเทาเล็กน้อย
เลือดนั้นไหลลงมาจากไหล่ของเซียวเฉวียน
โย่วควนแทงข้อมือเขาไปดาบหนึ่ง เคราะห์ดีที่ประสบการณ์อีกฝ่ายไม่พอ บาดแผลจึงไม่ลึกมาก อีกทั้งไม่ได้บาดเจ็บถึงเส้นเอ็นชีพจร ไม่อย่างนั้นเซียวเฉวียนคงไม่อาจจะเสแสร้งนั่งจนน้ำชาชามนี้เย็นชืดได้
ตอนที่โย่วควนแทงเซียวเฉวียนหนึ่งดาบนั้น ไป๋ฉี่ก็พลันลงมือปะทะกับเขาอย่างรุนแรง หากมิใช่ว่าเจ้านายได้เอ่ยคำพูดเอาไว้ก่อนหน้า เขาจะต้องสะบัดลำคอผอมบางของโย่วควนจนหลุดแน่นอน!
เพื่อไม่ให้เอาเปรียบโย่วควน เซียวเฉวียนให้ไป๋ฉี่ลงมือใช้หมัดล้วนๆ และไม่ได้ใช้ดาบจิงหุนเลยสักนิด
การที่โย่วควนต้องต่อสู้กับคนร่างสูงใหญ่อย่างไป๋ฉี่นั้น เขาไม่ได้เปรียบอะไรเลยแม้เพียงนิด!
จนสุดท้ายโย่วควนอ่อนล้าหมดแรงสิ้น เขาทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ หอบหายใจก็เท่านั้น
“เจ้าบอกว่าพรรคพวกของเว่ยเจี้ยนกั๋วส่งคนเช่นเจ้ามาลอบสังหารข้างั้นหรือ?” เซียวเฉวียนวางถ้วยชา เขาส่ายหน้าพลางถอนใจ “ดูลำแขนและท่อนขาอันผอมบางของเจ้าซิ หล่อเหลามีเสน่ห์ไม่ต่างจากข้าเลย เดินทีอนาคตไร้ที่สิ้นสุด แต่เจ้ากลับยอมทำงานให้คนเช่นนั้นหรือ?”
“หลายวันมานี้ข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่เลว ข้าคิดว่าข้ากล่อมเจ้าได้แล้ว ผลสุดท้ายเจ้ากลับลงมือกับข้าอีกหรือ? เจ้าเห็นว่าเจ้านายผู้หล่อเหลามีเมตตาเช่นข้า จะไปยอมเสียเปรียบคนผู้ใดได้ด้วยหรือไง?”
“เจ้ายังกล้าแทงข้าอีก!”
เซียวเฉวียนหอบหายใจเสียงดัง ยามที่เขาสอบถามนั้น ก็ไม่ลืมที่จะชื่นชมอีกหลายครั้ง
หลายวันมานี้ เขาเห็นว่าแม้โย่วควนจะดูมืดหม่นไปบ้าง แต่ก็เป็นเพียงปัญหาด้านรูปร่างหน้าตา นิสัยดั้งเดิมของเขาเป็นคนสัตย์ซื่อตรงไปตรงมา
ยิ่งบวกกับเรื่องที่เขาร้องละครเพลงซุนหงอคงได้เยี่ยมยอดจริงๆ! เหล่าประชาต่างปรบมือร้องว่าเยี่ยม! เหล่าคนที่เข้ามากินข้าวในหอสุรานับวันยิ่งมากขึ้นทุกที! ต้นไม้เรียกทรัพย์เช่นเขานี้ต่อให้แทงเซียวเฉวียนไปดาบหนึ่ง เซียวเฉวียนก็จะทนไว้ก่อน
โย่วควนนั้นไม่อาจตอบคำถามของเซียวเฉวียนได้ ยิ่งในเมื่อตอนนี้แผนเดิมของเขาคือต้องยุแยงฉินซูโหรวกับเซียวเฉวียน เพื่อให้ฉินซูโหรวสังหารสามีตนเองแล้วด้วย!
ใครจะไปรู้ว่าเซียวเฉวียนจะกลายเป็นเจ้านายของเขา!
แถมวันๆ ยังจะพาเขาไปขับร้องที่หอปี้เซิ่งด้วย!
เขายังไม่เคยกระทั่งพบหน้าฉินซูโหรวเลย! แล้วจะใช้หน้าตาอันหล่อเหลานี้ล่อลวงนางเช่นไร แถมยังจะใช้ให้นางทะเลาะกับเซียวเฉวียนเนี่ยนะ?
วันนี้ที่เขาลงมือเสียเอง นั่นเป็นเพราะทนไม่ไหวแล้วต่างหาก!
ใครจะไปรู้ว่าเขายังไม่ทันสังหารคน นั่งรอโอกาสกว่าครึ่งวันก็แล้ว ยังแทงไม่แม่นอีกต่างหาก!
โย่วควนนั้นเป็นนักฆ่าที่ล้มเหลวผู้หนึ่ง
ยิ่งเมื่อเซียวเฉวียนเริ่มเปิดโปงเขาแล้วด้วย
วันนี้ลงมือเสียจนเป็นแบบนี้แล้ว โย่วควนรู้ว่าที่เซียวเฉวียนไม่ได้ให้ไป๋ฉี่สังหารเขา ก็คือจงใจละเว้น!
ทว่าละเว้นเขาแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร!
สังหารเซียวเฉวียนไม่สำเร็จ เว่ยชิงก็ไม่มีทางปล่อยพ่อแม่ของเขาไป!
โย่วควนเองก็ไม่มีหน้าจะมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้!
เซียวเฉวียนเป็นเจ้านายที่ดีคนหนึ่ง แต่ไรมาไม่เคยทำตัวเหนือกว่า แถมยังเขียนบทละครให้เขาด้วย!
หลายวันมานี้ เขาเอาแต่หวั่นไหวในใจเงียบๆ!
แต่ต่อให้เซียวเฉวียนจะดีแค่ไหน ก็ไม่ได้สำคัญเท่าบิดามารดาเขา!
“ข้านั้น...มีความจำเป็นจริงๆ...ท่านให้อภัยข้าด้วย” โย่วควนส่ายหน้า ยากเกินไปแล้ว ยากเกินไปจริงๆ เขาไม่อาจจะเลือกระหว่างบิดามารดากับเซียวเฉวียนได้!
เซียวเฉวียนเข้าใจแล้ว
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
พลางอ้าปากออก
ไป๋ฉี่เข้าใจว่าเจ้านายเริ่มทำตัวเหลวไหลอีกแล้ว
ผมก็คือ เซียวเฉวียนกะพริบตา “ต้องเลือกหรือ? คุณชายโย่ว เจ้ารู้สึกว่าเหตุใดเจ้ายังมีตัวเลือกกันหรือ?”
“สิ่งแรก หากว่าเจ้าเลือกข้า บิดามารดาของเจ้าก็จะตาย”
“เรื่องที่สอง หากว่าเจ้าเลือกพ่อแม่เจ้า แต่เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ พ่อแม่เจ้าก็ยังตายอยู่ดี”
“พ่อแม่ของเจ้าจะอย่างไรก็ต้องตาย เจ้ายังต้องเลือกอะไรหรือ?”
เอ๋อ?
อุ๊บ?
โย่วควนตะลึงไป
“ต่อให้เจ้าสังหารข้าได้ เจ้าก็จะทำภารกิจลอบสังหารนี้สำเร็จ แต่ข้าเป็นถึงจอหงวนของรัชสมัย เป็นขุนนางในราชสำนัก เจ้าสังหารข้า พ่อแม่ของเจ้าจะไม่ตายหรือไร? สุดท้ายแล้วก็ยังตายอยู่ดีนี่?”
คนโบราณนี่ช่างโง่งมเหลือเกิน! เซียวเฉวียนกะพริบตา เขาทำการวิเคราะห์อย่างจริงจังให้ฟัง
วิเคราะห์ไป วิเคราะห์มา วิเคราะห์จนโย่วควนจะร้องไห้แล้ว
กลับกัน ไม่ว่าเซียวเฉวียนจะตายหรือไม่ พ่อแม่ของโย่วควนก็ต้องตาย
“เจ้าพูดมาซิ นอกจากยอมรับข้าเป็นนาย เจ้ายังมีทางออกอะไรอีก?”
แต่ไรมาไป๋ฉี่ไม่เคยเห็นเจ้านายโอ้โลมคนด้วยท่าทีอันดีปานนี้เลย เพื่อต้นไม้เรียกทรัพย์นี้แล้วเจ้านายคงจะเอาท่วงท่าอันสุภาพทั้งชีวิตมาใช้จนสิ้นแล้ว
“ข้าจะไม่ถามด้วยว่าเจ้านายเจ้าเป็นใคร แต่ข้ารับประกัน หากเจ้ายอมรับข้าเป็นนาย พ่อแม่ของเจ้า เจ้ากับคณะละครรวมถึงตัวเจ้าเองด้วย จะปลอดภัย”
เซียวเฉวียนแต่ไรมาไม่เคยตกปากรับคำโดยง่าย
เขารู้ว่า คนโบราณให้ความสำคัญกับคำสัญญา คำสัญญาและความเชื่อใจนั้นเป็นของที่มีค่าเฉกเช่นเดียวกัน ครั้นเอ่ยคำสัญญา จะต้องทำตามแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...