อ่านสรุป บทที่ 203 ใช้กากถั่วหมิ่นหยาม จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 203 ใช้กากถั่วหมิ่นหยาม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เมื่อครู่เซียวเฉวียนกำลังหลอกเขาหรือ?
แถมยังหลอกเขาซะจริงจังปานนั้น!
แล้วยังแสร้งทำตัวต่ำต้อยปานนั้น!
แถมยังอ้วกเลือดออกมาคำเบ้อเร่อ!
แล้วยังสดสีแดงฉาน!
โย่วควนยังคิดว่าตัวเองแสดงละครขับร้องได้ยอดเยี่ยมแล้วนะ!
แต่ละครที่เซียวเฉวียนเล่นเองกำกับเอง ตัวเขายังอับอายที่สู้ไม่ได้!
จบกัน จบกัน เขาถึงกับขายเว่ยชิงออกไปแล้วด้วยซ้ำ!
เซียวเฉวียนเล่นละครเก่งก็ช่างเถอะแล้วเพราะเหตุใดไป๋ฉี่จึงเล่นเก่งปานนี้ล่ะ?
ไป๋ฉี่มึนไป “นายท่าน? ท่าน...สรุปแล้วติดพิษจริงหรือไม่ติดกันแน่เนี่ย!”
โย่วควนลูกนัยน์ตาเบิกกว้างสะท้าน นี่เซียวเฉวียนหลอกกระทั่งไป๋ฉี่เลยเหรอเนี่ย!
ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสียหรือไร! หากว่าเซียวเฉวียนไม่เสแสร้งเข่นนี้ จะหลอกโย่วควนได้หรือไร?
เซียวเฉวียนเช็ดเลือดตรงมุมปาก เขาติดพิษจริงๆ!
เขาหยิบเอายาแก้พิษออกจากหน้าอกด้วยมือสั่นเทา ก่อนจะกลืนลงไปในคำเดียว!
ยาแก้พิษนี้ คือยาที่เซียวเฉวียนขโมยออกมาจากห้องของโย่วควน
โย่วควนเองก็เป็นคนสัตย์ซื่อ วันๆ ตอนค่ำคืนก็หยิบเอาขวดยาพิษไว้ ลังเลๆ พึมพำกับตัวเองไม่ยอมวางยาพิษเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนคอยสังเกตเขามาตลอด เซียวเฉวียนเองไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าต้องขโมยยาแก้พิษมา!
เพียงแต่เซียวเฉวียนคิดไม่ถึง แม่งเอ๊ย ถึงกับเป็นเว่ยชิง! ยังคิดว่าเป็นไอ้แก่น่าตายเว่ยเจี้ยนกั๋ว!
เสียแรงที่เซียวเฉวียนยังเชื่อว่าเว่ยชิงจะไม่ก่อเรื่อง!
เว่ยชิงกับเซียวเฉวียนเคยสนทนากันออกรสชาติ แถมยังดื่มเหล้าด้วยกันมาไม่น้อย ใครจะไปรู้ว่าเป็นบุคคลคิดไม่ซื่อกัน!
แน่นอนว่า แค้นสังหารบิดานั้นไม่อาจอยู่ร่วมฟ้า การที่เว่ยชิงชิงชังตัวเขาก็พอจะเข้าใจได้
แต่เพราะเหตุใดการตายของอี้อู๋หลี่ ฉินปาฟางและเหวินฮั่น เซียวเฉวียนก็ไม่ได้เอามันไปผูกโยงกับเว่ยชิงสักหน่อย!
คนโบราณช่างซื่อสัตย์กตัญญูอย่างโง่ๆ สมองนั้นมีแต่ขี้เลื่อยเป็นประจำเลย!
แม่งเอ้ย! เคราะห์ดีนะที่ยาพิษเพียงแค่ทำลายปอด อ้วกโลหิตออกมาก็เป็นพอ กินยาแก้พิษแล้วก็ไม่เป็นอะไรแล้ว
“โย่วควน เพื่อจะปกป้องเจ้า เจ้ากับคนในครอบครัวเจ้าหายตัวไปสักพักเถอะนะ”
เซียวเฉวียนตัดสินใจแล้วว่าจะเลี้ยงคณะละครทั้งคณะเอาไว้ในจวนฉิน
หนึ่งก็คือ เพื่อให้โย่วควนหลบอันตรายพ้น
สองก็คือ จวนฉินนั้นมีหูตามากมาย ในบรรดานั้นไม่รู้ว่าวางคนสอดส่องอยู่มากน้อยเพียงใด จวนฉินนั้นปลอดภัย ข่าวของพวกโย่วควนจะไม่หลุดรอดออกไป
เซียวเฉวียนเลิกหัวคิ้วขึ้น ไป๋ฉี่ที่เมื่อครู่ชิงชังโย่วควนนั้นพลันลงมือหนัก ใช้ฝ่ามือเดียวตีโย่วควนจนสลบไป!
“ฟึ่บ!” เสียงหนึ่ง ลำคอของโย่วควนก็ถูกตีพับ แล้วคนจะไม่สลบได้เช่นไร?
เซียวเฉวียนตัวสั่น หากว่าไป๋ฉี่ใช้แรงมากกว่านี้สักหน่อย โย่วควนคงได้ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว “เบาหน่อย เบาหน่อย! นี่ต้นไม้เรียกทรัพย์นะ!”
“นายท่าน อีกหน่อยอาหารเครื่องดื่มของท่าน ให้ข้าเป็นคนทดลองชิมเถอะขอรับ”
เรื่องที่ไป๋ฉี่เสนอนี้ ถือได้ว่าเป็นปรกติอย่างยิ่ง
ในยามนี้เซียวเฉวียนเป็นลูกเขยของจวนฉิน เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน
อนาคตเส้นทางของเซียวเฉวียนก็จะยิ่งเผชิญอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ
และที่อันตรายถึงชีวิตก็คือ เว่ยชิงเข้าใจเซียวเฉวียนลึกล้ำ เขารู้ว่านายท่านความรู้ความสามารถล้ำลึก แต่ชอบเสแสร้งเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยาที่สุด
ซึ่งนี่หมายความว่า พรรคพวกของเว่ยชิงเองก็รู้สถานการณ์ที่แท้จริงของเซียวเฉวียน
เพียงแต่ยามนี้ตำแหน่งราชการของนายท่านไม่สูง แถมยังเอ้อระเหยลอยชายเป็นที่สุด เหล่าคนมีความสามารถพวกนั้นย่อมไม่มองเซียวเฉวียนในสายตา
ซือชือกับอู่ชือพ่ายแพ้กับการแข่งกลอน ก็พูดได้เพียงว่าเซียวเฉวียนมีความสามารถแต่ก็ไม่ได้อะไรนัก เพียงแค่บัณฑิตผู้หนึ่งก็ควรมีความถนัดอะไรบ้างก็เท่านั้น
แต่ต่อให้รวมเว่ยชิงเข้าไปด้วย เขาก็ไม่รู้ว่านายท่านเป็นผู้ล้างสังหารจวนซ่ง เหลือเพียงคนตระกูลฉินที่รู้
หากว่าพวกเว่ยเจี้ยนกั๋วทราบว่านายท่านลงมืออำมหิต วางแผนเหนือล้ำผู้คน เกรงว่าต่อไปคงจะไม่ดูเบานายท่านอีก ระดับความอันตรายก็จะยิ่งเพิ่มทะยานมากขึ้น!
ไม่ว่าจะมองอย่างไร นายท่านก็อันตรายอย่างมาก!
ไป๋ฉี่กังวลนัก นายท่านใจกล้า ถึงกับกล้าดื่มชาพิษ! แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะโชคดีเช่นนี้เสมอไปที่จะมียาถอนพิษ
แล้วหากว่า ยาพิษของโย่วควนเป็นของปลอมล่ะ?
แล้วชีวิตของนายท่านจะไม่ดับดิ้นไปในวันนี้หรือ?
ไป๋ฉี่ห่วงและคิดกังวลยิ่ง เซียวเฉวียนกลับรู้สึกว่าสมเหตุผลนัก ขุนนางจิ้บจ้อยชั้นเจ็ดเช่นเขา ในสายตาของเหล่าผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ก็แค่มดแมลง เขาควรจะระมัดระวังตัวสักหน่อย
แต่ว่าเขาเชื่อว่าโย่วควนคงจะไม่อยากให้เขาตายจริงๆ ยาแก้พิษนั่นเป็นของจริงแน่นอน
วันพักผ่อนที่ไม่ได้ไปจวนราชองครักษ์นั้น เซียวเฉวียนก็ยังมีเอกสารราชการจิปาถะหลายอย่างที่ต้องดู บางครั้งเขาไม่ออกจากบ้าน ทำได้แค่พักอยู่บ้านตระกูลฉิน ไป๋ฉี่เองก็ได้แต่หิ้วท้องหิวรอติดตามเขา
งานของจวนราชองครักษ์นั้น เซียวเฉวียนค่อนข้างให้ความสำคัญ ต่อให้งานในตอนนี้ไม่ต้องคอยมาดูแลอะไรก็เถอะ
ดังนั้นแล้ว เนื้อที่อาสือนำมานั้น เซียวเฉวียนก็เกือบจะให้ไป๋ฉี่กินไปทั้งหมด
นอกจากเซียวเฉวียนและไป๋ฉี่แล้ว อาหารของผู้อารักขาคนอื่นๆ นั้นล้วนแต่กินที่จวนเซียว แต่ละคนกินอย่างออกรสชาติ ทุกวันมีเนื้อมีปลาชิ้นโต
มีเพียงนายท่านอย่างเซียวเฉวียนกับไป๋ฉี่เท่านั้น ที่ต้องทนทุกข์ถูกบีบ
จวนฉินกล่าวไว้แล้ว หากเซียวเฉวียนไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งวัน ทุกวันล้วนมีแค่กากถั่วให้กิน!
หากไม่ชดใช้เงินทั้งชีวิต ทั้งชีวิตก็ได้กินแค่กากถั่ว!
จวนฉินกำลังเตือนเซียวเฉวียน อย่าได้คิดว่าตัวเขาเจริญก้าวหน้านิดหน่อยแล้วก็ลืมสถานะคนจนของตัวเองจนสิ้น!
คนจน คู่ควรเพียงกินแค่กากถั่ว!
คนจน!
กากถั่ว!
ความสามารถของคนตระกูลฉินยามหมิ่นหยามชาวบ้านนี่ช่างเลอเลิศ!
ตระกูลฉินจงใจให้เขาหิวตาย!
ไม่มีปัญญาต่อกรกับเว่ยเจี้ยนกั๋ว ทว่าการลงไม้ลงมือเล็กน้อยที่ไม่อาจนำมาเปิดเผยได้นั้นกลับลงมือใส่เซียวเฉวียนจนสิ้น!
คนตระกูลฉินนั้นเป็นตระกูลนักรบ แต่กลับให้บรรยากาศราวครอบครัวชาวบ้านร้านตลาดสิ้นดี!
นี่คือไปรบในสงคราม สู้กันจนโง่ไปหมดแล้วสินะ?
อาสือเพิ่งโยนสมุดบัญชีทิ้งไป เด็กรับใช้รายหนึ่งก็เข้ามาส่งกากถั่วสองชาม
กากถั่วของวันนี้ช่างเกินไปจริงๆ ถึงกับมีเสมหะคำหนึ่ง!
แม่ง!
จะกินลงได้เช่นไร!
นี่ตั้งใจจะให้พวกเขาสองนายบ่าวหิวตายสินะ?
“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เซียวเฉวียนรังเกียจเป็นที่สุดแล้ว เขาตวาดโมโหขึ้นมา
เด็กรับใช้วางกระแทกชามกากถั่วไว้บนโต๊ะดัง “พลั่ก” “ห้องครัวพูดแล้วว่า อยากกินก็กิน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...