สรุปเนื้อหา บทที่ 204 คนงามมาหาถึงที่ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 204 คนงามมาหาถึงที่ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
พอเอ่ยจบ เด็กรับใช้ก็หันกายจากไป!
โอหังได้ปานนี้!
ทว่าก็เพราะมีนายหญิงฉิน นายหญิงของครอบครัวคอยหนุนหลังนี่เอง!
อาสือโมโหจนกระทืบเท้า! ไม่มีพี่ใหญ่ จวนฉินก็จบสิ้นกันในเร็ววันแน่! ในยามนี้กระทั่งข้าวยังไม่ให้เขากินเลย!
เพ้ย! ตาสุนัขมองคนด้อยค่า!
คนกลุ่มนี้ต้องมีเวลาที่ได้ขอร้องพี่ใหญ่กันบ้างละ!
เซียวเฉวียนกัดฟัน แม่แกเถอะ หากมิใช่เพราะเอกสารของจวนราชองครักษ์มีมาก ทุกวันเขาจะพาไป๋ฉี่ไปกินเนื้อกินปลาคำโตข้างนอก จะต้องมากินกากถั่วของจวนฉินเช่นนี้หรือ?
“เจ้านาย ท่านไม่หิวหรือ?”
อาสือหยิบเอาไก่ย่างมาห้าชิ้น ตามวันปรกติแล้วไป๋ฉี่จะกินสี่ชิ้นครึ่ง วันนี้กลับเหลือตั้งสี่ชิ้น
ไม่ต้องพูดเลยว่า ไป๋ฉี่จงใจเหลือเอาไว้
“เจ้ากินไปทั้งหมดเถอะ ข้าไม่หิว” เซียวเฉวียนส่ายหน้า นายท่านที่ไม่ยอมให้ลูกน้องกินอิ่ม จะเป็นเจ้านายที่ดีได้อย่างไร?
วันนี้เซียวเฉวียนถูกโย่วควนทำเอากระอักเลือดออกมามากมายปานนั้น ต้องเติมเข้าไปหน่อยสิ!
เมื่อคิดถึงกากถั่วสองชามเมื่อครู่ เซียวเฉวียนก็โมโหจนไม่อาจระงับแล้ว!
วันข้างหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะยกของที่ทำให้เขารังเกียจอะไรมาอีก!
เซียวเฉวียนกำหมัด “เลิกกินไก่สักที ไป๋ฉี่ ไป! ข้าจะพาเจ้าไปกินเนื้อหมูที่เจ้าชอบ!”
ไป๋ฉี่ไม่มีเนื้อใดที่ไม่ชอบ ยิ่งเป็นเนื้อหมู่ที่ชอบกินด้วย
ในยุคโบราณ เนื้อหมูนั้นเป็นเนื้อล้ำค่าประเภทที่ผู้สูงศักดิ์เท่านั้นที่จะได้กิน ตระกูลฉินย่อมต้องมี
“พวกเราจะไปหอสุราหรือขอรับ?” ทุกวันเรื่องที่ทำให้ไป๋ฉี่ดีใจที่สุดก็คือได้ยินคำว่าหอสุราสองคำนี้ บะหมี่ของหอสุราน่ะอร่อยจริงๆ นะ!
“ไม่ ไปห้องครัวของจนวฉิน ข้าจะทำขาหมูน้ำแดง!”
ครั้นเซียวเฉวียนเอ่ยปากจบ ไป๋ฉี่กับอาสือก็น้ำลายแทบไหลลงมา ฝีมือครัวของนายท่านดียิ่ง แถมยังทำเนื้อออกมาได้ดีมากด้วย!
“พี่ใหญ่ อย่าไปเลยขอรับ คนตระกูลฉินพูดไว้แล้ว หากว่าพวกเรากินของอย่างอื่น พวกเขาจะทุบจนพวกเราอ้วกออกมานะ” อาสือจำเป็นต้องเตือนสักหน่อย ในจวนฉิน พี่ใหญ่ไม่จ่ายเงินหนึ่งวัน ก็จะไม่มีสิทธิกินข้าวไปอีกวัน!
อ่าฮะ?
วันนี้เซียวเฉวียนต้องการกินเนื้อ!
แถมยังอยากกินหมูผัดซอสแดงด้วย!
เซียวเฉวียนสะบัดชายเสื้อ คนทั้งสามไปห้องครัวด้วยอาการโมโหเดือดดาล
คนตระกูลฉินจะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า ใกล้จะขึ้นปีใหม่แล้ว ด้วยเหตุที่เซียวเฉวียนอยากกินเนื้อหมู เขาถึงกับเผาห้องครัวตระกูลฉิน!
ยามที่ฮูหยินฉินรีบร้อนมาถึงนั้น เนื้อหมูของห้องครัวหายไปยังพอว่า แต่เพดานของห้องครัวก็ถูกถอนทิ้ง! ห้องครัว เหลือแต่เพียงร่องรอยของจิตสังหารก็เท่านั้น!
ทุกหนทุกแห่ง แล้วแต่เหลือรอยฟันของดาบจิงหุนอันน่าตระหนก!
ทุกคนในห้องครัวนั้นเส้นผมหลุดลุ่ย ต่างพากันตัวสั่นงันงก สีหน้าของทุกคนนั้นมีแต่รอยเขม่าของเหตุเพลิงไหม้ เมื่อครู่ท่านเขยบุกเข้ามาโดยไม่สนทุกคนที่ขัดขวาง เขาเข้ามาทำกับข้าว
อาสือจัดการทุบลูกน้องให้เขา
ส่วนไป๋ฉี่คอยปกป้องอยู่ข้างๆ
ท่ามกลางเงาของกระบี่ดาบและความวุ่นวายที่สุดนั้น ท่านลูกเขยตั้งสติสงบนิ่งอยู่ในห้องครัวหยิบเอาเนื้อหมูทั้งหมดมาทำกับข้าว ทำจนทั้งห้องครัวกินหอมอบอวลไปหมด บรรดานายบ่าวทั้งหลายตามน้ำลายสออยากรับประทาน
เดิมทีเนื้อที่ทำเสร็จดีแล้ว ท่านลูกเขยต้องการเอาไปด้วย ผลสุดท้ายพอเดินมาถึงประตูคล้ายคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาก็เลยเดินกลับเข้าห้องครัวใหญ่ จากนั้นก็จุดไฟเผาห้องครัวเสีย!
หลังจากนั้นท่านลูกเขยก็ยืนอยู่ตรงประตูกินเนื้อหมู่อย่างเอร็ดอร่อย ด้านหนึ่งหัวเราะเสียงดัง แถมยังสั่งการให้พวกเขาดับไฟอย่างสนุกสนานยิ่งอีกด้วย!
“อะไรนะ?”
“เขาเป็นคนจุดไฟงั้นเรอะ?”
“เขายังเป็นคนดับไฟอีกด้วย?”
“แถมยังกินเนื้อไปดับไฟไปอีกต่างหาก?”
ฮูหยินฉินโมโหจนตัวสั่นเทาไปหมด
“ท่านลูก ลูกเขยพูดว่า เขาหิวแล้ว ครั้งนี้กินจะกินเนื้อหมูขอรับ” บรรดาบ่าวทาสสะอึกสะอื้น แต่ละคนร้องไห้เสียจนน่าสงสาร “รอบหน้ายังจะกินเนื้อคน...”
“ท่านลูกเขยยังพูดว่า หากว่าส่งกากถั่วให้เขาอีก เขาจะกินซากคนแทนขอรับ”
ฮึกๆๆ...
ยามที่ท่านลูกเขยเอ่ยคำนี้ เขาไม่ได้ดูเยือกเย็นตามปรกติ แต่ปากกำลังเคี้ยวเนื้ออยู่ แถมยังเคี้ยวอย่างออกแรงหนักขึ้นด้วย!
สีหน้าของเขายังมีรอยยิ้มเบิกบานใจเล็กน้อย ดูไปแล้วน่ากลัวกว่าสมัยก่อนเสียอีก!
พวกเขายังยินดีให้ท่านลูกเขยต่อยพวกเขาหนึ่งยกจะดีกว่า!
พูดว่าจะกินเนื้อคน ฮึกๆ...ท่านลูกเขยน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!
เจ้าเดรัจฉาน!
เจ้าคนเดรัจฉาน!
ฮูหยินฉินโมโหจนตัวสั่นเทาไปหมด ใต้พระบาทโอรสสวรรค์ ถึงกับมีคนที่โอหังชั่วช้าปานนี้!
“ไปเรียกเขามาให้ข้า!”
“ท่านลูกเขย...ท่านลูกเขยไปเข้าเวรที่จวนราชองครักษ์แล้วขอรับ”
พวกเซียวเฉวียนสามคนนายบ่าวอาละวาดห้องครัวเสร็จ พอมองดูความวุ่นวายแล้ว พวกเขาก็หอบเนื้อหมูที่เหลือแล้วพากันเผ่นหนีไป
ตอนที่ไป นายท่านเขยยังหัวเราะเสียงดังกว่าเดิมด้วย!
เซียวเฉวียนหอบเอาเนื้อหมูที่ทำเสร็จทั้งหมดมา พวกเขากินไม่หมดอยู่แล้ว ก็เลยสั่งให้ไป๋ฉี่นำใส่โอ่งใบหนึ่ง ข้างในบรรจุแต่เนื้อ จากนั้นนายบ่าวทั้งสามคนก็ออกแรงขนโอ่งกลับจวนราชองครักษ์
หลี่มู้เห็นแต่ไกลว่าไป๋ฉี่แบกโอ่งใส่น้ำมา ทันใดนั้นภายในใจของเขาก็สั่นสะท้านไปหมด
วันนี้มิใช่วันที่เซียวเฉวียนเข้าเวรสักหน่อย เขามาทำอะไร?
แล้วนี่จะก่อเรื่องอะไรอีก?
หากมิใช่ว่าไป๋ฉี่เหยียบธรณีประตูจวนราชองครักษ์ไว้แล้ว กระทั่งประตูของจวนราชองครักษ์ เซียวเฉวียนก็เข้าไม่ได้หรอกนะ!
“ใต้เท้าหลี่ มากินเนื้อ!”
เนื้อผัดซอสแดงที่ตุ๋นดีแล้วขนาดใหญ่โอ่งหนึ่ง มีควันลอยฟุ้ง หอมหวนนัก
ระหว่างทาง ไป๋ฉี่ใช้กำลังภายในไปไม่น้อย จึงรักษาอุณหภูมิกับความหอมของเนื้อหมูเอาไว้ได้
หลี่มู่กับบรรดาขุนนางทั้งหลายมองหน้ากัน ต่อให้เป็นขุนนางชั้นสี่อย่างหลี่มู้เช่นนี้ ภายในบ้านก็ยังไม่มีเนื้อหมูโอ่งใหญ่ปานนี้เลย เซียวเฉวียนไปเอามาจากที่ใด
ไม่ต้องพูดเลย ต้องเป็นตระกูลฉินแน่นอน
เมื่อเห็นเซียวเฉวียนสามนายบ่าวสีหน้าเต็มไปยังเขม่าและน้ำมันเช่นนี้ เกรงว่าเพื่อเนื้อหมูนี้แล้ว พวกเขาคงจะสู้กับคนตระกูลฉินไปยกหนึ่ง
หากว่าพวกเขากินแล้ว ก็มิใช่ว่าสมคบคิดกับเซียวเฉวียนหรือไร? เพียงแต่ว่า...เนื้อนี้เหตุใดจึงหอมนัก?
ยามปรกติเนื้อที่พวกเขาทำ ก็ไม่ได้มีกลิ่นหอมอะไรมากเท่านี้ ดูไปแล้วยังทอประกายน้ำมันแวววาวด้วย ทั้งสีทั้งกลิ่นครบ ช่างพาให้คนรู้สึกน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง!
แต่เพื่อของกินหนึ่งคำ พวกเขาจะล่วงเกินตระกูลฉินไม่ได้นะ!
หลี่มู้กับบรรดาขุนนางเล็กจ้อยทั้งหลายต่างพูดด้วยความเกรงใจยิ่ง “ใต้เท้าเซียว เกรงใจไปแล้ว เชิญท่านกินเถอะ”
“อื้มๆ!” ขุนนางชั้นเจ็ดอีกรายหนึ่งพยักหน้าอย่างลำบากใจปฏิเสธตามหลี่มู้ทั้งๆ ที่น้ำลายสอ
เซียวเฉวียนตะลึง ไม่ใช่แล้วน่า พวกหลี่มู้กริ่งเกรงตระกูลฉินปานนี้เลยหรือ?
เซียวเฉวียนอยากจะให้หลี่หมู้ได้กิน แต่หลี่มู้ดื้อดึงไม่ยอม
ทั้งสองคนผลักกันไปมา บรรดาพวกไป๋ฉี่ต่างน้ำลายไหลจนแห้งแล้ว ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนยังจะแย่งกันต่ออีก
“เพราะเหตุใดจึงไม่กิน? พวกเจ้าไม่กิน ให้ข้าลองชิมแทนหรือไม่?”
ในเวลานี้ เสียงเสนาะหูดังนกขมิ้นเหลือดังขึ้นจากด้านหลังของเซียวเฉวียน
“ถงจือซูงั้นหรือ?” หลี่มู้ตกตะลึง คนผู้สูงศักดิ์เช่นนี้เหตุใดจึงมาจวนราชองครักษ์กันหรือ?
เซียวเฉวียนหัวใจหนักอึ้ง องค์หญิงเป็นฝ่ายมาหาเขาแล้ว
หากว่าเซียวเฉวียนมิได้เดาผิด ก่อนหน้านี้สตรีที่คอยมองจวนตระกูลเซียวจากที่ไกลๆ ข้างนอก ก็คือนางไม่ผิดแน่
“เจ้า ต้องปฏิเสธนาง”
คำพูดของฮ่องเต้ ยังก้องอยู่ข้างหูของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...