ในวันธรรมดา ณ กองราชองครักษ์ ยังไม่ต้องกล่าวถึงบุคคลเช่นองค์หญิง แม้แต่เหล่าขุนนางอื่น ๆ ต่างก็ไม่ได้อยู่ในสายตา
องค์หญิงที่ราวกับเทพ เดินมาอย่างช้า ๆ หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อหมูอบซอสแดงที่เซียวเฉวียนเป็นคนทำ และกินอย่างเอร็ดอร่อย
ถงจือซูกินเข้าไปแล้ว หลี่มู่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ทั้งสี่ห้าคนจึงรีบหยิบตะเกียบขึ้นมา!
ก่อนจะคีบตะเกียบ ทุกคนมีความเคลือบแคลงใจ แต่พอเอาเข้าปาก!
อร่อยจัง!
หลี่มู่เบิกตากว้าง นี่คือวิธีการปรุงแบบไหนกัน?
นุ่มนวล มีรสชาติ กลิ่นหอม เมื่อกัดเข้าไป ความมันก็แตกซ่านเต็มปาก!
เนื้อหมูชั้นดี รวมเข้ากับวิธีการปรุงเช่นนี้ ช่างวิเศษมากจริง ๆ!
หลี่มู่แทบไม่อยากเชื่อ เหวินฮั่นเคยพูดไว้ว่า เซียวเฉวียนผู้นี้เป็นคนพิเศษมาก เขาไม่เหมือนกับใครอื่น ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญบทกวีและโคลงกลอน ยังชอบกลั่นสุรา ทำอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้รู้หนังสือไม่ชอบทำนัก
เดิมทีหลี่มู่คิดว่าเจ้านายเพียงแต่พูดไปเท่านั้น แต่เซียวเฉวียนมีความรู้กว้างขวางมากจริง ๆ
ตีดาบจิงหุน ท่องบทกวีเทพได้อีก ครบเครื่องทั้งด้านบู๊และบุ๋นก็ว่าได้
และเขาทั้งเปิดโรงเหล้า ทำอาหาร เรื่องที่แตกต่างกันเช่นนี้ การค้าก็ยังไม่มีตำแหน่งที่ดี งานพ่อครัวในต้าเว่ยก็ถือเป็นงานชนชั้นล่าง เซียวเฉวียนจะดูแลทั้งหมดได้อย่างไร?
“อร่อยจัง”
องค์หญิงกินเนื้อคำเดียวหมดอย่างผู้ดี วางผ้าคลุมหน้าลงเบา ๆ ท่าทางราวกับนางฟ้า ทำให้คนอื่นลืมกินอาหารเลยทีเดียว และพวกเขาก็มององค์หญิงที่กำลังยิ้มเยาะอย่างไร้เดียงสา
“ถงจือซู มาที่กองราชองครักษ์ด้วยเหตุอันใด?”
เซียวเฉวียนถามขึ้นในทันที ด้วยน้ำเสียงที่ดูห่างเหิน เห็นชัดว่าองค์หญิงนึกไม่ถึงในท่าทีของเซียวเฉวียนที่เป็นเช่นนี้ ดวงตาที่สดใสของนางสั่นไหวเล็กน้อย และรู้สึกอับอาย
หลี่มู่ส่งสายตาให้ ถามสตรีในวังด้วยคำถามเช่นนี้ จะเสียมารยาทไปหน่อยแล้ว! เขายิ้มขึ้นเบา ๆ “ถงจือซู มาที่กองราชองครักษ์ด้วยเหตุอันใด?”
ประโยคนี้ ต่างจากที่เซียวเฉวียนพูดตรงไหน? ไม่ใช่ว่าน้ำเสียงดีขึ้นหน่อยหรือ?
เซียวเฉวียนพบว่า ผู้ที่เกิดในทาสคุนหลุนล้วนเป็นเช่นนี้ ตอนต่อสู้เป็นแบบหนึ่ง และชีวิตประจำวันก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
ครั้งแรกที่พบหลี่มู่ ทั้งเคร่งขรึมและเย็นชา เป็นความเยือกเย็นและความสุขุมอย่างที่เจ้าแห่งสงครามควรมี
หลังจากไปมาหาสู่กันได้สองสามวัน หลี่มู่ในทุก ๆ วันเป็นคนที่ใจดีและเป็นมิตร แม้บางครั้งอาจช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเซียวเฉวียนชอบทำตัวเป็นเด็ก ในฐานะที่หลี่มู่เป็นหัวหน้า ก็ควบคุมเขาไม่อยู่บ้าง ทำได้เพียงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่มีเหตุอันใด ข้าแค่เดินผ่านมา และก็ได้กลิ่นเนื้อหอม ๆ จึงเดินเข้ามาดู”
ในขณะที่พูดนั้น ดวงตาคู่งามขององค์หญิงเหลือบมองเซียวเฉวียนครู่หนึ่ง และรีบหลบสายตาไป
เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว เป็นอย่างที่ฮ่องเต้ว่าไว้ไม่มีผิด องค์หญิงแอบมาปลูกต้นรักกับเขาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่อาจรู้
“ข้าไปก่อนล่ะ พวกเจ้ากินให้อร่อยนะ”
องค์หญิงอยากพบเซียวเฉวียนมานานมากแล้ว แต่เซียวเฉวียนไม่ได้อาศัยที่จวนเซียว และที่จวนฉินก็มีคนอยู่มาก
ครั้งก่อนที่ตอบปฏิเสธฉินเฟิง นางทำได้เพียงมองอยู่ห่าง ๆ
วันนี้นางยับยั้งใจไม่อยู่แล้วจริง ๆ จึงมาที่กองราชองครักษ์ แต่ผลลัพธ์คือเซียวเฉวียนไม่ได้เข้าเวร ในตอนที่นางกำลังหันหลังกลับนั้น เซียวเฉวียนก็ยกหม้อเนื้อเข้ามาพอดี
ความในใจและข้ออ้างของเด็กสาว เหตุใดเซียวเฉวียนจึงไม่เข้าใจ?
คนโบราณมีความยับยั้งชั่งใจและไหวพริบในเรื่องความรู้สึก เช่นเดียวกับสมัยมัธยมปลาย เมื่อเด็กหนุ่มและเด็กสาวตกหลุมรักกันครั้งแรก พวกเขามักใช้ข้อแก้ตัวที่ชัดเจน เพื่อมองคนที่พวกเขาชอบ
องค์หญิงก้าวเท้าออกจากกองราชองครักษ์ เซียวเฉวียนรีบตามออกไปทันที และเรียกนางไว้
“องค์หญิง ได้โปรดช้าก่อน”
นางหยุดลง เซียวเฉวียนกลับไม่ปริปากพูด การปฏิเสธสตรี จักต้องตรงไปตรงมา มิเช่นนั้นพวกนางจะคิดฝันไปเอง
แต่หากพูดตรงเกินไป ก็จะทำให้ฝ่ายหญิงขายหน้า และอีกฝ่ายยังเป็นถึงองค์หญิงที่จริงจัง เซียวเฉวียนเกาหัวยิก ๆ ดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มขององค์หญิง มองมาที่เขาจนทำให้รู้สึกเกรงใจและทำตัวไม่ถูก
แม้แต่ในยุคสมัยปัจจุบัน ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาแอบเฝ้ามองเซียวเฉวียนอยู่ที่หน้าบ้าน
สตรีผู้งดงามและน่าลุ่มหลง เซียวเฉวียนจะบอกว่าไม่มีใจก็คงไม่ใช่ แต่เขารู้ดีว่าความรักในยุคสมัยโบราณ มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์ของกลุ่มคนด้วยเสมอ ไม่เหมือนกับยุคสมัยปัจจุบัน รักก็แค่รัก
“ท่านอย่ามาชอบข้าเลย ข้ากับท่านไม่มีทางเป็นไปได้”
คำพูดของเซียวเฉวียน!
บัดซบ!
พูดตรงเกินไปแล้ว!
เขากระแอมไอเสียงแห้ง ในเมื่อพูดออกไปแล้ว ยังจะทำสิ่งใดได้อีก!
เขาเพียงกลัวว่าองค์หญิงจะร้องไห้แง ๆ ออกมา เพราะเขาไม่มีประสบการณ์ในการง้อสาวเลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...