บทที่ 205 หยดน้ำตากินใจคน – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 205 หยดน้ำตากินใจคน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ในวันธรรมดา ณ กองราชองครักษ์ ยังไม่ต้องกล่าวถึงบุคคลเช่นองค์หญิง แม้แต่เหล่าขุนนางอื่น ๆ ต่างก็ไม่ได้อยู่ในสายตา
องค์หญิงที่ราวกับเทพ เดินมาอย่างช้า ๆ หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อหมูอบซอสแดงที่เซียวเฉวียนเป็นคนทำ และกินอย่างเอร็ดอร่อย
ถงจือซูกินเข้าไปแล้ว หลี่มู่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ทั้งสี่ห้าคนจึงรีบหยิบตะเกียบขึ้นมา!
ก่อนจะคีบตะเกียบ ทุกคนมีความเคลือบแคลงใจ แต่พอเอาเข้าปาก!
อร่อยจัง!
หลี่มู่เบิกตากว้าง นี่คือวิธีการปรุงแบบไหนกัน?
นุ่มนวล มีรสชาติ กลิ่นหอม เมื่อกัดเข้าไป ความมันก็แตกซ่านเต็มปาก!
เนื้อหมูชั้นดี รวมเข้ากับวิธีการปรุงเช่นนี้ ช่างวิเศษมากจริง ๆ!
หลี่มู่แทบไม่อยากเชื่อ เหวินฮั่นเคยพูดไว้ว่า เซียวเฉวียนผู้นี้เป็นคนพิเศษมาก เขาไม่เหมือนกับใครอื่น ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญบทกวีและโคลงกลอน ยังชอบกลั่นสุรา ทำอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้รู้หนังสือไม่ชอบทำนัก
เดิมทีหลี่มู่คิดว่าเจ้านายเพียงแต่พูดไปเท่านั้น แต่เซียวเฉวียนมีความรู้กว้างขวางมากจริง ๆ
ตีดาบจิงหุน ท่องบทกวีเทพได้อีก ครบเครื่องทั้งด้านบู๊และบุ๋นก็ว่าได้
และเขาทั้งเปิดโรงเหล้า ทำอาหาร เรื่องที่แตกต่างกันเช่นนี้ การค้าก็ยังไม่มีตำแหน่งที่ดี งานพ่อครัวในต้าเว่ยก็ถือเป็นงานชนชั้นล่าง เซียวเฉวียนจะดูแลทั้งหมดได้อย่างไร?
“อร่อยจัง”
องค์หญิงกินเนื้อคำเดียวหมดอย่างผู้ดี วางผ้าคลุมหน้าลงเบา ๆ ท่าทางราวกับนางฟ้า ทำให้คนอื่นลืมกินอาหารเลยทีเดียว และพวกเขาก็มององค์หญิงที่กำลังยิ้มเยาะอย่างไร้เดียงสา
“ถงจือซู มาที่กองราชองครักษ์ด้วยเหตุอันใด?”
เซียวเฉวียนถามขึ้นในทันที ด้วยน้ำเสียงที่ดูห่างเหิน เห็นชัดว่าองค์หญิงนึกไม่ถึงในท่าทีของเซียวเฉวียนที่เป็นเช่นนี้ ดวงตาที่สดใสของนางสั่นไหวเล็กน้อย และรู้สึกอับอาย
หลี่มู่ส่งสายตาให้ ถามสตรีในวังด้วยคำถามเช่นนี้ จะเสียมารยาทไปหน่อยแล้ว! เขายิ้มขึ้นเบา ๆ “ถงจือซู มาที่กองราชองครักษ์ด้วยเหตุอันใด?”
ประโยคนี้ ต่างจากที่เซียวเฉวียนพูดตรงไหน? ไม่ใช่ว่าน้ำเสียงดีขึ้นหน่อยหรือ?
เซียวเฉวียนพบว่า ผู้ที่เกิดในทาสคุนหลุนล้วนเป็นเช่นนี้ ตอนต่อสู้เป็นแบบหนึ่ง และชีวิตประจำวันก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
ครั้งแรกที่พบหลี่มู่ ทั้งเคร่งขรึมและเย็นชา เป็นความเยือกเย็นและความสุขุมอย่างที่เจ้าแห่งสงครามควรมี
หลังจากไปมาหาสู่กันได้สองสามวัน หลี่มู่ในทุก ๆ วันเป็นคนที่ใจดีและเป็นมิตร แม้บางครั้งอาจช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเซียวเฉวียนชอบทำตัวเป็นเด็ก ในฐานะที่หลี่มู่เป็นหัวหน้า ก็ควบคุมเขาไม่อยู่บ้าง ทำได้เพียงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่มีเหตุอันใด ข้าแค่เดินผ่านมา และก็ได้กลิ่นเนื้อหอม ๆ จึงเดินเข้ามาดู”
ในขณะที่พูดนั้น ดวงตาคู่งามขององค์หญิงเหลือบมองเซียวเฉวียนครู่หนึ่ง และรีบหลบสายตาไป
เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว เป็นอย่างที่ฮ่องเต้ว่าไว้ไม่มีผิด องค์หญิงแอบมาปลูกต้นรักกับเขาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่อาจรู้
“ข้าไปก่อนล่ะ พวกเจ้ากินให้อร่อยนะ”
องค์หญิงอยากพบเซียวเฉวียนมานานมากแล้ว แต่เซียวเฉวียนไม่ได้อาศัยที่จวนเซียว และที่จวนฉินก็มีคนอยู่มาก
ครั้งก่อนที่ตอบปฏิเสธฉินเฟิง นางทำได้เพียงมองอยู่ห่าง ๆ
วันนี้นางยับยั้งใจไม่อยู่แล้วจริง ๆ จึงมาที่กองราชองครักษ์ แต่ผลลัพธ์คือเซียวเฉวียนไม่ได้เข้าเวร ในตอนที่นางกำลังหันหลังกลับนั้น เซียวเฉวียนก็ยกหม้อเนื้อเข้ามาพอดี
ความในใจและข้ออ้างของเด็กสาว เหตุใดเซียวเฉวียนจึงไม่เข้าใจ?
คนโบราณมีความยับยั้งชั่งใจและไหวพริบในเรื่องความรู้สึก เช่นเดียวกับสมัยมัธยมปลาย เมื่อเด็กหนุ่มและเด็กสาวตกหลุมรักกันครั้งแรก พวกเขามักใช้ข้อแก้ตัวที่ชัดเจน เพื่อมองคนที่พวกเขาชอบ
องค์หญิงก้าวเท้าออกจากกองราชองครักษ์ เซียวเฉวียนรีบตามออกไปทันที และเรียกนางไว้
“องค์หญิง ได้โปรดช้าก่อน”
นางหยุดลง เซียวเฉวียนกลับไม่ปริปากพูด การปฏิเสธสตรี จักต้องตรงไปตรงมา มิเช่นนั้นพวกนางจะคิดฝันไปเอง
แต่หากพูดตรงเกินไป ก็จะทำให้ฝ่ายหญิงขายหน้า และอีกฝ่ายยังเป็นถึงองค์หญิงที่จริงจัง เซียวเฉวียนเกาหัวยิก ๆ ดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มขององค์หญิง มองมาที่เขาจนทำให้รู้สึกเกรงใจและทำตัวไม่ถูก
แม้แต่ในยุคสมัยปัจจุบัน ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาแอบเฝ้ามองเซียวเฉวียนอยู่ที่หน้าบ้าน
สตรีผู้งดงามและน่าลุ่มหลง เซียวเฉวียนจะบอกว่าไม่มีใจก็คงไม่ใช่ แต่เขารู้ดีว่าความรักในยุคสมัยโบราณ มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์ของกลุ่มคนด้วยเสมอ ไม่เหมือนกับยุคสมัยปัจจุบัน รักก็แค่รัก
“ท่านอย่ามาชอบข้าเลย ข้ากับท่านไม่มีทางเป็นไปได้”
คำพูดของเซียวเฉวียน!
บัดซบ!
พูดตรงเกินไปแล้ว!
เขากระแอมไอเสียงแห้ง ในเมื่อพูดออกไปแล้ว ยังจะทำสิ่งใดได้อีก!
เขาเพียงกลัวว่าองค์หญิงจะร้องไห้แง ๆ ออกมา เพราะเขาไม่มีประสบการณ์ในการง้อสาวเลยแม้แต่น้อย
เซียวเฉวียนชะงักไป
นางเป็นเหมือนดอกไม้ที่บอบบาง สั่นคลอนจนแทบร่วงหล่น หยดน้ำตากินใจคน
“คำพูดของใต้เท้าเซียว ข้าเข้าใจแล้ว” องค์หญิงสูดหายใจ กล่าวเสียงสะอื้น “ขอตัวก่อน”
พูดจบ นางก็เดินหายไปในตรอกยาว
นางอดกลั้นที่จะไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย
เซียวเฉวียนรู้สึกปวดใจ แม้จะเป็นถึงองค์หญิง แต่ก็เป็นเด็กสาวที่รู้ความ ไม่เอะอะโวยวายเลยแม้แต่น้อย
อาจเป็นเพราะนางอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ที่รายล้อมไปด้วยคนใจไม้ไส้ระกำ ดังนั้นนางจึงระมัดระวังตัว และควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้
ไม่คิดว่าฉินซูโหรว พวกคุณหนูใหญ่เหล่านี้ที่เติบโตที่นี่ แต่ละคนต่างพากันเย่อหยิ่ง ต่างพากันดื้อรั้นเอาแต่ใจ
“บัดซบ!”
อาสือตื่นตกใจ “ท่านพี่ เมื่อครู่ปฏิเสธถงจือซูงั้นหรือ?”
“นางเป็นถึงองค์หญิงด้วย?”
“ท่านพี่ ท่านปฏิเสธองค์หญิงเชียวหรือ!”
ในสายตาของอาสือเต็มไปด้วยความเลื่อมใส ทำไมท่านถึงเยี่ยมยอดเช่นนี้นะ!
เนื้อที่อยู่ในปากหลี่มู่ไม่อร่อยเสียแล้ว ตะเกียบก็ร่วงลงพื้น!
ข้าราชการคนอื่น ๆ ยิ่งพากันตกใจเสียจนสามจิตเจ็ดวิญญาณหนีเตลิดไปหมดแล้ว!
เมื่อครู่ที่เซียวเฉวียนและองค์หญิงพูดคุยกัน พวกเขาได้ยินทั้งหมด! ไป๋ฉี่ร้อนใจอย่างบ้าคลั่งอยู่ข้าง ๆ!
แต่นี่เป็นความลับของนายท่าน! หากให้คนนอกรู้ว่าองค์หญิงชอบนายท่าน นายท่านก็จะต้องตายเร็วขึ้นไม่ใช่หรือ!
เสียดายที่นายท่านไม่มีกำลังภายใน จึงไม่รู้ว่าพวกเขาต่างก็อยู่ที่นั่นด้วย!
คำก็องค์หญิง สองคำก็องค์หญิง! ปฏิเสธไม่หยุดปาก!
“ขอโทษด้วย ข้าต้องฆ่าปิดปากเสียแล้ว” ไป๋ฉี่ชักดาบจิงหุนออกมาอย่างเลือดเย็น
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อนายท่าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...