ข้ามาแล้ว!
เสียงนี้ ทำให้จิตใจของย่าเหยียนเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
เป็นเซียวเฉวียน เขาออกมาปรากฏตัวเองแล้ว!
ดูท่าแล้ว เด็กน้อยคนนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเขา
มาได้เวลาพอดี!
เสียงของย่าเหยียนพูดตะโกนออกมา สายตาเยือกเย็นมองไปที่เซียวเฉวียน หลังจากนั้นก็หันหลังกลับไปทางเซียวเฉวียน
“เซียวเฉวียน ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าออกมาในเวลานี้!”
เห็นได้ชัดว่าออกมาตาย!
สมกับความตั้งใจของย่าเหยียนพอดี!
ในเมื่อเซียวหมิงชิวรู้เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาของย่าเหยียน และนางก็เป็นพวกเดียวกันกับเซียวเฉวียน คิดว่าเซียวเฉวียนก็น่าจะรู้แล้วเช่นกัน
ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม วันนี้เซียวเฉวียนจะต้องตาย!
ทันทีที่เซียวเฉวียนปรากฏตัวออกมา ยิ่งทำให้เซียวหมิงชิวตกใจมาก ก่อนที่นางจะมาที่นี่ นางได้สร้างม่านกั้นเซียวเฉวียนเอาไว้แล้ว
ม่านกั้นนั้นแม้แต่ย่าเหยียนยังไม่สามารถทำลายได้ เซียวเฉวียนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ทำไมถึงออกมาจากม่านกั้นได้ และยังมาที่นี่ได้อย่างรวดเร็วอีก?
ไม่มีเวลาให้ถามมากแล้ว เซียวหมิงชิวรีบหยิบไม้กระบองยาวขึ้นมาจากพื้น มุ่งหน้าตรงไปเข้าโจมตีไปที่ย่าเหยียน
จะไม่ยอมให้นางทำร้ายเซียวเฉวียนได้!
ที่จริงแล้ว หลังจากที่เซียวเฉวียนรู้ว่าเซียวหมิงชิวต่อสู้กับย่าเหยียน เขาเป็นห่วงเซียวหมิงชิวอย่างมาก และในตอนหลังนางไม่ยอมพูดตอบเขา ดังนั้นเขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
ในขณะที่ไม่สบายใจอยู่นั้น เขาก็คิดที่จะมาหาเซียวหมิงชิว
แต่เขาก็รู้ว่าม่านกั้นของเซียวหมิงชิวทำลายได้ยากมาก ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เขาไม่สามารถที่จะออกไปได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปช่วยเซียวหมิงชิว
ตอนขณะที่เซียวเฉวียนกำลังรู้สึกวิตกกังวลร้อนร้นอย่างมาก น้ำเสียงนิ่งสงบของผนึกจูเสินก็พูดขึ้นว่า “ทำไมเจ้าไม่ลองทำดู แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจะสามารถทำลายม่านกั้นนี้ได้หรือไม่?”
ผนึกจูเสินต้องมีเหตุผลอะไรถึงได้พูดอย่างนี้ออกมา คำพูดของเขาทำให้เซียวเฉวียนมองเห็นความหวังขึ้นมา
ผนึกจูเสินพูดสิ่งที่สำคัญต่อว่า “ลองใช้พู่กันเฉียนคุนเคลื่อนไหวดูสิ”
ความหมายของเขาก็คือ ผ่านการฝึกฝนในช่วงหลายวันมานี้ พลังของเซียวเฉวียนพัฒนาเพิ่มมากยิ่งขึ้น ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถทำลายม่านกั้นนี้ได้
ด้วยคำพูดของผนึกจูเสิน เซียวเฉวียนพูดเสียงเยือกเย็นขึ้นว่า “พู่กันจินหลุนเฉียนคุน!”
พู่กันเฉียนคุนได้ยินเสียงก็ออกมา ลอยอยู่บนอากาศ ส่องแสงเป็นสีแดงและสีขาว ดูสง่ามงามอย่างมาก!
ตอนแรกที่อยู่ที่เกาะจูเสินใช้พู่กันเฉียนคุนต่อสู้กับผนึกจูเสินได้ผลดีเป็นอย่างมาก เวลาผ่านไปนาน ตอนนี้พลังของเซียวเฉวียนแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก และบวกกับว่าเซียวเฉวียนมีความตั้งใจพยายามในการฝึกฝน
ผนึกจูเสินรู้สึกว่า ใช้พู่กันเฉียนคุนทำลายม่านกั้นนี้ น่าจะทำได้ไม่มีปัญหา
เซียวเฉวียนนั่งขัดสมาธิ หลับตารวบรวมทำสมาธิ ใช้พลังจิตขับเคลื่อนพู่กันเฉียนคุน
พู่กันเฉียนคุนได้รับคำสั่งจากเซียวเฉวียน
ทันใดนั้นก็เปล่งแสงสีขาวสีแดงออกมา โอบล้อมม่านกั้นทั้งหมดไว้
เซียวเฉวียนรู้สึกว่ารอบข้างมีความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ก่อนหน้านั่นรอบๆบริเวณนิ่งสงบ เริ่มมีกระแสลมพัดผ่านขึ้นมา ด้วยการที่เขาเพ่งสมาธิ ในการเคลื่อนไหวของกระแสลมเปลี่ยนเป็นรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ข้างหูของเซียวเฉวียนก็มีเสียง “เพล้งเพล้ง” หลังจากนั้นก็กลายเป็นเสียงแตกละเอียดของบ้างสิ่งอย่างดังขึ้น
เสียงนี้ เซียวเฉวียนเคยได้ยินมาก่อน มันเป็นเสียงของม่านกั้นถูกทำลาย
ความหวังกำลังจะเกิดขึ้น แต่เซียวเฉวียนยังไม่ยอมลดละ ยังคงพยายามรวบรวมพลังจิตทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปประมาณชั่วครู่หนึ่ง เซียวเฉวียนก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “เพล้ง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...