เธอเตรียมมือข้างหนึ่งออกมาแอบรวบรวมกำลังภายใน กะจะฉวยโอกาสที่ยายเหยียนไม่ทันระวัง ผ่านม่านกำบังชิงเอาพู่กันเฉียนคุนกลับมา
แต่ดูเหมือนว่ายายเหยียนจะรู้มาก่อนแล้วว่าเซียวหมิงชิวจะทำอย่างนั้น นางหมุนตัวไป เซียวหมิงชิวก็พลาดไปนางพูดอย่างเริงร่าว่า "เธอนั่นหรือ คิดจะเล่นตุกติกภายใต้จมูกหายใจของเจ้าสำนักอย่างข้า ? "
แต่ก่อนที่เซียวหมิงชิวทำได้ สามารถฆ่าคนของนางได้สำเร็จ เพราะนางไม่ได้ระวังเลย ทั้งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นใคร
ในเวลานั้น นางตกอยู่ในสภาพถูกกระทำ อยู่ในด้านสว่าง
ตอนนี้ ในเมื่อรู้แล้วว่าคู่ต่อสู้คือเซียวหมิงชิว ยายเหยียนจะปล่อยให้เธอทำสำเร็จง่ายๆ อีกได้อย่างไร
เธอได้สังหารลูกน้องที่ยายเหยียนอุตส่าห์บ่มเพาะด้วยความเหน็ดเหนื่อยมาไปหลายคน บัญชีนี้ ยายเหยียนก็ควรทวงชำระกับเธอแล้ว
เซียวหมิงชิวไม่ได้บอกเซียวเฉวียนว่า พู่กันเฉียนคุนตกไปอยู่ในมือของยายเหยียน ไม่อยากจะกระเทือนใจเซียวเฉวียนใช่ไหม ?
แต่ยายเหยียนไม่อยากให้เธอสมใจ นางพูดเสียงหนักแน่นว่า "เธอนั่นหรือจะชิงเอาพู่กันเฉียนคุนจากมือข้าได้ ?"
อย่างว่า พอได้ยินว่าพู่กันเฉียนคุนอยู่ในมือของยายเหยียน เปลือกตาของเซียวเฉวียนก็กระตุก สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มีความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทำไมพู่กันเฉียนคุนถึงประมาทเช่นนี้ ไปตกอยู่ในมือของยายเหยียนได้อย่างไร ?
ยายเหยียนไม่ทำลายมันทิ้งก็แปลกล่ะสิ
เซียวเฉวียนคิดจะชิงเอาพู่กันเฉียนคุนคืน แต่สภาพของเขาตอนนี้ เหมือนโดนกดจุดไว้ ตาลืมไม่ขึ้น ปากพูดไม่ได้ อย่าว่าแต่ไปชิงเอาพู่กันเฉียนคุนเลย ด้วยสภาพของเขานี้ แค่ออกจากม่านกำบังนี้ ก็ต้องถูกยายเหยียนตีอยู่ท่าเดียว
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เขารู้สึกทรมานทั้งตัวแทบตาย ไม่มีทางจะสู้รบกับยายเหยียนได้เด็ดขาด
ให้เซียวหมิงชิวออกไปเอาคืน ก็ไม่ได้อยู่ดี
เซียวหมิงชิวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยายเหยียน
แต่ถ้าไม่ออกไปชิงเอากลับ พู่กันเฉียนคุนก็ต้องถูกทำลายในมือของยายเหยียน พู่กันเฉียนคุนนั้นหายากในโลก ถูกทำลายไปก็หาไม่ได้อีกแล้ว !
ขณะที่เซียวเฉวียนกำลังคิดว่าจะรักษาพู่กันเฉียนคุนไว้อย่างไร เซียวหมิงชิวก็กระซิบว่า "พ่อจ๊ะ หมิงชิวจะออกไปตอนนี้ ไปเอาพู่กันเฉียนคุนกลับมาให้พ่อ"
เซียวเฉวียนปากพูดไม่ได้ เขาใช้มือรั้งเซียวหมิงชิวไว้ด้วยความยากลำบาก ส่งสัญญาณให้เธอว่าอย่าไป
เขาส่งพลังเสียงในใจว่า "ทำไมไม่ฉวยโอกาสนี้ หลอกให้ยายเหยียนพูดออกมาล่ะ"
เซียวหมิงชิวไม่ทันคิดอะไรได้ ผงะไปครู่หนึ่ง สงสัยเซียวเฉวียนหมายถึงอะไรอยู่
เห็นว่าเซียวหมิงชิวไม่ตอบสนอง เซียวเฉวียนจึงอธิบายว่า "เรื่องของกองทัพตระกูลเซียว"
เรื่องทำลายเขาคุนหลุน นางยังยอมรับ คิดว่าเรื่องลักแก่นเลือดระหว่างคิ้วของทัพตระกูลเซียว หากนางมีส่วนร่วมจริง นางก็คงบอกเช่นกัน
ทำเช่นนี้ยิ่งกระเทือนใจเซียวเฉวียนได้มากขึ้น ทำให้เซียวเฉวียนยิ่งทำใจไม่ได้และตายด้วยใจเกลียดชัง !
พอรู้เรื่อง เซียวหมิงชิวก็ทำใจสงบ พูดด้วยความห่วงใยว่า "แต่พู่กันเฉียนคุนอยู่ในมือของนาง"
แค่นางออกแรงสักนิด พู่กันเฉียนคุนก็คง “ป๊อก”หักเป็นสองท่อน
เซียวเฉวียนกล่าวว่า "ไม่ต้องห่วง พู่กันเฉียนคุนไม่หักง่ายขนาดนั้น"
มันมาจากคุนหลุน เป็นเครื่องมืออันศักดิ์สิทธิ์ของคุนหลุน ไม่ได้เปราะบางขนาดนั้น
ถ้ามันถูกทำลายง่ายขนาดนั้น มันคงอยู่ไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
ในฐานะเครื่องมืออันศักดิ์สิทธิ์ พู่กันเฉียนคุนจะแย่ยังไงก็ควรต้องแข็งกว่าดาบจิงหุนใช่ไหมล่ะ ?
ดาบจิงหุน ยายเหยียนยังกินไม่ลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพู่กันเฉียนคุน
ที่นางพูดอย่างนั้น ก็แค่พูดขู่เซียวเฉวียนและเซียวหมิงชิวเท่านั้นแหละ
ถ้าพู่กันเฉียนคุนหักง่ายขนาดนั้นจริงๆ ตอนที่เข้าไปในมือของยายเหยียนทีแรก นางคงจะหักมันทิ้งไปนานแล้ว ไม่เก็บไว้ถึงป่านนี้หรอก
ได้ยินแล้ว เซียวหมิงชิวก็รู้สึกว่ามีเหตุผล เธอก็ล้มเลิกความคิดที่จะออกไปรบกับยายเหยียนเสียก่อน
เธอมองยายเหยียนด้วยสายตาเย็นชาและไม่พูดอะไร
ก็หมายความว่า นางจะทำอะไรก็ได้ ตามใจชอบ
ท่าทีของเซียวหมิงชิวนั้นเกินความคาดหมายของยายเหยียน เดิมทีนางคิดว่าทำอย่านี้จะสามารถยั่วยุให้เซียวหมิงชิวออกมาจากม่านกำบังได้ จากนั้นจึงรีบเก็บเซียวหมิงชิวให้เร็วที่สุด
ไม่คิดว่า เธอไม่หลงกลนี้แม้แต่นิดเดียว
เขายังมาถูกยายเหยียนวางยาพิษ !
ผู้ร้ายก็ยืนอยู่ตรงหน้า แต่เขาทำอะไรไม่ได้ !
เขาเกลียดมัน ! เกลียดตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอ !
ความคับแค้นอัดแน่นอยู่เต็มทรวง การสัมผัสรับรู้ของเซียวเฉวียนมีความฉับไวยิ่งกว่าก่อน เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเลือดลมในร่างกายของเขาเริ่มซัดกระหน่ำ
แรงแค้นอันแข็งกล้าและลมเหน็บในร่างกายประสานกันราวกับว่ามีคนสองคนต่อสู้กันในร่างกายของเซียวเฉวียน ทั้งสองกำลังสนุกกัน แต่ร่างของเซียวเฉวียนรู้สึกเหมือนจะถูกฉีกออกจากกันได้ทุกเมื่อ ความรู้สึกแบบนี้ยิ่งมายิ่งรุนแรงมากขึ้น
เซียวเฉวียนอดทอดถอนใจไม่ได้
สภาพของเขาตอนนี้ ทำให้เซียวหมิงชิวกังวลมาก "พ่อ"
เซียวเฉวียนกระตุกเสื้อผ้าของเซียวหมิงชิวและส่งสัญญาณให้เธอไม่ต้องหุนหันพลันแล่น ไม่ต้องกังวล
เขาไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ
แต่ครั้งนี้ เซียวหมิงชิวไม่ฟังเซียวเฉวียน เธอปล่อยมือและยืนขึ้น เธอจะออกไปฆ่านางยายเหยียนนั่น
ในเมื่อไม่มียาแก้พิษ ถ้าเซียวเฉวียนตายไป เธอจะต้องให้ยายเหยียนนั่นมาเป็นที่หนุนหลังให้พ่อ !
สัมผัสรู้สึกได้ถึงกลิ่นไออาฆาตของเซียวหมิงชิว เซียวเฉวียนจึงอดทนต่อความเจ็บปวดทั่วร่างและส่งสัญญาณถึงเซียวหมิงชิว "หมิงชิว อย่าออกไปข้างนอก"
ไม่ได้รับคำตอบจากเซียวหมิงชิว แต่รู้สึกว่าลมหายใจของเซียวหมิงชิวห่างออกไปเรื่อยๆ เซียวเฉวียนรู้ว่าหนูน้อยคนนี้ต้องแจ้นออกไปแล้ว
เซียวเฉวียนร้อนใจจนแทบตายให้ได้
วิ่งแจ้นออกไปอย่างนี้ ดีไม่ดี เซียวหมิงชิวอาจเกิดเรื่องได้ !
ไม่ได้ เซียวเฉวียนต้องหาทางช่วยชีวิตเธอ !
ปัญญาเกิดยามคับขัน เซียวเฉวียนทนกลั้นความเจ็บปวดในร่างเขาอย่างสุดฤทธิ์ เขารวบรวมพลังให้รวมศูนย์ กะจะใช้พลังแห่งความคิดเพื่อขับเคลื่อนพู่กันเฉียนคุน
แต่ว่า พลังความคิดยังไม่ทันขับเคลื่อน ไฟแค้นสุมอกของเซียวเฉวียนปะทุดัง “พัวะ” เลือดสีแดงเข้มพุ่งออกมาเต็มปาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...