ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 2040

หรือพูดอีกอย่างก็คือ เขาเสียเวลามาห้าวันแล้วอย่างนั้นหรือ?

เอ๊ะ?

นักปราชญ์อยากจะบีบคอชายที่อยู่ตรงหน้าให้ตายไปเลย เขาโกรธมาก เหตุใดเจ้าต้องช่วยข้า?

เหตุใดเจ้าถึงเข้ามายุ่งเรื่องของข้า?

แบบนี้ปล่อยให้ข้าตายไปในทะเลทรายเลยเสียยังดีกว่า!

แม้ว่านักปราชญ์จะไม่ได้พูดออกมา แต่จากท่าทางของเขาทำให้ชายคนนั้นรู้สึกสับสนว่านักปราชญ์เป็นอะไรไป?

ชายผู้นั้นคิดแล้วคิดอีก แต่ก็คิดหาเหตุผลไม่ได้ เขาทำได้เพียงถามออกมาด้วยความเป็นห่วง “ท่านผู้เฒ่า ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

นักปราชญ์กลอกตาขาวใส่ผู้ชายคนนั้นอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ มองไปที่เขาด้วยสายตาสงบโดยไม่ได้พูดอะไร

เขาไม่อยากพูดอะไรออกมา เกรงว่าตัวเองจะระงับความโกรธที่มีต่อชายผู้นี้ไม่ได้

สบายมาก ขอบคุณที่เขาเป็นห่วง มันช่างสบายเสียจริง!

สบายจนถึงขั้นทำให้นักปราชญ์อาจจะสูญเสียกองกำลังชาวยุทธ์แท้ไปเลยก็ได้

อดทนมาพักใหญ่ สุดท้ายนักปราชญ์ก็สามารถระงับความโกรธในใจเอาไว้ได้ เขาค่อยๆ เอ่ยปากออกมา “ข้าไม่เป็นไร”

สุดท้ายเขาก็ขอบคุณชายผู้นั้นและจากไป

ชายคนนั้นคิดจะตะโกนเรียกนักปราชญ์ บอกให้เขามาพักฟื้นในบ้านสักระยะ รอให้ร่างกายหายดีก่อนแล้วค่อยออกเดินทาง แต่เมื่อนึกถึงท่าทางแปลกๆ ของนักปราชญ์ตอนที่ตื่นมา เขาก็รู้สึกว่าตนเองคงทำอะไรกับตาเฒ่าพิลึกผู้นี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงปล่อยให้นักปราชญ์เดินไปตามทางของเขา

และเมื่อนักปราชญ์เดินมาถึงด้านนอกของประตู หลังจากเห็นว่ารอบๆ ไม่มีผู้ใดอยู่ ร่างกายของเขาก็หายแวบไป เดินทางผ่านทะเลทรายด้วยความรวดเร็ว

แต่หลังจากไปได้ไม่ไกล เขาก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง

เมื่อมีบทเรียนในอดีต ครั้งนี้เขาไม่อาจเข้าไปในทะเลทรายด้วยมือเปล่าได้อีกแล้ว

เขาจะต้องเตรียมอาหารและเครื่องดื่มให้เพียงพอ

เขาปรากฏตัวด้านหน้าของชายผู้นั้นด้วยความไร้ยางอาย ในตอนนั้นชายคนดังกล่าวกำลังเตรียมตัวที่จะออกเดินทาง

เห็นนักปราชญ์ปรากฏตัวออกมาด้านหน้า ชายผู้นั้นก็ถามออกมาด้วยความสงสัย “ท่านผู้เฒ่ามีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”

เมื่อครู่ชายผู้นี้เดินออกมาดู แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนักปราชญ์ ผ่านไปครู่หนึ่งนักปราชญ์ก็มาปรากฏตัวที่นี่อีกครั้ง แม้ว่าชายผู้นี้จะไม่ใช่คนของยุทธภพ แต่เขาก็ได้เห็นและเดินทางผ่านยุทธภพมามากมาย ดังนั้นเขาจึงมีความรู้ที่หลากหลายมากขึ้นโดยธรรมชาติ

และการที่นักปราชญ์ปรากฏตัวบนทะเลทรายเพียงลำพัง แต่เห็นก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา

ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่นักปราชญ์ฟื้นขึ้นมา เขาก็รีบร้อนที่จะเดินทางจากไป ทำให้ชายผู้นั้นยิ่งมั่นใจว่านักปราชญ์นั้นไม่ใช่คนธรรมดา

และการที่เขาจากไปแล้ว แต่กลับมาที่นี่อีกครั้ง นั่นก็แปลว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เขาต้องการอยู่ที่นี่?

เนื่องจากชายผู้นี้เคยช่วยนักปราชญ์มาจากทะเลทรายอย่างยากลำบากไปแล้วครั้งหนึ่ง เขาจึงไม่รังเกียจที่จะให้ความช่วยเหลือนักปราชญ์อีกสักครั้ง

แน่นอน เรื่องที่จะช่วยจะต้องอยู่บนเงื่อนไขของความเป็นมนุษย์

ในฐานะที่นักปราชญ์เป็นเจ้าสำนักหมิงเซียนผู้สง่างาม ตัวแทนแห่งเทียนเต๋า การที่เอ่ยปากขอข้าวขอน้ำผู้อื่นกินนั้น มันน่าออกจะน่าอายไปหน่อย

แม้ว่าในใจจะดิ้นรนอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็รู้สึกขาดความมั่นใจเล็กน้อย พูดออกมาด้วยความเขินอายว่า “น้องชาย เจ้าจะมอบอาหารและน้ำให้ข้าสักเล็กน้อยได้หรือไม่?”

“มันจะเป็นต้องใช้สำหรับการเดินทาง”

นี่ไม่ใช่เรื่องยาก ชายผู้นี้รับปากทันใด “ไม่มีปัญหา”

เขาส่งสายตาไปยังคนที่อยู่ข้างกาย บอกให้คนที่อยู่ข้างกายของเขามอบอาหารและเครื่องดื่มให้กับนักปราชญ์

เป็นไปตามความต้องการของนักปราชญ์ ได้อาหารและน้ำมาแล้ว หลังจากที่นักปราชญ์กล่าวขอบคุณชายคนดังกล่าว เขาก็ออกเดินทาง

เห็นเงาของนักปราชญ์ห่างไกลไปเรื่อยๆ ชายคนดังกล่าวก็ออกเดินทางเช่นนั้น พวกเขาเดินทางไปยังทิศตรงกันข้าม

คนที่อยู่ข้างกายของชายผู้นั้นถามออกมาด้วยความสงสัย “คุณชาย ทิศทางที่ชายชราผู้นั้นกำลังเดินทางไปมันคือทะเลทรายไม่ใช่หรือ?”

เขาเพิ่งจะได้รับการช่วยเหลือออกมาจากทะเลทราย เหตุใดถึงไปที่นั่นอีก?

ชายผู้นั้นเองก็มีสีหน้าสงสัยเช่นกัน “บางทีเขาอาจจะมีเรื่องสำคัญที่จะเป็นต้องไปจริงๆ”

กองคาราวานเริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ และนักปราชญ์ก็มาถึงดินแดนที่ไร้ผู้คน ใช้ทักษะวิชาตัวเบาของเขา เวลานี้เขาได้มาถึงใจกลางของทะเลทรายแล้ว

สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของนักปราชญ์ก็คือ วันนี้สภาพอากาศในทะเลทรายดีมาก แม้จะมีลมพัดเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไร ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของเขา

แต่พายุหิมะอันรุนแรงและพลังแสงอันแข็งแกร่ง ดูเหมือนว่าพวกมันจะระบุตัวตนของย่าเหยียนไว้แล้ว ไล่ตามย่าเหยียนอย่างไม่ลดละ ล้อมรอบนางไว้อย่างแน่นหนา มันไม่ง่ายเลยที่จะหนีออกไป?

แต่หากไม่หนีออกไป สิ่งที่รออยู่ก็มีเพียงแค่ความตายเท่านั้น!

ย่าเหยียนพยายามดิ้นรนกับพายุหิมะอันรุนแรงพร้อมกับหาทางทำลายมัน

ทันใดนั้นสายตาของนางก็จับจ้องมาที่ร่างของเซียวเฉวียน วินาทีที่สบตากับเซียวเฉวียน จู่ๆ ความคิดก็ปรากฏขึ้นในหัวของนาง

ตามสุภาษิตที่ว่า หากต้องการคว้าชัยชนะ เช่นนั้นก็ต้องจัดการกับผู้นำของศัตรูเสียก่อน

ต่อให้พายุหิมะจะรุนแรง และพู่กันเฉียนคุนจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่อาวุธของเซียวเฉวียนเท่านั้น

ขอแค่จัดการกับเซียวเฉวียนได้ อาวุธของเขาก็ไร้ประโยชน์

ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะหาโอกาสในการลอบโจมตีเซียวเฉวียน!

นางไม่เคยคิดจะใช้วิธีการพวกนี้กับเซียวเฉวียนมาก่อน แต่เซียวเฉวียนก็ได้ระวังตัวเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไว้ตั้งนานแล้ว

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ในวินาทีที่นางหันไปสบตากับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนก็พอจะคาดเดาได้ว่านางน่าจะมีความคิดที่คดเคี้ยวบางอย่างอยู่ในใจ

หากใช้วิธีที่สง่างามเอาชนะไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องใช้ความมืดเข้าช่วย ไม่ใช่แค่นักปราชญ์เท่านั้นที่เป็นอย่างนั้น แม้แต่ย่าเหยียนเองก็เป็นเช่นนั้นด้วย

เคยตกอยู่ในมือของย่าเหยียนมาแล้วครั้งหนึ่งเนื่องจากไม่ระวังตัว หากตกไปอยู่ในมือของนางอีกครั้งด้วยวิธีเดียวกัน แบบนั้นเซียวเฉวียนจะไม่โง่เขลาไปหน่อยหรือ

แต่เซียวเฉวียนไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย เช่นนั้นแล้วเขาจะเปิดโอกาสให้ย่าเหยียนลอบโจมตีเขาได้อย่างไร?

เซียวเฉวียนยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ผู้นำเหยียน เจ้าอย่าหาหนทางให้เปลืองแรงเลยจะดีกว่า ต่อสู้กับพายุหิมะของข้าให้สบายใจเสียเถอะ”

“การต่อสู้ครั้งนี้จะไม่จบลงจนกว่าเจ้าจะถูกสังหาร!”

ทุกคนจะต้องชดใช้กับสิ่งผิดพลาดที่ตนเองทำลงไป!

เหมือนกับคำพูดที่ว่า แม้ว่าเจ้าจะหนีไปได้ครั้งหนึ่ง แต่เจ้าก็ไม่มีทางหนีไปได้ตลอดชีวิต!

อย่าคิดว่าเรื่องราวที่ผ่านไปหลายปีแล้ว เรื่องที่เจ้าทำผิดพลาดไปจะไม่มีผู้ใดเห็น เจ้าอยู่บนโลกมายาวนานมากกว่าพันปี เจ้าเข้าใจเหตุผลมากกว่าคนอื่นใด “ความชั่วร้ายที่ทำลงไป ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถูกเปิดเผยในสักวัน!” 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย