ในบทกวีนี้ กวีได้พรรณนาถึงทิวทัศน์อันงดงามของพรมแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือและฉากที่อบอุ่นในค่ายทหารซงเป่ย
แสดงความรักชาติของกวีและทหารชายแดน ความจริงใจที่พวกเขามีต่อเพื่อนร่วมรบ
บทกวีนี้ถูกหิมะทำให้เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด ความแข็งแรงของพู่กัน โครงสร้างที่เปิดโล่ง สะดวก ถูกต้องและมีชีวิตชีวา สร้างความรู้สึกที่สวยงามอย่างน่าประหลาดใจ ไม่เพียงแต่เขียนด้วยเสียงที่เหมาะสมผ่อนคลายและเชื่อมโยงกัน ยังอ่อนโยนและเป็นผลงานชิ้นเอกที่หาได้ยากของชายแดนอีกด้วย
อารมณ์ความรู้สึกในบทกวีสามารถกระตุ้นพลังการต่อสู้ในร่างของเซียวเฉวียน ทำให้การลงโทษด้วยวาจามีพลังมากขึ้น!
เมื่อเซียวเฉวียนพูดจบ ฟ้าดินก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ท้องฟ้าที่แต่เดิมแจ่มใสแดดออก ตอนนี้กลับมืดลง เมฆดําเข้ามาปกคลุมและอุณหภูมิก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
แค่กังฟูเดียว หิมะก็เริ่มตกลงมามากขึ้นเรื่อย ๆ
บอกให้เปลี่ยนก็เปลี่ยน แถมสภาพอากาศก็ยังแปรปรวนหนักขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ย่าเหยียนได้พบเห็นเรื่องแบบนี้
และสิ่งที่ยิ่งทำให้ย่าเหยียนประหลาดใจมากไปกว่านั้น นั่นก็คือ สายลมและหิมะทั้งหมดนั้นมุ่งเป้ามาที่เธอ
ลมพัดตรงมาที่หน้าของเธอ หิมะก็ตกลงมาที่เธอ
สายลมและหิมะพวกนี้ ก็เปรียบเสมือนอาวุธนับพันของเซียวเฉวียน เมื่อกระทบไปที่ร่างของย่าเหยียน จึงทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด
ก็เหมือนกับพู่กันเฉียนคุน ที่รู้ว่าตรงไหนจะทำให้ย่าเหยียนเจ็บปวดมากที่สุด สายลมก็พัดไปที่เธออย่างแรง หิมะก็ตกลงทางเธอ
อุณหภูมิที่ต่ําลงอย่างฉับพลัน ทำให้ย่าเหยียนสั่นเทาไปทั้งตัว
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า เซียวเฉวียนคนนี้มีเล่ห์เหลี่ยมเยอะจริง ๆ !
การลงโทษด้วยวาจานี้ ก็เป็นเรื่องยากที่ย่าเหยียนจะรับมือได้
เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เธอทำได้แค่เพียงสร้างฉากกั้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากลมและหิมะ
จริง ๆ แล้วย่าเหยียนก็อยากจะใช้ฉากกั้นมาขวางกั้นแสงแดงขาวของพู่กันเฉียนคุน
หลังจากที่มีฉากกั้นแล้ว ย่าเหยียนก็พึ่งจะพบว่าฉากกั้นของเธอป้องกันแสงจากพู่กันเฉียนคุนไม่ได้
แต่ก็ยังดีที่พอจะกันลมและหิมะได้อยู่บ้าง
แต่เธอยังไม่ทันได้คลายความเหนื่อยล้า เธอพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ
ทำไมฉากกั้นนี้ถึงได้มีลมรั่วเข้ามา?
ไม่เพียงแค่นั้น หิมะก็ยังสาดเข้ามาได้
การลงโทษด้วยวาจาของเซียวเฉวียนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น ย่าเหยียนก็ได้ยินเสียง “ตู๊ม” ในหู ฉากกั้นของเธอก็พังลง
แสงจากพู่กันเฉียนคุน พายุพิโรธเหมือนปีศาจมาโจมตีย่าเหยียน แรงถึงขนาดที่สามารถฝังย่าเหยียนได้ทั้งเป็น!
ตอนที่อยู่คุนหลุน ย่าเหยียนก็เคยได้ยินเรื่องการลงโทษด้วยวาจาและปากกา แต่ก็แค่ได้ยินมา ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเอง
ตอนแรกเธอก็รู้สึกว่า เก่งแค่ไหนก็คงสู้เธอไม่ได้
เธอก็ไม่เคยเก็บเรื่องการลงโทษด้วยวาจามาคิดเลย
วันนี้พอได้มาสัมผัสกับตัวเองแล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นมากจริง ๆ
เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของเธอ ก็ทําให้คนประหลาดใจมากขึ้นไปอีก!
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างการลงโทษด้วยวาจาและปากกานี้ขึ้นมา และได้ตกไปอยู่ในมือไอสารเลวเซียวเฉวียนอีก
ลมพัดมากขึ้นและแรงขึ้นเรื่อย ๆ ย่าเหยียนก็ห้อยอยู่ในอากาศอีกต่อไปไม่ได้แล้ว สุดท้ายก็ลงมาที่พื้น
หิมะก็ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เสื้อผ้าของย่าเหยียนก็เปียนชุ่มไปด้วยหิมะ หิมะตกหนักจนทับกันเป็นชั้น ๆ หนาวมากซะจนย่าเหยียนต้องแอบกระตุ้นกำลังภายในให้ตัวเองอบอุ่นขึ้น
นอกจากนี้ยังมีพู่กันเฉียนคุนที่คอยจ้องหาช่องโหว่เพื่อจะมาทำร้ายย่าเหยียน
เธอเพียงคนเดียว ไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเหล่านี้ได้จริงๆ
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ถ้าไม่ฆ่าเซียวเฉวียนทิ้งซะตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้ามันคงยากกว่านี้มาก
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เซียวเฉวียนก็พัฒนาขึ้นมากขนาดนี้ หากยังให้เวลาเขาเพิ่มอีก ถึงเวลานั้นบางทีย่าเหยียนอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป
นักปราชญ์มองไปที่ชายคนนั้นและพูดว่า “ที่นี่คือที่ไหนงั้นหรือ? เจ้าคือคนที่ช่วยข้าไว้หรือ?”
ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ที่นี่เป็นหมู่บ้านริมทะเลทราย ชาวบ้านที่นี่อบอุ่นมาก ท่านผู้เฒ่า พักผ่อนให้สบายใจเถอะ”
ที่แท้ นักปราชญ์ก็สลบไปสองวันแล้ว และส่วนชายคนนั้นเป็นพ่อค้า จะล่าช้าไม่ได้ จึงได้ให้เงินกับชาวบ้านและกำชับให้ดูแลนักปราชญ์ให้ดีที่สุด จากนั้นชายคนนั้นก็ได้จากไป
แต่ก่อนจะออกเดินทาง เขาก็ได้เข้ามาดูว่านักปราชญ์ฟื้นหรือยัง?
ถ้าไม่ใช่เพราะชายคนนี้ช่วยชีวิตเขาไว้ นักปราชญ์ก็อยากตบเขาจริง ๆ ยังมีหน้าจะมายิ้มอยู่อีก
นักปราชญ์ตกอยู่ในอาการโคม่ามาสองวัน กองทัพอาจตกอยู่ในมือของเซียวเฉวียนมากยิ่งขึ้น
มันถูกพระเจ้าลิขิตไว้หมดแล้ว !
นักปราชญ์ยิ่งใจร้อนก็ยิ่งล่าช้า
หลังจากที่รู้ถึงสภาพร่างกายของตัวเองและรู้สึกว่าเขาไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขาลุกขึ้นและเตรียมที่จะออกไปจากที่นี่
ชายคนนั้นรีบห้ามแล้วพูดว่า "ท่านผู้เฒ่า ท่านพึ่งตื่นมา จะรีบไปไหนกัน?"
นักปราชญ์หันกลับมามองและพูดว่า “จากทะเลทราย พวกเจ้าเดินทางมานานแค่ไหนแล้ว?”
ทันใดนั้น เขาก็จำได้ว่าที่ ๆ เขาอยู่ มันคือส่วนที่ลึกมาก ๆ ของทะเลทราย
จากที่นั่นออกจากทะเลทราย เป็นคนทั่วไปล่ะก็ ต้องใช้เวลานานหลายวัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง จู่ ๆ นักปราชญ์ก็รู้สึกว่า สองวันที่ชายคนนั้นบอกว่าโคม่า ก็คือตอนที่นอนอยู่ในหมู่บ้านนี้
จากทะเลทรายมาถึงหมู่บ้านนี้ ก็ไม่รู้ว่าเขานอนหลับไปนานแค่ไหนกัน
ผู้ชายตอบกลับมาทันทีทันใด "ก็ไม่นาน ก็แค่สามวันเอง"
สามวัน!
นักปราชญ์ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เผยให้เห็นสีหน้าแปลก ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...