ดวงตาของเซียวหมิงชิวเป็นประกายและเธอถามว่า "เจ้าได้ยินเสียงหัวใจของพวกข้าใช่หรือไม่?"
ในใจของเซียวหมิงชิวเธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้ยินเสียงหัวใจของมู่เวย เช่นนั้นมู่เวยก็เป็นคนที่มีพลังมาก อีกทั้งยังสามารถได้ยินเสียงหัวใจของเธอด้วย
เรื่องแค่นี้?
มู่เวยคิดว่าคืออะไร?
เธอพูดตามความเป็นจริงว่า "ไม่ได้ ข้าแค่เคยฝึกวิชาปิดกั้นอ่านใจ"
ดังนั้นเจ้าจะไม่ได้ยินเสียงหัวใจของข้า
ทันที เธอกล่าวว่า "พี่เซียวควรรู้ว่า ผู้ฝึกวิชาปิดกั้นอ่านใจ และวิชาการอ่านใจ มักจะต้องเลือกระหว่างใดระหว่างหนึ่ง"
"นักที่สามารถทำได้ทั้งสองอย่าง สามารถกล่าได้ว่ามีหนึ่งในหมื่น”
เท่าที่มู่เวยรู้ในสำนักหมิงเซียนทั้งหมด มีเพียงเสวียนอวี่เท่านั้นที่มีความสามารถพิเศษเช่นนี้ สามารถเรียนรู้ทั้งสองอย่างได้
แม้แต่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่อย่างนักปราญช์และเจ้าสำนักอย่างย่าเหยียนก็ทำไม่ได้
สิ่งที่เธอยังไม่รู้ก็คือเซียวเฉวียนสามารถทำได้แล้ว
เซียวหมิงชิวน่าจะน่าประทับใจกว่านี้อีก เธอเกิดมาพร้อมกับสองทักษะนี้ในหนึ่งเดียว
อาจกล่าวได้ว่าเขาคือลูกที่รักของสวรรค์
แต่เซียวหมิงชิวไม่ได้ตั้งใจจะบอกมู่เวยเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินสิ่งที่มู่เวยพูด เธอก็รู้สึกมั่นใจ จริงๆ แล้วเธอค่อนข้างกังวลว่ามู่เวยจะฟังเสียงหัวใจของเธอได้
แม้ว่าตอนนี้เธอจะรู้แล้วว่ามู่เวยไม่ใช่คนไม่ดี แต่เธอก็ยังไม่ต้องการให้มู่เวยฟังเสียงของเธอ
เหตุผลก็เหมือนกับของเซียวเฉวียนมันน่าเบื่อสำหรับคนอื่นที่จะรู้ทุกอย่างในใจของเขาได้ตลอดเวลา
เธอยังต้องการมีพื้นที่ของตัวเอง
ปรากฎว่ามู่เวยไม่ได้ยินเสียงหัวใจของเธอ นั่นเป็นสิ่งที่ดี
ตามคำพูดของเซียวหมิงชิว พอได้รับคำตอบ ก็โผไปในอ้อมแขนของมู่เวย
มู่เวยมองสาวน้อยผู้อ่อนโยนและน่ารักคนนี้ในอ้อมกอด และเต็มไปด้วยความสุข
หัวใจของมู่เวยแทบละลายเมื่อเธอตกหลุมรักคนน่ารักและฉลาดเช่นนี้
ในขณะนี้ ชิงหลงตื่นขึ้นมา
เขามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังและรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนและเซียวหมิงชิวปลอดภัยทั้งคู่
แต่ทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่นี่?
หญิงแปลกหน้าคนนี้คือใคร ?
เขามองไปที่เซียวเฉวียนด้วยความสับสน ก่อนที่เซียวเฉวียนจะพูดได้ มู่เวยก็ริเริ่มแนะนำตัวเองว่า "มู่เวยขอคารวะองค์ชายชิงหลง"
มู่เวย?
ชิงหลงเคยได้ยินชื่อนี้จากเซียวเฉวียนและมู่จิ่น
ที่แท้นางคือมู่เวย
ชิงหลงพูดเบาๆ “แม่นางมู่เวย เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพ”
สิ่งที่ทำให้ชิงหลงสงสัยคือ ทำไมมู่เวยถึงมาที่นี่?
ใช่ ทำไมมู่เวยถึงอยู่ที่นี่?
เซียวเฉวียนก็อยากรู้เช่นกัน
มู่เวยขอให้เซียวเฉวียนและชิงหลงนั่งลง จากนั้นเธอก็ได้ที่นั่งที่จะนั่ง เธออธิบายว่า "ตั้งแต่ข้าแยกจากพี่เซียวและศิษย์พี่ ระหว่างทางกลับไปที่ภูเขาหมิงเซียน ได้พบกับสาวกของสำนักหมิงเซียนที่กำลังรีบเร่งมาทะเลทรายที่แห่งนี้”
หลังจากสอบถาม เธอก็พบว่าพวกเขาได้รับคำสั่งจากนักปราชญ์ให้จัดการกับเซียวเฉวียน
เดิมทีสำนักหมิงเซียนมุ่งเน้นไปที่การฝึกแพทย์เพื่อช่วยชีวิตและรักษาผู้บาดเจ็บ แต่กลับได้เริ่มต้นเส้นทางการต่อสู้และการฆ่าเช่นนี้
เมื่อไรความบาดหมางจะได้รับการยุติ?
เดิมทีมู่เวยคิดว่าสำนักหมิงเซียนไม่เกี่ยวข้องกับโลกภายนอก และเพียงทำในสิ่งที่พวกเขาควรทำเท่านั้น เธอชอบบรรยากาศและวิธีการเหล่านั้น
แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น เธอค้นพบโดยสมบูรณ์ว่าสำนักหมิงเซียนไม่ใช่สำนักหมิงเซียนในความทรงจำของเธออีกต่อไป และเธอก็ไม่ต้องการกลับไปที่ภูเขาหมิงเซียนอีกต่อไป เพื่อแบกรับความรับผิดชอบของเจ้าสำนักในอนาคตของเธอ
เธอจึงใช้โอกาสหายตัวไปโดยไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
ส่วนสถานที่หลบซ่อนที่เหมาะสมที่สุดนั้นแน่นอนว่าคือทะเลทราย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...