นางยิ้มอ่อนและพูดว่า “ไม่ ไม่ต้องเกรงใจ”
ทนไม่ไหวจริงๆ
กิเลนคิดว่ามู่เวยเป็นคนถ่อมตัว คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นพิษที่มู่เวยสร้างมา และคิดไม่ถึงว่ามู่เวยพูดแบบนี้เพราะร้อนตัว
เพราะฉนั้น กิเลนไม่เพียงแต่มีภาพจำที่ดีเกี่ยวกับมู่เวย แถมมันยังปฎิบัติต่อมู่เวยอย่างสุภาพ มันหันกลับไปที่เซียวเฉวียน
สัตว์สงครามเช่นมัน ไม่ควรจะมาอยู่ฟังพวกเขาคุยกันที่นี่
พวกเขาพูดในเรื่องของตัวเอง กิเลนกลับพูดบ้างไม่ได้ น่าเบื่อเสียจริง
อีกอย่าง ห้องมืดนี้ยังไม่มีแสงสว่างเพียงพอ อึดอักจะตายชัก
เพราะงั้นกิเลนจึงอยากหนีออกจากห้องแห่งความลับนี้
แต่หากมันจะไปที่ใดต้องได้รับอนุญาตจากเซียวเฉวียนเสียก่อน
มันมองเซียวฌฉวียนด้วยสายตาเช่นนี้ ก็ไม่รู้เซียวเฉวียนจะเข้าใจมันไหม
เซียวเฉวียนทำได้เพียงอ่านใจคน ไม่สามารถอ่านใจสัตว์ได้ และแน่นอนว่าเขาไม่สามารถรับรู้สิ่งที่กิเลนจะสื่อได้
แต่ในพื้นที่เล็กๆนี้ กิเลนเองก็ตัวใหญ่บดบังพื้นที่ของคนอื่น
เพราะงั้นเซียวเฉวียนจึงพูดว่า “กิเลน เจ้าออกไปด้านนอกก่อน ไปดูว่าข้างหน้ามีอะไร”
เซียวเฉวียนไม่ได้เจอกับมู่เวยมานาน มีเรื่องมากมายอยากจะสนทนากับนาง
ถึงตอนนี้เซียวเฉวียนจะอยากออกไปจากที่นี่ แต่มู่เวยก็คงไม่ยอมแน่
เรื่องภายนอก มู่เวยยังมีอีกอย่างอย่างที่ต้องทำความเข้าใจกับเซียวเฉวียน
งั้นก็ให้กิเลนออกไปสำรวจที่อยู่ของกองทัพก่อน
เมื่อไก้ยินดังนั้น กิเลนก็รีบพยักหน้า หันตัวกลับออกไป
เซียวเฉวียนพูดเตือนว่า “ระวังด้วย อย่าทำให้งูตกใจ”
กิเลนส่งเสียงคำรามตอบรับ ก่อนจะออกจากห้องไป
ไปมาเหมือนกับลม
ในที่สุดกิเลนก็ออกไปแล้ว มู่เวยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหนึ่งที
มู่เวยมองไปที่มังกรเขียวด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะหันไปทางเซียวเฉวียนและพูดว่า “ท่านเซียว ท่านกับมังกรเขียวมาที่ทะเลทรายแห่งนี้ทำไม?”
พามังกรเขียวมาด้วย แน่นอนว่าเซียวเฉวียนคงไม่ได้เพียงมาเอาอาวุธออกไป ต้องมีเจตนาอื่นแฝง
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากเซียวเฉวียนจะมาเอาอาวุธจริงก็คงไม่มาถึงที่นี่หรอก
แม้คลังอาวุธจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ แต่เซียวเฉวียนก็ไม่จำเป็นต้องไปทางนี้
เซียวเฉวียนตอบ “มาหานักปราชญ์และกองกำลังชาวยุทธ์แท้”
กองทัพซ่อนตัวอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้มานานแล้ว แต่เซียวเฉวียนมัวแต่วุ่นกับการจัดการเรื่องอื่น และถูกย่าเหยียนพัวพัน ไม่มีเวลามาตามหาที่อยู่ของกองทัพที่นี่
มู่เวยก็เข้าใจเจตนาทันที นางถาม“นักปราชญ์และย่าเหยียนคงจะตามหาเรื่องท่านไม่หยุดใช่ไหม?”
จากกำลังของย่าเหยียนและนักปราชญ์แล้ว นางก็รู้ดีว่าแข็งแกร่งแค่ไหน
เซียวเฉวียนยังดีที่ถูกพัวพันเท่านั้น แต่ไม่ถูกฆ่า
ช่างน่าประหลาดเสียจริง!
มู่เวยมองไปที่มังกรเขียว “มังกรเขียนคงจะช่วยท่านไว้เยอะเลยใช่ไหม?”
ความแข็งแกร่งของชาวคุนหลุนเป็นที่หวาดกลัวต่อชาวโลกมานานนมแล้ว ยิ่งเป็นมังกรเขียวที่เป็นเจ้าชายแห่งคุนหลุนด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เขามีความสัมพันธ์อันดีกับเซียวเฉวียนมาตลอด เขาต้องช่วยเซียวเฉวียนจากอันตรายได้แน่นอน
แน่นอน เป็นเพราะความช่วยเหลือจากมังกรเขียวที่ทำให้เซียวเฉวียนหลุดพ้นจากง้ามมือของย่าเหยียนได้
แต่สิ่งที่ทำให้มู่เวยคิดไม่ถึงก็คือ คำตอบไม่ใช่แบบนั้น
มังกรเขียวตอบ “ไม่ใช่หรอก ความแข็งแกร่งของเซียวเฉวียนนั้นมีมากกว่าข้าเป็นไหนๆ”
ธรรมดาก็คงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากมังกรเขียว
และสิ่งที่ยังบอกนางไม่ได้ก็คือการที่มังกรเขียวหลบหนีออกมาได้เป็นเพราะความช่วยเหลือจากเซียวเฉวียน
อะไรกัน?
ความแข็งแกร่งของเซียวเฉวียนมีมากกว่ามังกรเขียวงั้นหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...