ใครจะคิดว่าจากความสงสัยนี้ จะไปสร้างความประหลาดใจให้ย่าเหยียน
ในตอนแรกเซียวเฉวียนและคนอื่นๆก็สงสัยว่าย่าเหยียนเป็นคนของคุนหลุน จนกระทั่งเขาได้รับบาดเจ็บจากย่าเหยียนและถูกแข็มพิษของย่าเหยียน นางคิดว่าเขาคงจะตายลง นางยังยอมรับต่อหน้าเขาว่านางคือคนของคุนหลุนและทุกสิ่งที่ทำกับกองทัพตระกูลเซียวก็เพื่อคุนหลุน
เพื่อจะโน้มน้าวให้มู่เวยเชื่อ เซียวเฉวียนสามารถงัดหลักฐานออกมาได้
เขาพูดด้วยเสียงต่ำ “ชุนเซียวถู ออกมา!”
ชุนเซียวถูออกมาตามเสียงเรียกปรากฎตัวต่อหน้าทุกคน
เซียวเฉวียนพูดต่อ “เริ่มเลย”
ชุนเซียวถูกางตัวออก จากนั้นคำพูดที่ย่าเหยียนเคยพูดกับเซียวเฉวียนก็ปรากฎขึ้นมา
เสียงของย่าเหยียนชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ มู่เวยทราบดีว่าแค่ฟังก็พอจะเดาได้
เซียวเฉวียนพูดต่อ “เป็นอย่างไรล่ะ ทีนี้เจ้าก็เชื่อได้รึยัง?”
เมื่อเห็นมู่เวยไม่ตอบสนอง เซียวเฉวียนจึงพูดต่อ “หากเจ้ายังไม่เชื่อ ข้าจะให้ชุนเซียวถูแสดงฉากที่เกิดขึ้นในวันนั้น”
มีทั้งภาพและเสียงขนาดนี้ ถึงมู่เวยจะไม่อยากเชื่อยังไงก็คงต้องเชื่อ
และแน่นอนว่าความจริงแล้วไม่มีภาพอะไรหรอก ตอนนั้นชุนเซียวถูยังอยู่ในแขนเสื้อของเซียวเฉวียนทำได้แค่บันทึกเสียงเหตุการณ์เท่านั้น
ที่เซียวเฉวียนพูดแบบนี้ก็เพื่อเป็นกลอุบายแก่มู่เวยเพื่อให้นางยอมรับความจริง เซียวเฉวียนแน่ใจดีว่ามู่เวยคงไม่ขอดูภาพเหตุการณ์นั้นหรอก
เพียงแค่เสียงเหล่านี้ก็สามารถยืนยันได้แล้ว
สุดท้ายมู่เวยก็พูดออกมาว่า “ไม่จำเป็นหรอก”
มู่เวยเชื่อตั้งแต่ที่เซียวเฉวียนพูดว่าย่าเหยียนเป็นคนของคุนหลุนแล้ว เมื่อได้ยินว่านางทำเรื่องเหลือเชื่อพวกนั้น มู่เวยยื่งเชื่อเข้าไปใหญ่ แถมตอนนี้ยังมีการบันทึกเสียงยืนยันอีก ทำให้มู่เวยเองก็ฝืนใจยอมรับความจริงข้อนี้
เรื่องประหลาดของสำนักหมิงเซียน อันที่จริงมู่เวยเองก็เคยเห็นกับตาจากผู้นำมาบ้างแล้วว่าเขาหมิงเซียนมีเรื่องลึกลับแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ
เพียงแต่ตอนนั้นเธอและเซียวฌฉวียนคิดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของนักปราชญ์ คิดไม่ถึงว่าจะมีส่วนเกี่ยวโยงกับย่าเหยียน
แม้แต่ทักษะต่างๆในสำนักหมิงเซียน ย่าเหยียนก็เป็นคนนำมาจากเขาคุนหลุน ก่อนจะปรับเปลี่ยนบางอย่างและนำกลับไปเผยแพร่ใหม่ที่นั่น
ที่แท้เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงก็เป็นอาวุธที่นางใช้แก้แค้นเขาคุนหลุน
ความจริงมันเป็นเช่นนั้น!
ช่างเหลื่อเชื่อจริงๆ!
ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวเฉวียนกลัวตัวตนที่แท้จริงของย่าเหยียน ก็จะไม่มีใครรู้เลยหรอ?
เซียวเฉวียนมองด้วยสายตาที่เย็นชา “ถึงไม่มีข้า ยังไงก็ต้องมีคนเปิดเผยตัวตนของนาง”
เหมือนเมฆมวลใหญ่บนฟากฟ้า เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีฝนตกลงมา!
ตัวตนและความชั่วร้ายของย่าเหยียน ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่ดี
ถ้าจะใช้คำพูดแบบคนสมัยนี้พูดกันก็คือ ความลับไม่มีในโลก ความยุติธรรมแม้จะมาช้าแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี
ถึงเรื่องนี้จะผ่านมาสิบห้าปีแล้ว แต่ความแค้นของกองทัพตระกูลเซียว สักวันต้องมีคนมาล้างแค้นแทนให้
ต่อให้ผ่านไปอีกกี่พันปี การกระทำที่ชั่วร้ายของย่าเหยียนก็ต้องถูกเปิดโปงในที่สุด
นี่คือเครื่องยืนยันที่ดีที่สุด
เพราะงั้นคนชั่วยังคงลอยนวล
คนกำลังทำ ฟ้าก็กำลังดู อย่าคิดว่าจะสามารถซ่อนไว้ได้
ต่อให้ไม่ใช่เซียวเฉวียน แต่วันนึงฟ้าก็จะลิขิตให้คนชั่วๆแบบนี้ได้รับผลกรรม
เหตุผลเหล่านี้ มู่เวยที่อยู่ในสำนักหมิงเซ๊ยวซึ่งเป็นนิกายของสวรรค์นั้นรู้ดีมาตลอด
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เวยก็พูดเบาๆว่า “สิ่งที่เซียวเฉวียนพูดก็มีเหตุผล”
เซียวเฉวียนเก็บชุนเซียวถูและพลางพูดไปด้วย “โชคดีที่เจ้าไม่ได้กลับไปที่เขาหมิงเซียน”
ถ้าตอนนั้นนางเลือกจะกลับไป นางจะต้องเจ็บปวดทรมาน
ด้านหนึ่งก็คือย่าเหยียนผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูนางมาแต่เด็ก อีกด้านก็คือความยุติธรรมในใจ
หากนางกลับไปก็คงต้องเลือกเพียงหนึ่ง
ต่อหน้าย่าเหยียนและนักปราชญ์หากนางเลือกอย่างหลัง นางก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศและตายในที่สุด
แต่หากนางเลือกอย่างแรกก็คงขัดกับมโนธรรมของนาง และนางก็คงใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข ไม่มีความรู้สึกของการเป็นมนุษย์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...