เพราะเซียวเฉวียนเป็นคนที่มักทำสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และสิ่งที่เขาทำก็ล้วนน่าทึ่ง
อย่างเรื่องการทำลายผนึกจูเสิน เขาก็กล้าคิด
ไม่เพียงแค่คิด แต่เขายังลงมือทำ และที่สำคัญที่สุดคือเขาประสบความสำเร็จ
ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงเป็นตัวตนที่พิเศษ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเสี่ยวเซียนชิวเป็นตัวอย่าง ชิงหลงจึงรู้สึกว่าสิ่งที่เซียวเฉวียนพูดนั้นสมเหตุสมผล เขาสามารถยอมรับเซียวหมิงชิวที่เก่งกาจได้
สรุปง่ายๆ ก็คือ ชีวิตของเซียวเฉวียนและคนรอบข้างเขา ไม่สามารถมองด้วยสายตาของคนทั่วไปได้
ถ้ามองด้วยสายตาของคนทั่วไป สุดท้ายแล้วคนที่ลำบากก็คือตัวเขาเอง
เซียวเฉวียนใช้เวลาเพียงหนึ่งปี จากนักศึกษาขี้แพ้ที่ใครๆ ก็รังแก กลายเป็นคนที่ต่อสู้กับผู้มีอำนาจต่างๆ ได้ และยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่พ่ายแพ้ นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ
ตัวเขาเองก็มีเรื่องน่าประหลาดใจมากมาย ตอนนี้ก็แค่มีเซียวหมิงชิวเพิ่มมาอีกคน
ด้วยคำพูดของเซียวเฉวียน บวกกับชิงหลงเองก็คิดวนไปมา คิดจนเข้าใจ เขาจึงไม่สงสัยเซียวหมิงชิวมากนัก และยอมรับคำอธิบายของเซียวเฉวียน
เมื่อเห็นชิงหลงมีท่าทีเชื่อ เซียวเฉวียนก็โล่งอกอย่างลับๆ
การมีลูกสาวที่มีพลังมหาศาลก็มีเรื่องน่าปวดหัว
เรื่องที่น่าปวดหัวที่สุดคือ เซียวเฉวียนต้องหาวิธีแก้ต่างความอยากรู้อยากเห็นและความสงสัยของคนอื่นอยู่เสมอ
โชคดีที่คนที่รู้จักเซียวหมิงชิวมีน้อยมาก และล้วนเป็นคนที่น่าเชื่อถือและถูกเซียวเฉวียนหลอกได้ง่าย เซียวเฉวียนจึงหลอกได้ง่ายขึ้น
เมื่อได้ยินพ่อของเธอหลอกองค์ชายแห่งภูเขาคุนหลุนแบบนี้ ดวงตาของเซียวหมิงชิว ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจปกปิดได้ เธอพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เป็นไงคะ อาชิงหลง คราวนี้คุณอาเชื่อคำพูดของหนูแล้วหรือยังคะ?”
เซียวหมิวชิวไม่ใช่อารมณ์ร้อน ถึงแม้จะถูกชิงหลงตั้งคำถาม แต่เธอยังสามารถพูดกับชิงหลงอย่างใจเย็น
ถ้าเป็นเสี่ยวเซียนชิวที่มีอารมณ์ร้อน คงจะโมโหใส่ชิงหลงแน่ ๆ
เธอเป็นคนไม่รู้ แต่เธอมีใจอธิบายให้ฟัง แต่กลับไม่เชื่อ
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
เมื่อได้ยินดังนั้น ชิงหลงรีบขอโทษหมิงชิว “อาชิงหลงผิดเอง”
ไม่น่าเชื่อเธอ
เซียวหมิงชิวทำท่าเป็นผู้ใหญ่ ใจดีมาก “ไม่เป็นไรค่ะ อาชิงหลงไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของหนู ก็เลยสงสัย เป็นเรื่องปกติค่ะ”
“อาชิงหลงไม่ต้องคิดมากนะคะ”
ฟังดูสิ เด็กคนนี้เข้าใจมาก
ชิงหลงยิ้มเบาๆ พูดว่า “หมิงชิวช่างเป็นเด็กดีเสียจริง”
แต่ว่า ชิงหลงก็อดสงสัยไม่ได้ “แสดงว่าที่นี่มีตำราโบราณของภูเขาคุนหลุนที่ย่าเหยียนซ่อนไว้?”
เซียวหมิงเซียวพยักหน้า “ตามหลักแล้ว ใช่ค่ะ”
ถ้าเธอไม่ได้กลับมาเอาตำราโบราณไปไว้ที่อื่น ตำราโบราณเหล่านั้นก็น่าจะอยู่ในป่าแห่งนี้
แต่เธอไม่รู้ว่าตำราโบราณอยู่ที่ไหน
อีกอย่าง ความทรงจำในหัวของเธอมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น ว่าย่าเหยียนกลับมาหรือไม่ เธอก็ไม่รู้
แต่มีอย่างหนึ่งที่แน่ใจได้คือ ย่าเหยียนไม่ได้มาที่นี่ห้าร้อยปีปีก่อน
อย่าถามเซียวหมิงชิว ว่าเธอรู้เรื่องมากมายได้อย่างไร ถามไปเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน
อาจจะเหมือนกับเซียนอุ๊ที่รู้เรื่องราวมากมายบนโลกตั้งแต่เกิด
แต่ที่ต่างคือ เซียวหมิงชิว รู้มากกว่าเสี่ยวเซียนชิว
ด้วยเรื่องของย่าเหยียนเป็นบทพิสูจน์ ชิงหลงจึงเชื่อสิ่งที่เซียวหมิงชิวพูดทั้งหมด
เมื่อได้ยินว่ามีโอกาสค้นพบตำราโบราณของภูเขาคุนหลุนในป่าแห่งนี้ รอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าของชิงหลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...