และแน่นอนนี่เป็นเพียงความคิดฝั่งเซียวเฉวียนเท่านั้น
แต่สำหรับมังกรเขียวแล้ว เกราะป้องกันของป่าได้ทลายลงแล้ว หากเขาออกจากป่าในเวลานี้ เกิดมีคนบังเอิญผ่านมาหรือเกิดย่าเหยียนนึกขึ้นมาได้และมาเอาตำราโบราณไป เราจะสูญเสียไม่น้อย
เขาเข้าใจความหมายของเซียวเฉวียน คือให้เขาหาตำราโบราณต่อไปและเซียวเฉวียนเองก็จะหาที่อยู่ของกองทัพ
เขารู้ว่าเซียวเฉวียนมีวิธีหลบหนี แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่มีอะไรต้องหนี
หรือจะให้พูดอย่างตรงๆเลย ต่อให้เซียวเฉวียนจะเป็นคนหามันเจอก่อนมังกรเขียวแล้วแอบไว้เงียบๆ เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ยังไงซะตอนนี้ความสามารถของเซียวเฉวียนก็อยู่เหนือเขาแล้ว หากเซียวเฉวียนจะเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติมสักเล็กน้อย ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
มังกรเขียวมีลางสังหรณ์ว่าอนาคตคุนหลุนและต้าเว่ยอาจรวมเป็นหนึ่ง
มันจะเป็นความรู้สึกเดียวกับที่ซินเจียงล่มสลาย
เหมือนดังที่เซียวเฉวียนเคยว่าไว้ ไม่มีอะไรในโลกที่แยกกันอยู่นานได้ หากพวกเขาแยกกัน วันนึงมันก็จะมาบรรจบกัน
และจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว ต้าเว่ยนั้นแข็งแกร่งมาก และผู้ที่อ่อนแอก็จะถูกกลืนกินไปเป็นธรรมดา
นอกจากนี้มังกรเขียวยังไม่ได้ยึดติดอะไรกับตำแหน่งกษัตริย์ เขาไม่ใช่พวกบ้าอำนาจขนาดนั้น
หากสามารถช่วยผู้คนให้พ้นจากความทุกข์ทรมานจากสงครามได้ มังกรเขียวก็ยินดีจะยกคุนหลุนให้กษัตริย์ต้าเว่ย
และแน่นอนว่ามังกรเขียวไม่ได้คิดแบบนี้มาตั้งแต่แรก เพียงแค่เขาได้อยู่กับเซียวเฉวียนมากเข้าแล้วได้รับอิทธิพลมาจากเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนยุติธรรมและรักสันติ เขาเป็นแบบนั้นมาเสมอ
และกษัตริย์ต้าเว่ยเองก็เป้นคนมีเมตตา ขอเพียงประชาชนคุนหลุนมีชีวิตที่สงบสุข การจะไม่มียศไม่มีศักดิ์ในราชวงศ์ก็ไม่เป้นปัญหาอะไรสำหรับเขา
แม้แต่ตำแหน่งกษัตริย์มังกรเขียวยังสละได้ นับประสาอะไรกับแค่ตำราโบราณนั่น เขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำถ้ามันจะต้องตกอยู่ในมือของเซียวเฉวียน
อย่างไรก็ตามเซียวเฉวียนเป็นคนมีจิตใจบริสุทธิ์ ทุกสิ่งที่เขาทำก็เพื่อประเทศชาติและประชาชน ยิ่งเขาแข็งแกร่งและมีความสามารถมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็จะสามารถสร้างประโยชน์แก่ผู้คนได้มากขึ้นเท่านั้น
และยิ่งไปกว่านั้น มังกรเขียวก็เชื่อใจเซียวเฉวียนว่าเขาจะไม่แอบเอาตำราโบราณไปเก็บไว้คนเดียว
เซียวเฉวียนต้องการสิ่งใดเขาก็จะพูดออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ไม่มีลักเล็กขโมยน้อยแน่นอน
ถึงจะแย่งชิง แต่เขาก็แย่งชิงมาด้วยความสามารถของเขาเอง เขามีความตรงไปตรงมา
ดังนั้น มังกรเขียวพูดอย่างใจเย็น “หากมีคนเพิ่มสักคน คงจะหาตำราโบราณได้ง่ายขึ้น ถ้าเซียวเฉวียนไม่ว่าอะไร พอจะอยู่ที่นี่ช่วยข้าได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำพูดของมังกรเขียว เซียวเฉวียนก็มองไปที่เขาด้วยตาเป็นประกาย “ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจที่ท่านมีให้ข้า ในเมื่อท่านเอ่ยปากมาแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรข้าก็เต็มใจจะช่วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น มังกรเขียวก็จับมือของเขาแล้วพูดว่า “ขอบคุณท่านมาก”
เซียวเฉวียนตอบกลับ “ไม่ต้องเกรงใจ”
ในตอนนั้นไฟยังไม่ดับ และฝนก็ยังไม่ตกลงมา เซียวเฉวียนต้องรอให้ฝนห่าใหญ่ตกลงมาทำให้ไฟดับก่อน ถึงจะทำการค้นหาได้
ณ พระราชวังต้าเว่ยในนครเมือง
เรื่องไปไกลเกินความคาดหมายของหวังซวนมาก
กษัตริย์ไม่เพียงแต่เอนเอียง แต่ยังมีใต้เท้าจางพูดโน้มน้าวให้กษัตริย์ยิ่งเอนเอียงเข้าไปใหญ่ หวังซวนเองที่ตั้งใจจะตัดบทก็คงยากแล้ว
ช่างน่าโมโหจริงๆ!
เขากะจะถือโอกาสนี้พูดถึงเซียวเฉวียนต่อหน้ากษัตริย์และรัฐมนตรี แต่ก็เหมือนแผนจะล่มเสียแล้ว
เขามองไปที่ใต้เท้าจางด้วยความโมโห ตาแก่นี่ช่างเรื่องเยอะเสียจริง!
เมื่อก่อนคนที่ให้ร้ายเซียวเฉวียนเป็นเขา แต่ตอนนี้คนที่ปกป้องเซียวเฉวียนก็ยังเป็นเขาอีก ไม่รู้ว่าเขาไปโดนอะไรมาถึงเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...