ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 224

คืนส่งท้ายปี ยังเหลือเวลาอีกเจ็ดวันจึงจะถึงวันปีใหม่

วันนี้ ที่ลานบ้านของเซียวเฉวียนคึกคักเล็กน้อย เซียวเฉวียนลาป่วยมาโดยตลอด ไม่ได้ไปทำงานที่กองราชองครักษ์

วันนี้ขุนนางต้าเว่ยเริ่มหยุดพักผ่อนกันแล้ว เหลาหลี่กองราชองครักษ์หิ้วกับแกล้มมาเยี่ยมเซียวเฉวียน

นับตั้งแต่เซียวเฉวียนเป็นอัมพาต เฉาสิงจือ สวีซูผิงรัฐมนตรีการคลัง และคนอื่น ๆ ที่เคยชื่มชม รวมทั้งฝากความหวังไว้กับเซียวเฉวียน ก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย

ความรู้สึกเย็นชาและอบอุ่นของมนุษย์ เซียวเฉวียนเข้าใจดี

เป็นเรื่องปกติที่คนจากไป น้ำชาก็เย็นลง เซียวเฉวียนไม่สนใจแม้แต่น้อย

แต่คนที่กองราชองครักษ์ คอยไถ่ถามทุกข์สุขอยู่ทุกวี่วัน โดยเฉพาะหลี่มู่ ที่ฝากคนนำจดหมายมาให้เขาทุกวัน บอกเขาว่าที่กองราชองครักษ์ต่างรอให้เขากลับไป ส่งกำลังใจให้เขาใช้ชีวิตอย่างอิ่มเอิบไปด้วยจิตวิญญาณ อย่าได้หมดอาลัยตายอยาก และรักษาตัวให้ดี

คำพูดเช่นนี้ ราวกับว่าหากมีทัศนคติที่ดีก็ทำให้อัมพาตหายไปได้

ดูไม่ออกว่า หลี่มู่ยังเป็นปรัชญาแห่งความเพ้อฝันอีกด้วย

แต่ความห่วงใยจากกองราชองครักษ์ เซียวเฉวียนก็รู้สึกยินดีมาก เพื่อนในยามยากคือเพื่อนแท้!

เหลาหลี่กระดกเหล้าเข้าปาก “ใต้เท้าเซียว ท่านจงรีบหายโดยไว ช่วงที่ท่านไม่อยู่ที่กองราชองครักษ์ ช่างน่าเบื่อเหลือทน! ต้าหลี่มีเรื่องหนักอกหนักใจอยู่ทุกวัน พวกข้าไม่กล้าพูดแม้แต่ประโยคเดียว”

ต้าหลี่ ก็คือหลี่มู่

โดยส่วนตัวแล้ว คนในกองราชองครักษ์ต่างก็เรียกตามเซียวเฉวียน ไม่เรียกหลี่มู่ว่าใต้เท้า แต่เรียกว่าต้าหลี่

เหลาหลี่และเซียวเฉวียนนั่งดื่มสังสรรค์กัน ฉินเฟิงที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในลานบ้าน ก็เงี่ยหูแอบฟังบทสนทนา

“มีเรื่องหนักอกหนักใจงั้นรึ?”

เซียวเฉวียนขมวดคิ้วยุ่ง เหลาหลี่พยักหน้าอย่างจริงจัง คิ้วของหลี่มู่ไม่เคยผ่อนคลายแม้แต่วันเดียว ราวกับว่าเขาอมทุกข์อยู่ทุกวัน

การเปรียบเทียบของเหลาหลี่ ทำให้เซียวเฉวียนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ต้าหลี่มีความรักงั้นรึ?”

“ถุย! ไร้สาระ!” เหลาหลี่พ่นน้ำออกจากปาก คำว่ามีความรัก เหมาะกับแค่หนุ่มสาวที่มีอารมณ์รัก สำหรับผู้ชายเหล่านี้ที่มีอายุสามสี่สิบปีแล้ว คำว่ามีความรัก คงดูเพ้อฝันมากไปเสียหน่อย

เหลาหลี่ตบที่เซียวเฉวียนเบา ๆ “เขาเป็นห่วงอาการป่วยของท่าน เพื่อที่จะหาตำรับยาในการรักษาท่าน เขาตามหาหมอฝีมือดีทั่วเมืองหลวง”

หลี่มู่ยังคิดเรื่องนี้อยู่อีกหรือ? เซียวเฉวียนกระพริบตาปริบ ๆ เหล่านายท่านใหญ่อย่างหลี่มู่ แม้โดยปกติจะรังเกียจเขา แต่ในใจกลับเป็นคนจิตใจดี

“แต่ท่านเองก็ทราบดี คนทั่วเมืองหลวงดูแคลนกองราชองครักษ์ของเรามากเพียงไหน ต้าหลี่ตามหาหมอฝีมือดีให้ท่าน ก็ได้รับการดูถูกไม่น้อย”

“หาเจอแล้วรึ?”

“เฮ้อ… อย่าพูดถึงเลย หมอฝีมือดีมีไม่น้อย แต่ไม่มีผู้ใดยอมรักษาให้ท่าน” เหลาหลี่ส่ายหัวอย่างรังเกียจรังงอน “ท่านบอกหน่อยว่าท่านผิดใจกับใครมากมายนัก แต่ละคนต่างพากันซ้ำเติมท่าน แม้แต่หมอที่พูดโอ้อวดว่าตัวเองเป็นหมอผู้มีเมตตา เมื่อได้ยินชื่อของท่านก็โบกมือลา ต้าหลี่ขอร้องอย่างไรก็ไร้ผล”

วันนี้เหมือนว่าเหลาหลี่ไม่ได้มาเพื่อปลอบใจ แต่มาสาดน้ำแข็งใส่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ

เซียวเฉวียนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่เหลาหลี่ไม่ได้สนใจไยดี เขาเองก็ชินชาแล้ว “ให้ต้าหลี่แก้เอกสารราชการก็พอแล้ว ไม่ต้องกลัดกลุ้มใจเรื่องของข้า”

“เจ้าสิ้นหวังไปเองใช่หรือไม่?”

เหลาหลี่ตื่นเต้นมาก “ไม่เสียหน่อย! พวกข้ารอให้ท่านมาฟื้นความมีชีวิตชีวาให้กองราชองครักษ์เชียวนะ! จู่ ๆ ท่านก็เป็นอัมพาตลงกระทันหัน และถ้าไม่ใช่ว่ากระดูกสันหลังได้รับความเสียหาย หากท่านได้หมอดี ๆ มารักษา ไม่แน่ว่าอาจจะดีขึ้น”

“ไม่มีหวังหรอก”

เซียวเฉวียนเหลือบมองอย่างรวดเร็วไปที่ฉินเฟิงที่นั่งฟังหูผึ่ง และแสร้งทำเป็นผิดหวังอย่างยิ่ง

วันนี้เจ้าเด็กฉินเฟิงลอยหน้าไปมา เขากำลังคิดจะทำอะไร? นาน ๆ ทีจะมีคนมาเยี่ยมเยียนเซียวเฉวียน เจ้าเด็กคนนี้ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แทบจะเอาหูแนบตัวเซียวเฉวียนเสียอยู่แล้ว เซียวเฉวียนส่งสัญญาณให้ไป๋ฉี่ระวังมากขึ้น

“น่าเสียดาย! น่าเสียดาย! คนที่มีชีวิตอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงเป็นอัมพาตได้ง่าย ๆ” เหลาหลี่ตบลงที่ต้นขา น้ำตาแทบไหล สวรรค์กลั่นแกล้งคนเก่ง! สวรรค์กลั่นแกล้งคนเก่ง!

ก่อนหน้านี้ ได้ยินว่าปีศาจกวีรับเซียวเฉวียนเป็นศิษย์ อย่าได้ถามเลยว่าคนในกองราชองครักษ์ดีใจมากเพียงใด แต่ยังไม่ทันดีใจได้เกินห้าวัน ตำนานการรับเป็นศิษย์ก็กลายเป็นเรื่องน่าขัน!

เซียวเฉวียนเพียงยิ้มแห้ง ๆ เพื่อให้ทุกคนคิดว่าเขาเป็นอัมพาตจริง ๆ ไม่เช่นนั้นจะมีคนขัดขวางเขา ไม่ให้มีรอยมังกรรากเหง้าการฝึกตนอย่างแน่นอน

หากไม่มีรากเหง้าการฝึกตน เขาก็ไม่อาจผูกจิตกับไป๋ฉี่ได้ จะเป็นการต่อสู้ที่ไร้ค่า!

ผู้อารักขาไม่อาจห่างจากเจ้านาย เรื่องรากเหง้าการฝึกตน ไม่ควรมีอะไรผิดพลาด

“เหลาหลี่ รากเหง้าการฝึกตนนี้ เจ้ามีหรือไม่?”

เซียวเฉวียนไม่เคยเห็นรากเหง้าการฝึกตน มีหน้าตาเป็นอย่างไร เมื่อเหลาหลี่ได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกราวกับได้รับความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง “ผู้ชายคนไหนไม่มีรากเหง้าบ้าง? ท่านจะดูรากเหง้าของข้ารึ?”

เดิมทีเซียวเฉวียนอยากจะร้องไห้ น้ำตาเกือบหลั่งออกมาเสียอยู่แล้ว “ท่านพี่ เจ้าพูดเช่นนี้ ผู้อื่นจะเข้าใจผิดว่าข้าวางแผนชั่วต่อท่าน”

“ทำไมกัน? มีอะไรที่ดูไม่ได้? พวกเราคนกันเองทั้งนั้น! รอสักครู่ ข้าถอดเสื้อผ้าก่อน”

ไป๋ฉี่จ้องไปที่ฉินเฟิง ซึ่งถูกเหลาหลี่พูดจาอย่างองอาจผึ่งผาย จนตกใจเสียจนส่ายหน้าหนี “นายท่าน ไม่ห้ามหน่อยรึ?”

เหลาหลี่แทบจะแก้ผ้าอยู่แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย