ที่ลานบ้านตระกูลเซียว
เซียวเฉวียนที่อยู่ในยุคศตวรรษที่ 21 เขาไม่มีงานอดิเรกใดๆ นอกจากการหมกมุ่นอยู่กับวัตถุของเก่าโบราณทางวัฒนธรรมทุกวัน ชอบกินชอบดื่ม มีเพียงทรัพยากรในโลกามนุษย์เท่านั้นที่ปลอบประโลมจิตใจและไส้พุงของชาวมนุษย์ธรรมดาทั่วไปได้มากที่สุด
เมื่อเขามาถึงโลกของต้าเว่ย เซียวเฉวียนรู้สึกอดอยากเต็มทีเพราะไม่มีพริก เกือบจะบ้าคลั่งเมื่อขาดเหล้า เขารู้ว่าสภาพความเป็นอยู่และความอุดมสมบูรณ์ทางวัตถุในสมัยโบราณนั้นไม่ดีเท่าในยุคปัจจุบัน แต่เขาไม่คิดว่าผู้คนในต้าเว่ยจะมีชีวิตที่น่าเบื่อถึงขนาดนี้
เขายังพออดใจได้ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือให้เล่น แต่อาหารของต้าเว่ยนั้น สำหรับเซียวเฉวียนผู้ซึ่งเคยกินอาหารจีนหลัก 8 ชนิดในยุคปัจจุบันมาแล้ว เป็นอาหารจืดชืดจนทำให้คนทำอะไรไม่ถูก เขาคิดถึงอาหารเสฉวนและหูหนาน อาหารกวางตุ้ง อาหารซานตง......
พริกจะยังไม่สามารถหาได้ในระยะหนึ่ง แต่เหล้าสามารถปรุงได้ด้วยมือตัวเอง
ระหว่างทางที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลฉิน เซียวเฉวียนแวะไปซื้อธัญพืชใหม่ที่ออกในปีนี้ที่ร้านเล็กๆ กลั่นเหล้า ต้องเลือกธัญพืชใหม่ที่ปราศจากโรคราน้ำค้าง แมลง และธัญพืชต้องเต็มเมล็ดเพื่อทำเป็นวัสดุพื้นฐาน
การทำแป้งเปียกของธัญพืชเป็นพื้นฐานในการกลั่นเหล้า และผลของการทำแป้งเปียกนั้นจะเป็นตัวกำหนดตัดสินคุณภาพขั้นสุดท้ายของเหล้าโดยตรง
เจลาติไนเซชันหรือการทำแป้งเปียกคือการทำให้ธัญพืชดูดซับน้ำที่เหมาะสม ทำให้เมล็ดแป้งแตกตัว อำนวยความสะดวกในการสัมผัสเชื้อรา และเตรียมน้ำและสารอาหารที่เหมาะสมสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
การหมักเหล้าขาวในลัษณะของแข็งแบบดั้งเดิมส่วนใหญ่ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การกรอง การซาว การแช่ การทำให้แห้ง การนึ่งครั้งแรก การตุ๋น การทำให้เย็น และการนึ่งซ้ำ แต่ละกระบวนการมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด สุดท้ายมาวินิจฉัยว่าทำสำเร็จหรือไม่โดยใช้ประสาทสัมผัส!
อาศัยความทรงจำในสมอง เขาพูดพล่ามในปาก ถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อซาวข้าว ป้าแม้วบอกว่าอยากช่วย แต่เขาก็ไม่ให้ช่วย เขาต้องการทำเองทุกขั้นตอน
มารดาของเซียวเฉวียนอยู่ข้างๆ พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ลูกอยากเหล้ามากขนาดนี้หรือ เมื่อก่อนลูกไม่เคยแตะต้องแม้แต่หยดเดียวนี่นา"
“ที่ทำอยู่นี่เพื่อจะเอาไปขายครับ ไว้กลั่นเสร็จแล้ว แม่ลองชิมดูสิ มันต้องไม่เหมือนกับเหล้าที่เคยดื่มมาก่อนอย่างแน่นอน”
คำตอบของเซียวเฉวียนทำให้มารดาอึ้งไปชั่วขณะ ฟังไม่ค่อยเข้าใจ "ลูกอยากทำการค้าหรือ"
“แน่นอน ไม่อย่างนั้นมีฝีมือก็เสียเปล่า ลูกจะปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของทุกคนดีขึ้น พวกคุณที่อยู่กันที่นี่มันยากลำบากเกินไปแล้ว”
มารดาของเซียวเฉวียนฟังไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกชายพูดในระยะหลังนี้ ท่านรู้สึกว่าลูกชายเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อน แต่ก็บอกไม่ถูกว่าอะไรเปลี่ยนไป
และลูกชายก็ไม่ให้มารดาเรียกชื่อเขาว่า ลูกติ้ง บอกให้เรียกว่า ลูกเฉวียน แทนดีกว่า
มารดาเซียวเฝ้ามองดูอยู่ข้างๆ เป็นเวลานาน ลังเลที่จะพูด เห็นลูกชายซึ่งอยู่ใกล้ต่อหน้า แต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่ไกลสุดขอบฟ้า
เซียวเฉวียนแช่ธัญพืชไว้เสร็จ เช็ดน้ำที่มือด้วยเสื้อผ้า "แม่ แม่มีอะไรจะบอกกับลูกไหม"
ตอนที่เซียวเฉวียนกลับเข้าบ้านมาเมื่อสักครู่นั้น ได้เล่าอย่างตื่นเต้นให้มารดาฟังถึงเรื่องโต้ฝีปากกับซ่งจือมาอย่างไร ท่านครุ่นคิดอยู่นานแล้วยังถามว่า "ลูกเฉวียน ลูกต้องคิดให้ดีนะ จะไปออกสนามรบสู้กับศัตรูจริงๆหรือ?"
“แน่นอน แต่ว่าก่อนหน้านั้น ลูกยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ”
เซียวเฉวียนตอบไปโดยไม่ลังเล
ต้าเว่ยอยู่ในสภาวะสงคราม ในสภาวะล่อแหลมนี้ มีวิชาปัญญาอะไรก็ไร้ประโยชน์ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีอำนาจอยู่ในมือ
แต่การจะได้มาซึ่งอำนาจนั้น ในสมัยโบราณมีช่องทางแสวงหาที่สะดวกที่สุดคือ 1. สอบให้ได้พร้อมชื่อเสียง 2. สืบทอดทางวงศ์ตระกูล 3. เข้าสู่สนามรบและสร้างผลงานทางทหาร
การสืบทอดทางวงศ์ตระกูลนั้น เซียวเฉวียนคงไม่มีหวัง
ดังนั้น เซียวเฉวียนได้แต่สมัครเข้าสนามสอบเพื่อสอบให้ได้มาพร้อมชื่อเสียง แต่ตอนนี้ตระกูลเซียวไม่มีบรรพบุรุษที่จะมาอุ้มชูเขา และไม่มีรากฐาน แม้เขาจะสอบได้และได้รับความโปรดจากจักรพรรดิ ทรัพย์สมบัติของตระกูลเขายังไม่แข็งแกร่งพอ จึงยังไม่อาจท้ายทายกับผู้คนที่มีฐานะและอิทธิพลได้
ไม่ใช่ว่าเซียวเฉวียนไม่สามารถสู้ศึกในสนามรบได้ ถึงอย่างไรเขาก็ได้ร่ำเรียนตำราวิทยายุทธ์มาอย่างช่ำชองแล้วทั้งสิบสำนักของสมัยโบราณ เช่น "ศิลปะแห่งสงครามของซุนวู" "อู๋จื่อ" "วิชาซือหม่า" เป็นต้น เขาจำได้อย่างคล่องแคล่วและวางแผนกลยุทธ์ได้สบาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...